"ออกไป" ในน้ำเสียงนั้นเจือความเย็นชา ไม่เปิดโอกาสให้ปริปาก
เยว่จึงได้แต่พาทุกคนถอยไปอีกทางของถ้ำ ถ้ำมิได้มีแค่ทางเมื่อครู่นั้น ตอนที่เขามาพวกเขายังพบทางเล็กๆ อีกทางหนึ่ง
หลังจากพวกเขาถอยออกไป ในถ้ำนี้ก็เหลือเพียงสี่คน เฉินซ่าและโหลชีมองเฉิงสิบที่อุ้มเด็กคนนั้นยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่นิ่งไม่กระดุกกระดิก
"แม่นาง..." เฉิงสิบเรียกโหลชีเบาๆ
เขารู้สึกได้ เวลานี้แม่นางของเขาตื่นตระหนกมาก ใบหน้าประหนึ่งหยกของนางเคร่งเครียด ริมฝีปากก็เม้มแน่น เขารู้ว่าข้างตัวเขาต้องมีอะไรที่แม้แต่นางก็รู้สึกกลัว แต่เมื่อเห็นนางแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่ตื่นตระหนก ไม่เลย
เฉิงสิบรู้ว่าโหลชีกลัวว่าเขาจะตาย
องครักษ์คนหนึ่งสามารถถูกนายให้ความสำคัญเยี่ยงนี้ เอาใจใส่ขนาดนี้ก็เพียงพอแล้ว จริงๆ
โหลชีมองเขาแวบหนึ่ง เวลานี้ใบหน้าเฉิงสิบที่คมคายไร้ใดเทียมกลับมีรอยยิ้มจางๆ นางตะลึงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ "เฉิงสิบ เจ้ายิ้มก็ไม่มีประโยชน์ ระวังหน่อย มิเช่นนี้ระวังนะ ตายไปแล้วข้าจะถลกหนังเจ้ามาทำกลองหนังมนุษย์"
ยากนักที่นางจะพูดได้ไม่น่าฟังเช่นนี้ แต่คิดไปก็ใช่ นางใช้คำสาปเลือดดวงชะตาช่วยเฉิงสิบที่เกือบตายให้รอดมาได้ ใยหนอนดอกเมฆยังทำให้เขาตายไม่ได้ ที่นี่มีแค่สัตว์ประหลาดตัวเดียว คงไม่ทำให้เขาตายอยู่ที่นี่กระมัง
รอยยิ้มเฉิงสิบลึกลงไปอีก
"ค่อยๆ เดินมา เดินทางขวาง ฝีเท้าให้เบาที่สุด" นางพูดไปพลางมองเจ้านั่นแบบไม่ให้คลาดสายตา ที่จริงเวลานี้นางรู้สึกว่าพวกเขาก็ผ่านมาได้แล้วหนหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งหลายคนมามุงกันอยู่ที่นี่ ความเคลื่อนไหวก็ไม่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ทำไมเจ้านั่นถึงไม่ขยับ หากเมื่อครู่มันโจมตี เช่นนั้นทุกคนก็ต้องหนีไม่รอดแน่
เมื่อครู่เสียงดังขนาดนั้นยังไม่เป็นไร แต่ตอนนี้โหลชีกับเฉินซ่ากลับไม่กล้ารู้สึกโชคดี ก่อนหน้านี้ที่มันไม่ลงมือ อาจเพราะหลับสนิทอยู่ แต่ตอนนี้โหลชีเก็บผลไม้แดงตะวันมาแล้ว บางทีเจ้านั่นอาจรู้สึกได้ หากมันจะตกใจตื่นขึ้นมาก็ไม่แปลก
เฉิงสิบเดินไปทางพวกเขาทีละก้าวๆ ขณะที่เห็นว่าใกล้จะเดินถึงพวกเขาทางนั้นแล้ว ทันใดนั้นเด็กคนนั้นก็ขยี้ดวงตา มองเขาแล้วก็ดิ้น
"พวกเจ้าเป็นคนชั่วใช่ไหม? ข้าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่! ข้าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่!
เสียงร้องของเขาดังขึ้น ดังชัดกังวานมาก
โหลชีกับเฉินซ่าต่างตกใจ เพราะพวกเขาพบว่าเจ้านั่นขยับด้วยเสียงของเด็กคนนั้นที่ร้องขึ้นแบบกะทันหัน
"มันตื่นแล้ว!"
เฉินซ่ากุมมือโหลชี ฝ่ามือนางชุ่มเหงื่อไปหมด ตื่นตระหนก ตื่นตระหนกจริงๆ
เขามองนางแวบหนึ่ง กลับเห็นเม็ดเหงื่อละเอียดยิบผุดออกมาจากมุมหน้าผากนาง นางกำลังกลัวหรือ? เขาหันไปทางเฉิงสิบ ขยับริมฝีปาก
เฉิงสิบมองเขาด้วยความระทึก
ในดวงตาเฉินซ่าเป็นความแน่วแน่ที่มิให้เอ่ยแทรก
ทันใดนั้นโหลชีก็เหมือนจะรู้อะไรขึ้นมา ขณะที่นางกำลังจะมองเฉินซ่า เขาก็กางนิ้วทั้งห้าไปทางเฉิงสิบ พลังดูดที่แข็งแกร่งดูดเฉิงสิบกับเด็กคนนั้นมาทันที พร้อมกันนั้นก็จี้จุดแล้วโยนนางไปทางปากถ้ำ
ไอ้เลวเฉินซ่า!
แม้โหลชีจะด่าทอเดือดพลุในใจ แต่นางก็หยุดความเร็วที่ปลิวไปทางปากถ้ำไม่ได้ ส่วนเฉิงสิบกลับเหาะออกมา มือหนึ่งอุ้มเด็ก อีกมือหนึ่งก็จับที่เอวนาง พานางพุ่งออกไปนอกถ้ำ
เฉิงสิบไอ้คนทรยศ!!!
เพลิงโทสะในดวงตาโหลชีพุ่งทะยานฟ้า
บทตำนานประหลาดบันทึกว่าไว้ รอบๆ ผลไม้แดงตะวันจะมีกบหกขา เมื่อกบหกขาออกมาต้องมีตายหนึ่ง
ตอนนั้นนางเคยถามนักพรตเลว ว่ากบหกขาออกมาต้องมีตายหนึ่งหมายความว่าอะไร นักพรตเลวบอกว่าเสียงของกบหกขาน่ากลัวมาก ในรัศมีสิบจั้ง ใครก็ทัดทานเสียงชนิดนี้ไม่ได้ เสียงชนิดนี้จะทำลายแก้วหูคนในเสี้ยววินาที กระแทกหัวใจสลาย ต่อให้เป็นเทพอรหันต์ก็ช่วยไม่ได้
นางเดา นั่นต้องเป็นการโจมตีแบบคลื่นเสียงแน่
ถ้าแค่ทำแก้วหูแตกก็ยังไม่น่ากลัวขนาดนั้น ทว่าแม้แต่หัวใจและอวัยวะภายในก็ถูกกระแทกจนแหลกด้วย นั่นไม่ใช่เรื่องเสียงและโสตประสาทหูแล้ว คลื่นเสียงไร้รูปไร้แบบ ทั้งยังเข้าได้ทุกอณู บริเวณที่โจมตีไม่มีมุมลับ ไม่อาจหลบและทัดทาน และไม่มีวิธีไหนที่จะต้านได้ด้วย
อีกอย่าง ความเร็วการโจมตีของกบหกขาก็เร็วถึงที่สุด ชั่วพริบตาก็ทำหัวใจคนแหลกได้ ทำให้คนเลือดออกเจ็ดทวาร และเพราะเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีกำลังภายในแข็งแกร่งเพียงใด หากพบกบหกขาก็ต้องตายอย่างไม่มีทางสู้ นอกเสียจากถอยออกห่างสิบจั้งก่อนที่กบหกขาจะส่งเสียง!
แต่เสียงของกบหกขาใช้พลังงานมาก ดังนั้นเมื่อมันส่งเสียง ก็ต้องมีคนตายหนึ่งคน ดูดซับพลังงานจากตัวคนผู้นั้น มิเช่นนั้นมันก็จะตายเสียเอง
แม้เฉินซ่าจะรู้จักกบหกขา แต่เขาต้องไม่รู้แน่ว่ากบหกขาเฝ้าผลไม้แดงตะวันอยู่ มิเช่นนั้นเมื่อครู่เขาต้องไม่ลืมแน่ มีแต่นางที่ดูของพวกนั้นนานไปหน่อย บางครั้งก็เลยลืมบางเรื่องไป
เมื่อออกจากปากถ้ำ เฉิงสิบก็ยัดเด็กคนนั้นให้โหลซิ่นทันที จากนั้นก็ผลักโหลชีไปทางองครักษ์เยว่ หันหน้าจะพุ่งเข้าไปในถ้ำหินอีก แต่ผ้าคาดเอวเขากลับถูกเกี่ยวไว้ เมื่อก้มหน้าลงมอง นั่นเป็นนิ้วหนึ่งของโหลชี และเพราะออกแรง นิ้วจึงเจือขาวแล้ว
ก็ไม่รู้ว่านางที่ถูกจี้จุดใช้นิ้วเกี่ยวเขาไว้ได้อย่างไร เฉิงสิบสบตาคู่นั้นของโหลชี ใจเต้นตึกตัก เพลิงโกรธคลุ้มคลั่งในดวงตาคู่นั้น นางต้องเดือดดาลถึงที่สุดแล้วเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ