ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 323

"ต้าลี่ รีบหนีเร็ว!"

เมื่อเยว่หันไปมองก็ตกใจหน้าเปลี่ยนสี ดันกระบี่ยาวในมือย้อนกลับไปสุดแรง กระบี่ยาวตัดลมเกิดเป็นเสียง แทงถูกปีกล่างของอินทรีตัวนั้น คลาดไปนิดเกือบแทงถูกกรงเล็บทั้งสอง แม้หลูต้าลี่ตัวโตแต่กลับไม่เงอะงะ ฟุบลงหลบกรงเล็บแหลมนี้ได้พอดี

เยว่วิ่งโร่กลับมา มือหนึ่งฉุดเขา "ลุกขึ้นมาเร็ว รีบหนี!"

หลูต้าลี่คลานขึ้นมา เมื่อถูกเขาฉุดวิ่งก็กระหืดกระหอบเอ่ย "ต่อไปข้าจะฝึกยุทธ์บ้าง แล้วฝึกอันนี้ที่วิ่งได้เร็วๆ ด้วย!"

"นี่เรียกว่าวิชาตัวเบา!"

เยว่ฉุดหลูต้าลี่ที่หนักเกือบร้อยกิโลกรัมวิ่ง วิ่งเร็วได้ไม่ถึงไหนจริง เมื่อหันกลับมามอง อินทรีนั้นกระพือปีก กระบี่ยาวที่เดิมเสียบอยู่ที่ปีกมันก็ร่วงลงมา เยว่ตะลึงในใจ คิดไม่ถึงว่าร่างกายอินทรีตัวนั้นจะแกร่งเพียงนี้ กระบี่ที่เขาพุ่งออกไปเต็มกำลังกลับแทงเข้าไปเพียงเล็กน้อย สะบัดทีเดียวก็ร่วงลงมาแล้ว! เช่นนี้...บาดแผลที่อยู่บนตัวมันก็แทบจะไม่ระคาย!

"รีบหนีเร็ว!"

แม้อินทรีจะถูกทำให้เจ็บนิดหน่อย แต่เดือดดาลชัดเจน แผดเสียงร้องหนึ่ง ร่อนปีกเลี้ยวกลับมาไล่ตามพวกเขา

"ข้างหน้ามีถ้ำหิน!" โหลวซิ่นแว่วเสียงมา

เบื้องหน้าพวกเขาปรากฏภูเขาหินหนึ่ง หินขนาดยักษ์เชื่อมต่อกัน ราวกับภูเขาหินใหญ่ที่ใช้หินสร้างขึ้นมา และหินเหล่านี้ก็มีจำนวนมากที่ไม่ได้แนบชิดกันสนิท ดังนั้นจึงมีร่องและถ้ำหินจำนวนมาก และในบรรดาเหล่านั้นมีถ้ำหินใหญ่ที่สุดอยู่ บนถ้ำหินนั้นมีจุดหนึ่งที่มีดินรวมกันอยู่ ที่กลางร่องนั้นมีเถาวัลย์ยาวขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นอยู่ ทอดตัวลงมาจำนวนหนึ่ง ราวกับเป็นม่านของถ้ำนี้

มีเถาวัลย์ยาวพวกนี้อยู่ อินทรีตัวนั้นก็เข้ามาไม่ได้

"เข้าไป!"

เฉินซ่าอุ้มโหลชีเข้าถ้ำหินนั้นไปก่อน โหลวซิ่นหันมาเห็นเยว่ฉุดหลูต้าลี่วิ่งได้ช้ามาก จึงย้อนกลับไป และเห็นอินทรีตัวนั้นโฉบลงมาพอดี จะงอยแหลมจะจิกศีรษะของเยว่

"ใต้เท้าองครักษ์เยว่ก้มหัวลง!"

โหลวซิ่นตะโกนโพล่งออกไป เยว่กดศีรษะของหลูต้าลี่ลงทันที ส่วนตัวเองก็ก้มศีรษะลงพรึบ กระบี่โหลวซิ่นวาดผ่านศีรษะพวกเขา ชั่วแวบเดียวก็ฟันจะงอยของอินทรี แต่กลับได้ยินเสียงตึก เสียงร้องของอินทรีฟังรู้ได้ถึงโมโห ทว่ากระบี่ของโหลวซิ่นกลับบิ่นไปนิดหนึ่ง!

"แม่เจ้า! เร็ว รีบเข้าไปในถ้ำ!"

ปากอินทรีนั้นแข็งยิ่งกว่ากระบี่เขาอีก! ที่ฟันไปเมื่อครู่เขายังใช้กำลังภายในด้วย แต่ปากอินทรีกลับไม่สะทกสะท้าน ที่เพลี่ยงพล้ำกลับเป็นกระบี่ของเขา!

นั่นยังจะสู้ด้วยได้ที่ไหน? สู้ได้ที่ไหน?!

เยว่ยังอุ้มกล่องไว้ในมือ อีกมือหนึ่งก็ฉุดหลูต้าลี่ต่อ วิ่งอ้าวไปทางถ้ำหินนั้น วิ่ง!

โหลวซิ่นต้านอินทรีอย่างยากลำบาก สู้ไปก็ถอยไป ในที่สุดอินทรีก็หมดความอดทน อ้าปาก กรงเล็บคมทั้งสองคว้ากระบี่ยาวเขาไว้ และไม่รู้ว่าออกแรงอย่างไร แพล็บเดียวก็หักกระบี่ยาวของเขา หักไปแล้ว!

"ข้าไปล่ะ!" ความตกใจนี้ของโหลวซิ่นช่างใหญ่หลวงนัก ขณะที่ตัวเขาวิ่งไปถึงปากถ้ำ กรงเล็บอินทรีก็ถึงหลังเขาแล้วเช่นกัน...

โหลวซิ่นรู้สึกถึงลมเข้าปะทะ ใจเขาตกถึงตาตุ่ม คิดเพียงเคราะห์นี้ยากจะหนีพ้น

แต่ทันใดนั้นก็มีแรงดูดทรงพลังเข้ามา ดูดเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นอินทรีก็พุ่งเข้ามาถึง ด้วยที่หยุดไม่ทัน ดังนั้นจึงชนเข้ากับถ้ำทั้งตัว เกิดเป็นเสียงโครมสนั่น เศษหินและฝุ่นดินร่วงลงมา

การชนครั้งนี้ทำให้อินทรีมึนหลงทิศ ร้องครางหลายเสียง วนเวียนอยู่ด้านนอกพักหนึ่งแล้วถึงเงียบไป

ภายในถ้ำหิน ทุกคนรอให้มันบินไปแล้วถึงพากันถอนหายใจเฮือกยาว

"ขอบพระทัยบุญคุณที่ฝ่าบาทช่วยชีวิตพ่ะย่ะค่ะ" โหลวซิ่นรอดมาได้ ย่อมรู้ว่าแรงดูดทรงพลังเมื่อครู่เป็นเพราะเฉินซ่ายื่นมือเข้าช่วย

"สำรวจรอบๆ พักอยู่ที่นี่ก่อน" เฉินซ่าอุ้มโหลชีแล้วนั่งลงกับหินที่เรียบจุดหนึ่ง ให้นางพิงอยู่ในอ้อมอกเขา

...

โหลชีสะลึมสะลือลืมตาขึ้น แต่ที่เข้าจักษุกลับเป็นความเหลืองอร่าม โคมวังหลวงที่งดงามและซับซ้อน ตำหนักที่มีสีเหลืองทองเป็นหลัก เสามังกรแกะสลักสีแดงชาด ดูสูงศักดิ์และโอ่อ่าเคร่งขรึมยิ่ง

โต๊ะทำงานไม้ประดู่มีกระดาษเซวียนจื่อสีเหลืองนวลกางอยู่ หนึ่งพู่กัน หนึ่งแท่นหมึก หนึ่งที่ทับกระดาษ แล้วยังเหมือนได้กลิ่นหอมหมึกจางๆ

ข้างในเตาผิงสามขามีควันลอยขึ้นเล็กน้อย นอกหน้าต่างเป็นค่ำคืนดึกสงัด

ทันใดนั้นด้านหลังก็แว่วเสียงเปิดประตูเบาๆ

ครั้นโหลชีหันหน้าไปก็เห็นผู้หญิงในชุดชาววังอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นคลุมหน้าด้วยผ้าขาวบาง มองไม่เห็นหน้าตา แต่คิ้วตาของนางกลับทำให้โหลชีรู้สึกคุ้นเคยมาก

"ท่านเป็นใคร?"นางเอ่ยถามอย่างร้อนรน ทว่านางผู้นั้นกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน อุ้มเด็กทารกไปดูที่หน้าโต๊ะทำงาน แล้วหัวเราะเบาๆ

"เสี่ยวชี เจ้าดูสิ ท่านพ่อของเจ้ายังบอกว่าจะวาดภาพเหมือนเจ้าแน่ะ ผ่านไปวันหนึ่งแล้วยังไม่เห็นจะขยับพู่กัน"

เสียงของนางนุ่มนวล เสนาะหูยิ่ง

โหลชีได้ยินแล้วก็ตะลึงในบัดดล เสี่ยวชี? พี่ชายของนางเล่าว่านางตอนเด็กๆ โหลเหล่าไท่จวินบอกว่าชะดาแปดอักษรของนางหนักเกินไป คิดว่าห้าขวบแล้วค่อยตั้งชื่อให้นาง เนื่องจากนางอยู่ในลำดับที่เจ็ด ดังนั้นจึงเรียกนางว่าเสี่ยวชีมาตลอด ตอนนี้หญิงผู้นี้ก็เรียกทารกที่อยู่ในอ้อมแขน นี่เป็นความบังเอิญ? ชื่อเหมือนกัน?

หรือว่า...

นางเดินเข้าไปใกล้อย่างอดไม่ได้ "ท่านเป็นใคร? รีบบอกข้ามาว่าท่านเป็นใคร?"

ทว่าสายตาของนางกลับหันไปมองทารกในอ้อมแขน แล้วเดินอีกสองสามก้าว วางทารกลงตั่งนุ่มด้านข้าง จากนั้นก็เดินจากไป

เมื่อนั้นโหลชีจึงมั่นใจ ว่านางมองไม่เห็นละไม่ได้ยินเสียงตน ระหว่างที่สับสนนางเหมือนจะรู้ว่าตนอยู่ในความฝัน

แต่ความฝันนี้ชัดเหลือเกิน เหมือนกับจิตนางออกจากร่างมาสถานที่นี้

นางเดินไปทางตั่งนุ่ม แล้วมองใบหน้าทารกคนนั้น

เจ้าเนื้ออมชมพู ดวงตาโตดุจโมราดำ ปากกระจุ๋มกระจิ๋ม น่ารักน่าชังเหลือเกิน

แต่โหลชีมักรู้สึกแปลกนิดๆ นางไม่รู้ว่าตนเองตอนเป็นทารกหน้าตาเป็นอย่างไร รูปถ่ายแรกของนางก็เป็นตอนที่ต้องทำบัตรนักเรียนประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ในบัตรต้องติดรูป ดังนั้นนักพรตเลวถึงพานางไปถ่าย เรื่องนั้นนางเองก็จำได้

แต่ก่อนหน้านั้นนางไม่ได้รูปถ่ายเลย แม้ว่าตอนที่นางห้าขวบก็ถูกนักพรตเลวพาไปช่วยงาน เริ่มรับภารกิจแล้ว และนางก็เก็บเงินเองด้วย

แต่ตอนที่นางอยู่ชั้นประถมก็เคยถามนักพรตเลวว่าตนหน้าตาเป็นอย่างไร นักพรตเลวยังมองนางอย่างรังเกียจแล้วบอกว่าตอนเด็กๆ นางหน้าตาดีกว่าตอนนี้เยอะ

จะใช่แบบนี้หรือเปล่านะ?

โหลชีอดยื่นนิ้วไปแตะใบหน้าอมชมพูของทารกนั้นเป็นไม่ได้ แต่ยังไม่ทันสัมผัสถูก ปากประตูก็มีเสียงดังปังขึ้นอีก เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้ามา ในมือกอดกล่องหนึ่งอยู่ วิ่งไปก็ร้องเรียกไป "ท่านแม่ๆ ของขวัญวันเกิดท่าน!"

โหลชีจำได้ทันที พ่อหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อคนนี้ก็คือโหลฮ่วนเทียนนั้นเอง! เช่นนี้...ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นแม่ของนางจริงๆ? และเด็กทารกนี่ก็คือนาง?

ก็ขณะที่นางกำลังตะลึงงันอยู่ ฮ่วนเทียนตัวน้อยก็สะดุดล้มถลาไปด้านหน้าทั้งตัว กล่องที่อยู่ในมือก็ด้วย ฝาเปิดออก ปรากฏสิ่งของที่อยู่ข้างใน

ปิ่นระย้าหงส์ทองประกายที่ระยิบระยับสลับกับอัญมณีหลากสี

"เทียนเทียน ไยเจ้าจึงไม่ระวังเช่นนี้" หญิงนางนั้นรีบวิ่งเข้ามา พยุงฮ่วนเทียนตัวน้อยลุกขึ้น แล้วเมื่อเห็นปิ่นระย้าหงส์ก็ชะงักไปอึดใจหนึ่ง

โหลชีจำได้ นี่ก็คือกล่องที่นางกับพวกเฉินซ่าเข้าแดนต้องห้ามของเผ่าชักมังกรแล้วขุดออกมาได้ ปิ่นระย้าหงส์นี้ก็คืออันที่นางขุดได้อันนั้น!

แต่ถ้านี่เป็นของขวัญวันเกิดของแม่นาง แล้วเหตุใดจึงถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพนั้น? พวกเขาก็คือตระกูลโหลหรือ?

โหลชีอยากมองสถานการณ์ข้างนอกว่าเป็นอย่างไร ที่นี่คือที่ไหน และอยากรู้ว่าผู้ใดเป็นคนมอบปิ่นระย้าหงส์นี้กันแน่ แต่ขณะที่นางคิดจะออกประตู จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังเข้ามา

ฮ่วนเทียนตัวน้อยคิดจะวิ่งย้อนกลับไปทันที "ท่านแม่ ข้าออกไปดูเกิดอะไรขึ้น!"

"เทียนเทียน อย่าออกไป!" นางกอดฮ่วนเทียนตัวน้อยไว้แน่นทันที โหลชีเห็นดวงตาของนางเผยความตื่นตระหนกและความเศร้า เกิดความรู้สึกฉงนใจ เมื่อครู่มิใช่ยังดีๆ อยู่หรือ? เสียงรบราฆ่าฟันที่มาอย่างกะทันหันนี้ เหตุใดนางจึงมีท่าทีเช่นนี้ หรือว่านางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?

"ส่งตัวคนมา!" ระหว่างที่ยังสับสน นางก็ได้ยินเสียงตะคอกนี้

โหลชีลุกขึ้นแล้ววิ่งพรวดออกไปทางประตู นางอยากรู้ อยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!

แต่นางคิดไม่ถึง ที่ประตูใหญ่นั้นเหมือนจะมีปราการโปร่งแสงอะไรอยู่ เมื่อนางพุ่งเข้าไป หน้าผากก็กระแทกกับปราการนั้นเข้าอย่างจัง

ขณะเดียวกัน ทารกเสี่ยวชีก็ร้องไห้ขึ้นมาด้วย

สติของโหลชีพร่าเบลอขึ้นมา นางรู้สึกตกใจตัวเองกำลังจะตื่นแล้ว ต้องออกจากความฝันนี้แล้ว ในใจจึงร้อนรนขึ้นมา

"ไม่เอาๆ ข้ายังไม่ไป!"

"ชีชี"

มือหนาใหญ่ที่อบอุ่นคู่หนึ่งกุมมือที่โบกไปมาของนาง

โหลชีลืมตาขึ้นพรึบ แล้วมองเข้านัยน์ตาล้ำลึกที่เต็มไปด้วยความกังวล

"เฉินซ่า..."

เฉินซ่าเห็นความผิดหวังจากดวงตานางในแวบแรก ใจเต้นตึกตัก ฟื้นขึ้นมาเห็นเขาแล้วถึงกับความผิดหวัง? หือ?

"เจ้าฝันหรือ?" เขาหน้านิ่ง ประคองให้นางนั่ง

โหลชีกุมมือเขา "ข้าเหมือนจะฝันถึงเรื่องตอนที่ยังแบเบาะ แล้วก็ปิ่นระย้าหงส์อันนั้น...เราขุดปิ่นระย้าหงส์มาได้อันหนึ่งใช่ไหม?" เพิ่งฟื้นขึ้นมา ความทรงจำของนางยังสับสนเล็กน้อย

"ใช่" เมื่อรู้ว่านางฝันเช่นนี้ เฉินซ่าจึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง "เยว่ เอาของมา"

เยว่หยิบกล่องมา "พระสนมฟื้นก็ดีแล้ว"

ตอนนี้เองโหลชีถึงพบว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสุสานนั้นแล้ว แต่เห็นถ้ำหินแห่งหนึ่ง "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"

ทำไมนางจึงจำช่วงนั้นไม่ได้เลย?

"เจ้ายังจำได้ไหม ตอนที่เจ้าเห็นสุสานนั้นแล้วก็แปลกๆ ไป?" เฉินซ่าถาม

โหลชีคิด "ตอนนั้นข้าแค่รู้สึกเหมือนมีอะไรกำลังเรียกข้าอย่างนั้น สมองมึนๆ เบลอๆ ไม่ค่อยแน่ชัด ตอนหลังข้ารู้ว่าขุดเจ้าสิ่งนี้มาได้"

นางนั่งแล้วจะเปิดกล่องนั้น แต่มือของเฉินซ่ากลับทับฝากล่องไว้

"เมื่อครู่เจ้าเห็นปิ่นระย้านี้แล้วก็นิ่งไป"

โหลชีเอ่ย "ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว"

เฉินซ่าปล่อยมือออก นางเปิดกล่องนั้น มองปิ่นระย้าหงส์อันนั้น แล้วเอ่ยอย่างนิ่งงัน "เป็นอันที่ข้าเห็นในความฝันจริงๆ"

ทันใดนั้นนางไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี จึงเก็บปิ่นระย้านั้นก่อน แล้วหยิบผ้าพับเก็บเข้าไปพร้อมกับกล่อง แบกอยู่ที่หลัง

"แม่นาง รีบมาดูเด็กคนนี้เร็ว!" เสียงของเฉิงสิบเจือเสียงระริก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ