ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 326

สรุปบท บทที่ 326 แหล่งที่อยู่ของค่ายกล: ใต้ร่มยาใจ

อ่านสรุป บทที่ 326 แหล่งที่อยู่ของค่ายกล จาก ใต้ร่มยาใจ โดย ลิ่วเยว่

บทที่ บทที่ 326 แหล่งที่อยู่ของค่ายกล คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ใต้ร่มยาใจ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หนูน้อยสือเฟยถูกวู๊วูดึงดูดจริงๆด้วย วู๊วูวิ่งไปมารอบๆขาของเขาขนสีม่วงแสมสีเงินอ่อนนุ่มบนตัวมันดึงดูดให้เขายื่นมือออกไปสัมผัส วู๊วูใช้ลิ้นเลียไปที่ฝ่ามือเล็กของเขา หยอกจนเขาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา

โหลชีเข้าไปใกล้ กล่าวถามว่า: "บอกน้าสิ เจ้าชื่อสือเฟยใช่ไหม?"

"ไม่ใช่" เขากล่าว: "ข้าชื่อเสี่ยวเฟย!"

อืม ก็ได้ เสี่ยวเฟย เผ่าชักมังกรไม่มีคนนอกเข้ามา ทั้งเผ่าล้วนแซ่สือกันหมด คาดว่าพวกเขาคงไม่มีความเคยชินในการเรียกชื่อพร้อมแซ่

"เสี่ยวเฟย แล้วพ่อแม่เจ้าล่ะ?"

ขณะที่โหลชีถามก็มองดูบาดแผลบนไหล่ของเขาไปด้วย สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมากคือตะไคร่น้ำเหล่านั้นร่วงหล่นไปแล้ว และบาดแผลของเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว เลือดหยุดไหลสนิทแล้ว และแผลก็สมานกันมากแล้ว ดูแล้วเหมือนแผลที่เป็นมาหลายวัน ฟื้นฟูไปแล้วสี่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์

ประสิทธิภาพของยานั่นดีจนน่าทึ่งมากจริงๆ!

เวลานี้เฉิงสิบเดินเข้ามา เห็นนางกำลังดูแผลของสือเฟย ก็เข้าไปใกล้แล้วกล่าวว่า: "แม่นาง ตอนที่เขาเพิ่งตื่นมาก็บอกว่าคัน ยื่นมือไปเกาก็เลยทำให้ตะไคร่น้ำทั้งแผ่นนั้นหลุดไป......"

โหลชีมองค้อนเขาครู่หนึ่ง: "ข้าถามเจ้าแล้วหรือ? ข้าบอกว่าสามารถคุยกับข้าได้แล้วหรือ?"

ใบหน้าหล่อเหลานั่นของเฉิงสิบสลดลงไปทันที "แม่นาง ท่านอย่าไม่สนใจข้าน้อยเลย......"

โหลชีไม่สนใจเขา ถามสือเฟยต่อไปอีกว่า: "พ่อแม่เจ้าล่ะ? แล้วก็ ปู่ของเจ้าล่ะ?"

"ท่านพ่อกับท่านแม่ แล้วก็ท่าน ท่านปู่......" ดูเหมือนสือเฟยจะนึกถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัวในทันที เบ้ปากก็กำลังจะร้องไห้: "พวกเขาตกลงไปในแม่น้ำ อินทรียักษ์ มันเอาแต่จะตะครุบข้า......"

"พวกเขาตกลงไปในแม่น้ำแล้ว?" โหลชีขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ทันทีที่เงยหน้าก็เห็นเฉินซ่าลอยตัวไปบนที่สูงของเขาหิน แล้วมองสำรวจไปรอบๆ

"พวกเขาตกลงไปในแม่น้ำ รีบไปช่วยพวกเขาเร็ว!" สือเฟยยืนขึ้นมา จะไปอุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยอีก

เฉินซ่ากระโดดลงมา "แม่น้ำอยู่ทางโน้น" เขาชี้ไปทิศทางหนึ่ง แขนก็โอบรอบไปทางเอวของโหลชี นางจะต้องการจะดิ้นให้หลุดแต่ก็ดิ้นไม่หลุด ก็เลยจ้องมองเขาอย่างดุดันครู่หนึ่ง

"อย่าให้เด็กน้อยหัวเราะเยาะเจ้าสิ" เฉินซ่ากระซิบที่ข้างหูนาง

เด็กน้อยมีอะไรต้องหัวเราะเยาะนางด้วย? "ท่านคนเดียวแน่มากไม่ใช่หรือ?" โหลชีกัดฟัน ในใจอัดอั้นไม่พอใจอย่างมาก ไม่พอใจ ที่เขาทำนั่นคือการคิดเอาเองตัดสินใจเอง ในตอนนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับเขาจริงๆ เช่นนั้นนางก็ไม่ทันได้พูดคุยอะไรกับเขาเลย นอกจากนี้ ครั้งสุดท้ายก็ยังไม่ได้เห็น ส่งนางออกมาแบบนั้น นางยังจะรู้สึกว่าตนเองโง่เกินไปเลย

นางเป็นคนประเภทที่เมื่อพบกับอันตราย ไม่พยายามจนถึงวินาทีสุดท้ายจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาดมาตลอด และที่เขาทำเช่นนั้นคือการลิดรอนสิทธิในการพยายามจนถึงวินาทีสุดท้ายของนาง ใครจะรู้ว่าวินาทีสุดท้ายนางจะไม่สามารถคิดหาวิธีได้? ถือสิทธิอะไร ถือสิทธิอะไรมาตัดสินใจแทนนาง? หากนางสามารถช่วยทั้งสองคนได้ในวินาทีสุดท้าย แต่เขากลับส่งนางออกไปตัวเองกลับเสียชีวิตในภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด เช่นนั้นต่อไปนางจะใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกเช่นไรในวันเวลาที่เหลืออยู่นั้น?

ใครให้สิทธิเช่นนั้นกับเขา? ใครเป็นคนให้!

"ข้าแค่อยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่"

"ไหนบอกว่า ตายก็จะฝังข้าไปด้วยไม่ใช่หรือ? ท่านแม่งพูดแล้วไม่เป็นคำพูด!" โหลชีคำรามคำพูดประโยคนี้เสียงเบาจบ ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้องนัก หรือนางหวังอยากจะถูกฝังไปกับเขาขนาดนั้นเลย? ถุยถุยถุย!

เฉินซ่าทำสัญญาณมือ เฉิงสิบอุ้มเด็กนั่นขึ้นมาอีกครั้ง เกลี้ยกล่อมเขาว่าจะพาไปหาพ่อแม่ เยว่อุ้มจิ้งจอกม่วง ทุกคนตามเขาไปมุ่งทางแม่น้ำ

คน คือรับปากเผ่าชักมังกรแล้วว่าจะช่วย และจุดประสงค์หลักของเฉินซ่าก็ยังคงเป็นน้ำพุวิเศษบ่อนั้น ช่วยสือหมินจี จะมีโอกาสค้นพบน้ำพุวิเศษนั้นมากขึ้น

ขณะที่กำลังเร่งเดินทาง ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังคงกระทำการง้อเมียที่เขาไม่ค่อยถนัดมากนักต่อไป

"เดิมทีข้าคิดเอาไว้ว่าบนเส้นทางไปสู่ปรโลกมีคนไปเป็นเพื่อนก็ไม่เลว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าทิ้งไว้คนหนึ่งเอาไว้มาไหว้ตอนเทศกาลเช็งเม้งก็ดีเหมือนกัน......"

"ถุยถุยถุย!" โหลชีโกรธแล้ว หมอนี่พูดบ้าอะไรเนี่ย? "ท่านพูดไม่เป็นก็อย่าพูดได้ไหม?"

ความจริงไหนเลยที่นางจะไม่รู้เจตนาของเขา ไหนเลยจะไม่รู้ แต่มันก็โกรธนั่นแหละ ได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ของเขาก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่จนใจมาก ไม่อย่างนั้นควรพูดอย่างไรล่ะ?

ดีที่ถึงแม่น้ำเร็วมาก เขาก็ไม่มีโอกาสได้พูดต่อไปอีก โหลชีฮึออกมาคำหนึ่ง ส่งสัญญาณให้จิ้งจอกม่วง จิ้งจอกม่วงหาคนน่าจะเร็วกว่าพวกเขา

บนตัวของสือเฟยมีกลิ่นของสามคนนั้นแน่นอน ประสาทรับกลิ่นของจิ้งจอกม่วงดีมาก ไม่ต้องกังวลเลยว่ามันจะไม่ได้กลิ่น

เส้นทางการไหลของแม่น้ำสายนี้ไม่กว้าง แต่ว่าแม่น้ำก็ยังไหลปั่นป่วนมาก เพราะภูมิประเทศเป็นแบบเนินลาดลงตลอดทาง บนเส้นทางสายน้ำยังมีโขดหินอีกระเกะระกะเล็กน้อย

ปลายน้ำหักเลี้ยวเข้าไปในหุบเขา มองไม่เห็นแล้ว

"เสี่ยวเฟย เจ้ายังจำได้ไหมว่าพ่อแม่เจ้าพวกเขาตกลงไปในแม่น้ำตรงนี้ใช่ไหม?"

โหลชีถามสือเฟย แต่ว่าเด็กอายุสามสี่ขวบคนหนึ่ง บางทีขณะนั้นอาจจะเป็นช่วงที่กำลังหวาดกลัว ไหนเลยจะสังเกตสิ่งแวดล้อมที่อยู่บริเวณโดยรอบได้? แล้วสือเฟยก็ส่ายหน้าจริงๆ กล่าวด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย: "เสี่ยวเฟยจำไม่ได้"

โหลชีสังเกตภูมิประเทศที่อยู่บริเวณโดยรอบ กล่าวถามอีกว่า: "แล้วเจ้ายังจำได้ไหมว่าตอนนั้นพ่อแม่เจ้าตกลงไปในแม่น้ำได้อย่างไร?"

"ยา ยาตกลงไปแล้ว"

"ยาอะไรตกลงไป?"

สือเฟยชี้ไปที่ไหล่ของตัวเองแล้วกล่าวว่า: "ยาสำหรับเสี่ยวเฟยตกลงไป ท่านปู่ไปช้อน ตกลงไป ท่านพ่อท่านแม่ก็ตกลงไป"

โหลชีดึงมือออกมาจากมือของเขา เรียกออกมาคำหนึ่ง: "วู๊วู!"

วู๊วูก็ไม่รู้ว่ามุดออกมาจากไหนอีกแล้ว โหลชีมองไปที่สถานที่ที่มันออกมาเมื่อครู่นี้ ต้นไม้คดเคี้ยวต้นหนึ่งที่งอกออกมาจากกำแพงภูเขา แต่ไม่เห็นทางเข้ารูเลยแท้ๆ แล้ววู๊วูออกมาจากไหนกัน?

นางเดินเข้าไป ยื่นมือจะไปสำรวจต้นไม้คดเคี้ยวต้นนั้น แต่จู่ๆกระบี่เล่มนั้นของเฉินซ่ากลับดังชิ้งขึ้นมาสั่นไปครั้งหนึ่งดังขึ้นเสียงหนึ่ง

การกระทำของนางหยุดเอาไว้ในทันที หันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ "กระบี่เล่มนั้นมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ?"

เฉินซ่าสีหน้าเคร่งขรึม "กระบี่เล่มนี้ทำมาจากเหล็กดำน้ำแข็งพันปีซึ่งเดิมทีก็เกิดขึ้นจากการดูดซับเลือดเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ถ้าหากจู่ๆสามารถทำให้มันเกิดเสียงสะท้อนเดียวกันได้ เช่นนั้นมันหมายความว่าอย่างไรเจ้ารู้ไหม?"

หมายความว่าอย่างไร?

โหลชีตะลึงไปครู่หนึ่ง นึกขึ้นมาได้: "หมายความว่าที่นี่มีเลือดจำนวนมาก?"

เฉินซ่าพยักหน้า "หากข้าเดาไม่ผิด ภายในค่ายกลขนาดใหญ่แห่งนี้ เคยมีทุ่งอสุรา ต้องมีคนตายมากมายที่นี่แน่นอน เช่นนี้แล้วเจ้าก็ยังจะทำลายค่ายกลแห่งนี้หรือ?"

"ไม่ทำลายค่ายกลนี้ หรือเราไม่หาคนไม่หาน้ำพุวิเศษแล้ว?" โหลชีกล่าว: "ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะมีคนและน้ำพุวิเศษหรือไม่ ค่ายกลนี้ข้าทำลายแน่"

สายตาของนางหยุดไว้ที่ถุงที่ใส่ปิ่นระย้าหงส์ที่ตนเองถืออยู่ ที่นี่ ไม่แน่อาจจะมีอะไรที่สามารถทำให้นางฝันอีกครั้งก็ได้

"ได้ ข้าไปกับเจ้า"

คนอื่นๆเพียงแค่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่สายตาล้วนเผยความหมายเดียวกันออกมา นางไปไหน พวกเขาก็ไปที่นั่น

โหลชีเม้มปาก ยื่นมือสำรวจไปทางต้นไม้คดเคี้ยวต้นนั้น คว้าลำต้นเอาไว้

เมื่อสัมผัสกลับเป็นความเย็นยะเยือก

โหลชีตกใจเล็กน้อยในทันที "ไอน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ทำค่ายกลด้วยน้ำแข็ง?"

สิ่งที่นางพูดพวกนี้ นอกจากเฉินซ่าแล้ว คนอื่นๆล้วนฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก

"ผนึกความเย็นด้วยความเย็น ข้างในจะต้องเย็นชื้นมากแน่นอน" เฉินซ่ากล่าว

"เกลียดสถานที่สุดหยิน แต่ก็ยังต้องเข้าไป" โหลชีกล่าว ใช้แรงกดต้นไม้นั่นอย่างแรงทีหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ