ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 322

ประตูสุสานนั้นสูงแค่ครึ่งเมตร กว้างเท่าตัวคน หากจะเข้าไปต้องก้มตัวลงอย่างหนัก เฉินซ่าเบียดเข้าไปทั้งอย่างนี้ แล้วยังรู้จักคิดจะลากนางเข้ามาด้วย

ครั้นถึงตาหลูต้าลี่ก็ให้ลำบากเล็กน้อย เพราะร่างกายของเขาสูงใหญ่เกินไปจริงๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวติดอยู่กับปากทาง เมื่อกรงเล็บอินทรีตัวนั้นตวัดเข้ามา ก็ทำเอาแขนเขาเป็นแผลสามรอยลึก เกือบตวัดจนแขนเขาต้องขาดไปทั้งดุ้นแล้ว

โชคดีที่กำลังหลูต้าลี่น่าทึ่ง แค่สะบัดไหล่ไปก็สะบัดกรงเล็บของมันออกไปได้ ขณะเดียวกันพวกเฉิงสิบกับโหลวซิ่นก็ดึงแขนเขาอีกข้างจากข้างใน ด้วยกำลังของคนหลายคน จึงฉุดเขาเข้ามาได้

เยว่คลำกลไกปิดประตูได้จากด้านล่าง

เวลานี้ไข่มุกเรืองแสงเม็ดเล็กๆ ที่อยู่บนศีรษะของโหลชีก็ทำหน้าที่อีกครั้ง อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถมองเห็นสภาพภายในได้ชัด

ที่เหนือความคาดหมายก็คือ สภาพพื้นด้านในขุดลึกลง แม้ทางเข้าจะเตี้ย แต่พอเข้ามาระดับความสูงก็มากกว่าสองเมตร หลูต้าลี่ล้มจ้ำบ๊ะลงกับพื้น ส่วนคนอื่นสามารถยืนตัวตรงได้สบาย

อีกอย่าง ยังมีทางเชื่อมเฉียงๆ อีกทาง ด้านล่างมีช่องว่างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง พื้นดินอะไรเหมือนกับข้างนอก มีหลุมฝังศพสามสี่หลุม อย่างกับถูกอุโมงค์สุสานนี้ครอบไว้อย่างนั้น และอาจเป็นไปได้ว่าหลุมฝังศพเหล่านั้นเดิมก็กองอยู่ในหลุมลึกนี้

"เจ้าตัวโต เจ้ายังไหวอยู่ไหม?" โหลวซิ่นถาม

หลูต้าลี่ซี๊ดเสียงหนึ่ง รู้สึกว่าแขนทั้งแขนแทบจะไม่มีความรู้สึกแล้ว จึงหน้าละห้อยเอ่ย "นกใหญ่นั่นร้ายกาจจริงๆ!"

อีกนิดเดียว เขาก็ต้องถูกฉีกแขนไปทั้งเป็นแล้ว

เยว่เอ่ย "โหลวซิ่นทำแผลให้เขาหน่อย" ว่าแล้วก็คลำยาภายนอกจากอกออกมาขวดหนึ่ง แม้ยาของเขาจะไม่ดีเท่าของโหลชี แต่ก็เป็นของหมอเทวดาแห่งพั่วอวี้ จัดว่าดีทีเดียว

หลังจากส่งให้โหลวซิ่นแล้ว เขาก็รู้สึกแปลกอยู่หน่อย เพราะปกติโหลชีต้องออกตัวให้ยาเขาก่อนกระมัง?

ขณะที่เขามองทางโหลชี เฉินซ่าก็มองโหลชีแล้ว

มองตรงไปทางหลุมฝังศพที่อยู่ด้านหน้า

ใช่ หลุมฝังศพเหล่านั้นรายล้อมหลุมฝังศพใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง นั่นเป็นหลุมฝังศพดินที่เหมือนกับของข้างนอก เป็นหลุมฝังศพที่ไม่มีแผ่นป้าย แต่ใหญ่กว่าหลุมฝังศพอื่นอย่างเห็นได้ชัด

ด้านข้างหลุมฝังศพนั้นมีดอกปี่อั้นบานอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้แล้วก็เป็นวัชพืช ไม่มีสิ่งอื่น

ทันใดนั้นโหลชีก็สลัดออกจากมือของเขา แล้ววิ่งพรวดไปที่หลุมฝังศพนั้น

"พระสนม!" เยว่คิดจะดึงนางไว้ตามจิตใต้สำนึก แต่กลับจับไม่อยู่

"พวกเจ้าตามหาเด็กคนนั้น" เฉินซ่าเอ่ยมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ไล่ตามนางไป

โหลชีวิ่งไปจนถึงหน้าหลุมฝังศพนั้นแล้วถึงจะหยุด

เฉินซ่ามองนาง เส้นสายตานางตรง อย่างกับจ้องบางจุดในนั้นอยู่ แต่เขาดูแล้ว ที่นั่นไม่มีสิ่งใด

"ชีชี?"

โหลชีไม่ขานรับ

"ชีชี เจ้าเห็นอะไร?"

ลูกตาโหลชีขยับ แต่ยังไม่สนใจเขา นางเดินเข้าไป ยื่นมือไปจับแล้วถอนวัชพืชจุดนั้นทิ้งอย่างกับควบคุมไม่อยู่ จากนั้นสองมือก็เริ่มตะกุยไม่หยุดด้วยความเร็วสูง

"ชีชี!"

เฉินซ่าจับข้อมือนางพรึบ อยากห้ามการกระทำที่ทำร้ายตัวเองนี้ แต่โหลชีกลับออกแรงสะบัดเขาออก แล้วขุดหลุมฝังศพต่อด้วยสิบนิ้ว

"เจ้าจะขุดอะไร? ข้าจะช่วยเจ้าขุด" เฉินซ่าใช้มือข้างหนึ่งคล้องเอวนางจากด้านหลัง อีกมือหนึ่งก็ใช้เป็นคม เสียบเข้ากับดินตรงจุดที่นางต้องการขุด เดินกำลังภายในที่ฝ่ามือ แล้วกระแทกซ้ายขวาอย่างละที กำลังภายในที่แข็งแกร่งกระแทกเกิดเป็นโพรง และทำให้ดินบริเวณนั้นหลวมด้วย ครั้นกระแทกไปอีกครั้ง ก็ขุดเป็นหลุมใหญ่หนึ่ง

โหลชีมองเงียบๆ ไม่เอ่ย เฉินซ่าหนักใจ รู้ว่าท่าทางนางไม่ปกติ

เยว่กับคนอื่นๆ ก็รู้สึกแปลกด้วย จึงไม่สนใจคำสั่งที่เฉินซ่าให้พวกเขาตามหาเด็ก แล้วพากันวิ่งมาอยู่ข้างกายเขา ครั้นมองดู พวกเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย เพราะโหลชีแปลกไปชัดเจน แปลกมาก

ตลอดมา แม้จะบอกว่าพวกเฉิงสิบเป็นองครักษ์ของนาง แต่ระยะที่ผ่านมา โหลชีเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขามักรู้สึกว่าตนแค่อยู่เป็นเพื่อนนางเท่านั้น แต่นางกลับปกป้องพวกเขา เวลานี้พวกเขาไม่เป็นอะไร แต่โหลชีกลับผิดปกติ ทันใดนั้นเฉิงสิบกับโหลวซิ่นก็รู้สึกถึงภาระใหญ่หลวง พวกเขาถามตนเองในใจ หากแม่นางเกิดเอง พวกเขาจะปกป้องนางได้หรือ?

"ฝ่าบาท ข้าน้อยขุดเอง!" พวกเขาขึ้นหน้าไปแทนที่เฉินซ่าพร้อมกัน โหลชีขัดขืนเล็กน้อย แต่เฉินซ่าโอบนางไม่ปล่อย แล้วพานางถอยออกก้าวหนึ่ง

"ขุด" กลางริมฝีปากเขาเอ่ยคำหนึ่งออกมา

พวกเขาไม่ติดใจกับหลุมฝังศพนี้เลย เรื่องขุดหลุมฝังศพ หากโหลชีต้องการขุด พวกเขาจะไม่ลังเลและพูดเป็นอื่นเด็ดขาด

"ข้าเองๆ" หลังจากแขนของหลูต้าลี่พันแผลแบบคร่าวๆ ไปแล้วก็นั่งไม่ติด วิ่งมาทันที ถุยน้ำลายใส่ฝ่ามือสองครั้ง สีมือนิดหน่อย แล้วราวกับกลายร่างเป็นรถแม็คโครในพริบตา เดินเครื่องเต็มกำลัง ชั่วครู่เดียวก็เห็นละอองดินฟุ้งออกมาเป็นกอบใหญ่ๆ ขณะที่เขากองเป็นสองข้าง ตัวของเขาก็ค่อยๆ มุดเข้าไปข้างใน ขุดได้เป็นหลุมใหญ่แล้ว และถึงกับไม่ต้องให้พวกเฉิงสิบต้องออกแรงด้วย

โหลวซิ่นกลืนน้ำลายลงอึก พึมพำ "เฮ้ยๆ เจ้าตัวโตถึกอย่างกับวัวแน่ะ" นี่เหมือนคนที่แขนเกือบขาดที่ไหนกัน? หรือว่าหลูต้าลี่ไม่ใช่แค่มีพลังมหาศาลแต่เกิด แต่ยังไม่กลัวเจ็บด้วยหรือ?

เยว่มองโหลชี ที่จริงพวกเขาแค่รู้สึกว่านางแปลก แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงคิดว่านางรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างเท่านั้น

ไม่นาน หลุมฝังศพก็ถูกเปิดออก

และทันทีที่เห็นของข้างใน พวกเขาก็ตกตะลึง นี่เป็นหลุมฝังศพกระมัง? ถ้าข้างในไม่ได้ฝังร่างตรงๆ เช่นนั้นก็ควรต้องเห็นโลงศพก่อน?

เหตุใดจึงมีของพรรค์นี้ได้? หรือจะเป็นสุสานเครื่องทรง?

เป็นที่รู้กัน ว่าหลุมนี้ใหญ่กว่าหลุมที่อยู่รอบๆ ชัด

แต่หลุมนี้มีเพียงกล่องไม้กล่องหนึ่ง ขนาดประมาณหนึ่งฟุต และไม่รู้ว่าเป็นไม้อะไร ฝังอยู่ในดินมานานขนาดนั้นก็ไม่ผุ ลวดลายบนนั้นยังเห็นได้อย่างชัดเจน

โหลชีออกแรงดิ้น เฉินซ่าเกรงว่าจะทำให้นางเจ็บ จึงได้แต่ปล่อยมือ นางแล่นเข้าไปทันที คุกเข่าที่พื้น แล้วหยิบกล่องไม้นั้นขึ้นมา

เฉินซ่าสังเกตรู้แล้ว ตั้งแต่เห็นหลุมฝังศพจนถึงตอนนี้ โหลชีไม่ปริปากพูดสักคำ ประหนึ่งนางสูญเสียความสามารถทางภาษาไปแบบกะทันหัน

เขาเดินเข้าไปใกล้ นั่งยองข้างตัวนาง สังเกตอาการนางตลอดเวลา

โหลชีวางกล่องไม้นั้นไว้ที่พื้นตรงหน้าตัวเอง มองลวดลายบนนั้น แล้วยื่นมือเปิดฝาออก ไม่มีกลไกหรือยาพิษอย่างที่พวกเขาจินตนาการ กล่องนั้นก็ถูกนางเปิดออกเบาๆ เช่นนี้

ข้างในมีปิ่นระย้าอันหนึ่ง

ปิ่นระย้าหงส์ทองคำนี้ประดับด้วยอัญมณีหลากสีเต็มไปหมด ประกายสดใส สีสันสะดุดตา

อัญมณีที่ติดอยู่ตรงขนของหงส์ พวกเขาไม่เคยเห็นอย่างที่งดงามและเป็นประกายเช่นนี้มาก่อน ขนหงส์เก้า แต่ละเส้นมีอัญมณีเก้าเม็ด แค่ที่ขนก็มีแปดสิบเอ็ดเม็ดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดวงตาทั้งคู่ของหงส์ก็เป็นอัญมณีงดงามถึงที่สุด

"ทำไมถึงฝังปิ่นระย้าหงส์เจ็ดสีที่นี่ได้?" เยว่ตะลึงหนัก

แค่ปิ่นระย้าอันนี้ก็มีค่าควรเมืองแล้ว ปฐพีนี้คงหาอันที่สองไม่ได้อีก

แต่ที่เฉินซ่าสนใจใช่มูลค่าของปิ่นระย้านี้ เขาขมวดคิ้วมองโหลชี นางแค่มองปิ่นระย้านี้อย่างชะงักงัน ไม่มีความไหวติง กระทั่งไม่กะพริบตาด้วย

"ชีชี?"

เขาเรียกหยั่งเชิง แต่โหลชีก็ยังไม่ขยับ ลูกตาก็นิ่งด้วย

เฉินซ่าจึงจัดการเบ็ดเสร็จ สับต้นคอนางด้วยมือไปทีหนึ่ง โหลชีตัวอ่อนล้มลง โถมตัวเข้าอยู่ในอ้อมอกเขา เฉินซ่าอุ้มนางขึ้น แล้วเอ่ยเสียงหนัก "เก็บไว้ หาเด็กคนนั้นเจอแล้วก็ออกไปทันที"

"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!"

เยว่ปิดกล่องนั้นทันที แล้วอุ้มขึ้น

ส่วนเฉิงสิบกับโหลวซิ่น แม้จะเป็นห่วงโหลชีแต่ก็ไม่กล้าชักช้า ค้นหารอบบริเวณทันที ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เป็นหลุมฝังศพจริงๆ และไม่มีโลงศพด้วย

เฉิงสิบค้นหาเด็กคนนั้นเจอจากมุมหนึ่ง "เจอแล้ว!"

เด็กคนนั้นสวมชุดเขียวอ่อน บนศีรษะมีมวยผม ไหล่ทั้งสองข้างมีเลือด บนตัวเขาก็มีดินและรอยเลือดเต็มไปหมด ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉิงสิบยื่นมืออุ้มเขาขึ้นมา เมื่อนั้นก็พบว่าเขากำลังมีไข้สูง

ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้หิวมานานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ทั้งบาดเจ็บทั้งมีไข้สูง เฉิงสิบจำได้ โหลชีเคยบอกกับพวกเขา ว่าแบบนี้จะเป็นบาดทะยักได้ง่าย และจะตายเพราะโรคนี้ง่ายๆ ด้วยเช่นกัน

"พวกเจ้ามียาลดไข้ไหม?"

เยว่ส่ายหน้า

เฉิงสิบอุ้มเด็กคนนั้นเอ่ย "เด็กคนนี้ต้องรีบช่วยด่วน!" มิเช่นนั้นเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่!

"ตอนนี้แม่นางก็ทำยาด้านนี้ไม่ได้ด้วย"

"ออกไปหาต้นน้ำ ลดอุณหภูมิให้เขา" โหลวซิ่นก็จำโรคและวิธีการรักษาพื้นฐานที่โหลชีเคยอธิบายกับพวกเขาได้บางส่วนเหมือนกัน

ไม่ออกไปไม่ได้แล้ว

โหลวซิ่นกับหลูต้าลี่เปิดทาง จากนั้นก็เป็นเฉิงสิบที่อุ้มเด็ก แล้วเป็นเฉินซ่าที่อุ้มโหลชี เยว่มือหนึ่งอุ้มกล่อง อีกมือหนึ่งก็ถือกระบี่ปิดทางด้านหลัง เบียดออกจากช่องสุสาน

ครั้นออกไปได้แล้ว พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องของนกใหญ่ดังก้องขึ้นอีก สีหน้าแตกตื่นพลัน

"ไป! จะเผชิญหน้ากับมันไม่ได้!"

เฉินซ่าเลือกทิศทางหนึ่ง แล้วรีบเร่งเร็วปรี่

ทุกคนตามติดๆ ทันที

สายลมคาวบนท้องฟ้า ไล่ตามตะครุบมา ก่อนหน้านี้โหลชีเคยพูดว่านี่เป็นอินทรีกลายพันธุ์ แค่อินทรีที่ไม่กลายพันธุ์ ถ้าโจมตีมนุษย์ก็ยากจะทัดทานได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ‘กลายพันธุ์’ คำนี้ พวกเขามิใช่ไม่เคยลำบากเพราะกลายพันธุ์คำนี้มาก่อน

กอปรกับสภาพโหลชีในตอนนี้ เด็กคนนั้นก็ร่อแร่ พวกเขามีเวลาประลองกับเจ้าอินทรีตัวนี้ที่ไหน? ดังนั้นทุกคนจึงเอาแต่วิ่ง วิ่งๆๆ ลิ้มรสการวิ่งสุดชีวิตอีกครั้ง

"ฟืบ!"

อินทรีตัวนั้นร่อนลงตะครุบศีรษะของโหลวซิ่น เขากลิ้งลงกับพื้นทันที กรงเล็บอันแหลมคมนั้นจึงคว้าเถาวัลย์ข้างตัวเขาแทน ครั้นออกแรงกระชาก ก็เกือบเข้าพันตัวเฉิงสิบอีก เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นหลูต้าลี่ที่ใช้ตัวกระแทกเข้ากับอินทรีสุดแรง

ส่งเสียงดังอึกราวกับการปะทะของสองกำลังภายในอย่างดุเดือด

"หนีไป หนีไป!" หลูต้าลี่ตะโกนขึ้น

เฉิงสิบก็ตะโกนกลับอย่างรวดเร็ว "สุดยอดไปเลยต้าลี่!"

เดิมทีพวกเขานึกว่าหลูต้าลี่มีแต่กำลัง แต่คิดไม่ถึงว่ายามวิกฤต ร่างทรงพลังนี้กลับเป็นประโยชน์มาก

แต่อินทรีตัวนั้นก็ไม่โง่ มันบินสูงขึ้นทันที ขอแค่กรงเล็บคมสองข้างนี้คว้าศีรษะ หากคว้าได้ เกรงว่าต้องโผล่มันสมองออกมา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ