เวลานี้โหลชีถึงนึกขึ้นได้ พวกเขาต้องช่วยสือเฟยลูกชายของสือหมินจี
นางเด้งขึ้นมาทันที เกือบชนถูกคางของเฉินซ่า เฉินซ่าจึงอดไม่ได้ยื่นมือไปดีดหน้าผากนางทีหนึ่ง "รีบร้อนอะไร?"
ตื่นเต้นกับเด็กที่ไม่รู้จักมักจี่ขนาดนี้เชียว
โหลชีแลบลิ้นใส่ แล้วยื่นมือลูบคางของเขา "คางสวยๆ ข้าไม่อยากชนให้เสีย" ว่าแล้วก็วิ่งไปทางเฉิงสิบ
เฉินซ่าตะลึงงัน กระทั่งนางวิ่งไปแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ ทั้งขำทั้งโมโห ลูบคางเขา? นี่ถือว่าเกี้ยวเขาหรือ?
แต่...หรือเขางามแค่คาง?
ขณะที่โหลชีเห็นเด็กคนนั้น เฉิงสิบก็ฉีกผ้าชุบน้ำประคบที่หน้าผากเขาแล้ว ในถ้ำหินนี้มีสายน้ำไหลอยู่พอดี หยดมาจากระหว่างร่องหิน แล้วรวมกันเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ
บาดแผลที่บ่าเขา เฉิงสิบได้ใส่ยาและพันแผลให้แล้ว
"แม่นาง ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในหลุมฝังศพ เขาก็ไข้ขึ้นสูงแล้ว ตอนนี้ประคบเย็น แต่ท่านดูสิ ทำไมใบหน้าเขาถึงเหมือนจะดำคล้ำล่ะ?" เฉิงสิบร้อนใจหนัก เขาเป็นคนช่วยเด็กคนนี้ออกมาจากในหลุมฝังศพ หากสุดท้ายก็ยังช่วยให้รอดไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะรู้สึกปวดใจมาก
เมื่อเห็นเด็กคนนี้ โหลชีก็นึกถึงหน้าตาโหลฮ่วนเทียนตอนเด็กๆ ในฝันทันที ใจอ่อนลงมาอีกหน่อย
เฉิงสิบถอดเสื้อตัวนอกแล้วปูบนพื้นเรียบก้อนหนึ่ง ให้เด็กนอนอยู่บนนั้น ร่างกายเขาสั่นนิดๆ สีหน้าเป็นอย่างที่เฉิงสิบบอก ดำคล้ำอยู่หน่อยๆ
ถ้าแค่มีไข้ สีหน้าน่าจะออกแดงถึงจะถูก ทำไมถึงดำคล้ำไปได้? โหลชีขมวดคิ้ว แล้วเปิดเปลือกตาเขาดูเบาๆ จากนั้นก็เลิกเสื้อเขาขึ้นอีก ตัวเขานอกจากจะเปื้อนรอยเลือดบ้างแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
"บาดแผลเขาเป็นอย่างไรบ้าง?"
เฉิงสิบเอ่ย "น่าจะเป็นแผลที่เจ้าอินทรีกลายพันธุ์ตัวนั้นทำขึ้น ข้าน้อยเห็นมาแล้ว ไม่มีพิษ ก็เลยโรยยาห้ามเลือดลดอักเสบให้เขา" ยานั้นของเขาก็คือยาที่ปกติโหลชีมอบให้ ได้ผลกับบาดแผลภายนอกที่เลือดออกดีมาก
"ข้าดูอีกที"
ถึงเฉิงสิบจะบอกว่าบาดแผลไม่มีพิษ แต่โหลชีก็ยังอยากเห็นด้วยตัวเองอีกครั้ง เพราะเฉิงสิบไม่ได้มองพิษทุกอย่างออก
ครั้นแกะผ้าพันแผลที่บ่าเขาออกอย่างระมัดระวังแล้ว นางก็อดสูดลมเย็นไม่ได้ ส่วนเฉิงสิบก็ถอยออกไปสองก้าว ตกใจยิ่งกว่า มองบาดแผลเขาอย่างเหลือเชื่อ
"เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? นี่มันอะไรกัน?!"
เห็นเพียงบาดแผลของสือเฟยมีสิ่งที่เหมือนตะไคร่หนาๆ เล็กกระจิ๋วขึ้นมาเป็นกลุ่ม สีเขียวเข้ม เบียดเสียดกับแน่นขนัด แทบจะกลบจนมองไม่เห็นบาดแผล
"เจ้าสิ่งนี้..."
โหลชีตะลึงก่อน แต่เมื่อตั้งใจดูให้ดีแล้วนางก็เลิกคิ้วเอ่ย "เหมือนว่าจะเป็นของดีนะ!"
"แม่นาง นั่นมิใช่พิษหรือ?" เฉิงสิบยังตกใจอยู่ บาดแผลมีตะไคร่ ช่างให้รู้สึกแปลกจริง
"ไม่ใช่พิษ ตอนที่เขาบาดเจ็บมีคนทายาให้เขาแล้ว น่าจะเป็นเพราะยานั้นออกฤทธิ์ ตะไคร่ที่ขึ้นตรงบาดแผลในตอนนี้ เป็นสิ่งที่พองออกมาหลังจากน้ำยาซึมซับพิษบาดแผลแล้ว แค่คล้ายกับตะไคร่เฉยๆ"
คนอื่นก็เข้ามามุงด้วย เมื่อเห็นตะไคร่เหล่านั้นแล้วก็พากันแจ๊บปากแปลกใจ แน่นอน นี่เพราะโหลชีบอกว่านั่นไม่ใช่พิษ
"ที่ใส่ยาให้เขา เป็นไปได้มากที่สุดก็คือพ่อแม่ของเขา แต่...ในเมื่อถูกอินทรีทำให้บาดเจ็บแล้ว ทำไมถึงไม่ระวังหน่อย ยังปล่อยให้เขาถูกอินทรีจับไปได้อีก?"
"ไม่ถูกๆ" โหลชีตรวจสอบอีกครั้ง แล้วส่ายหน้าเอ่ย "ข้ารู้แล้วว่าทำไมอินทรีตัวนั้นถึงต้องจับเขา เพราะในร่างกายเขายังมีอีกสิ่งหนึ่ง คาดว่าเป็นสิ่งที่อินทรีตัวนั้นต้องการ!"
"อะไรหรือ?"
ทุกคนต่างตะลึง
นิ้วของโหลชีเริ่มตรวจสอบลำคอของเขา กดเบาๆ จากทรวงอกไปถึงท้อง แล้วกดโดยละเอียดที่ตรงกระเพาะ
"ของที่กินเข้าไป" นางสรุป
ไม่รู้ว่าสือเฟยกินอะไรลงไป แต่ต้องเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้กลิ่น และสามารถเรียกอินทรีกลายพันธุ์ตัวนั้นได้
"ของสิ่งนั้นเป็นของดีหรือ?" เยว่ถาม
โหลชียังตรวจสอบต่อ พักหนึ่งแล้วจึงส่ายหน้า "ฤทธิ์ยาแรงมาก ถ้าผู้ใหญ่กินน่าจะดีมาก แต่เขายังเด็กเกินไป รับฤทธิ์ยาไม่ได้ ก็เลยทำให้มีไข้ ที่ดำคล้ำก็อาจเพราะกินเจ้าสิ่งนั้นไม่ถูก มีพิษอยู่หน่อยๆ แต่เขาก็โชคดีมาก ยาที่ใส่บนแผลดูดพิษนั้นได้พอดี"
ที่จริงนี่เป็นการอนุมานของโหลชี แต่อีกไม่นานนางก็จะรู้ ว่าเรื่องที่นางอนุมานนั้นเป็นจริงแทบทั้งหมด
"เช่นนั้นตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม? " เฉิงสิบยังเป็นห่วงสือเฟย
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องพันแผลให้เขาแล้ว ฤทธิ์ยาน่าจะยังทำงานได้ไม่เต็มที่ อีกประเดี๋ยวดูดซับพิษหมดแล้วก็หาย"
สิ้นเสียงโหลชี ก็เห็นตะไคร่เขียวบนแผลเขาขยายกว้างด้วยความรวดเร็วที่ดวงตามองเห็น และแทบจะคลุมไปทั่วไหล่เขา เมื่อนั้นความดำคล้ำบนใบหน้าเขาก็ค่อยๆ จางหายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ