หนูน้อยสือเฟยถูกวู๊วูดึงดูดจริงๆด้วย วู๊วูวิ่งไปมารอบๆขาของเขาขนสีม่วงแสมสีเงินอ่อนนุ่มบนตัวมันดึงดูดให้เขายื่นมือออกไปสัมผัส วู๊วูใช้ลิ้นเลียไปที่ฝ่ามือเล็กของเขา หยอกจนเขาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา
โหลชีเข้าไปใกล้ กล่าวถามว่า: "บอกน้าสิ เจ้าชื่อสือเฟยใช่ไหม?"
"ไม่ใช่" เขากล่าว: "ข้าชื่อเสี่ยวเฟย!"
อืม ก็ได้ เสี่ยวเฟย เผ่าชักมังกรไม่มีคนนอกเข้ามา ทั้งเผ่าล้วนแซ่สือกันหมด คาดว่าพวกเขาคงไม่มีความเคยชินในการเรียกชื่อพร้อมแซ่
"เสี่ยวเฟย แล้วพ่อแม่เจ้าล่ะ?"
ขณะที่โหลชีถามก็มองดูบาดแผลบนไหล่ของเขาไปด้วย สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมากคือตะไคร่น้ำเหล่านั้นร่วงหล่นไปแล้ว และบาดแผลของเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว เลือดหยุดไหลสนิทแล้ว และแผลก็สมานกันมากแล้ว ดูแล้วเหมือนแผลที่เป็นมาหลายวัน ฟื้นฟูไปแล้วสี่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ประสิทธิภาพของยานั่นดีจนน่าทึ่งมากจริงๆ!
เวลานี้เฉิงสิบเดินเข้ามา เห็นนางกำลังดูแผลของสือเฟย ก็เข้าไปใกล้แล้วกล่าวว่า: "แม่นาง ตอนที่เขาเพิ่งตื่นมาก็บอกว่าคัน ยื่นมือไปเกาก็เลยทำให้ตะไคร่น้ำทั้งแผ่นนั้นหลุดไป......"
โหลชีมองค้อนเขาครู่หนึ่ง: "ข้าถามเจ้าแล้วหรือ? ข้าบอกว่าสามารถคุยกับข้าได้แล้วหรือ?"
ใบหน้าหล่อเหลานั่นของเฉิงสิบสลดลงไปทันที "แม่นาง ท่านอย่าไม่สนใจข้าน้อยเลย......"
โหลชีไม่สนใจเขา ถามสือเฟยต่อไปอีกว่า: "พ่อแม่เจ้าล่ะ? แล้วก็ ปู่ของเจ้าล่ะ?"
"ท่านพ่อกับท่านแม่ แล้วก็ท่าน ท่านปู่......" ดูเหมือนสือเฟยจะนึกถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัวในทันที เบ้ปากก็กำลังจะร้องไห้: "พวกเขาตกลงไปในแม่น้ำ อินทรียักษ์ มันเอาแต่จะตะครุบข้า......"
"พวกเขาตกลงไปในแม่น้ำแล้ว?" โหลชีขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ทันทีที่เงยหน้าก็เห็นเฉินซ่าลอยตัวไปบนที่สูงของเขาหิน แล้วมองสำรวจไปรอบๆ
"พวกเขาตกลงไปในแม่น้ำ รีบไปช่วยพวกเขาเร็ว!" สือเฟยยืนขึ้นมา จะไปอุ้มเจ้าจิ้งจอกน้อยอีก
เฉินซ่ากระโดดลงมา "แม่น้ำอยู่ทางโน้น" เขาชี้ไปทิศทางหนึ่ง แขนก็โอบรอบไปทางเอวของโหลชี นางจะต้องการจะดิ้นให้หลุดแต่ก็ดิ้นไม่หลุด ก็เลยจ้องมองเขาอย่างดุดันครู่หนึ่ง
"อย่าให้เด็กน้อยหัวเราะเยาะเจ้าสิ" เฉินซ่ากระซิบที่ข้างหูนาง
เด็กน้อยมีอะไรต้องหัวเราะเยาะนางด้วย? "ท่านคนเดียวแน่มากไม่ใช่หรือ?" โหลชีกัดฟัน ในใจอัดอั้นไม่พอใจอย่างมาก ไม่พอใจ ที่เขาทำนั่นคือการคิดเอาเองตัดสินใจเอง ในตอนนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับเขาจริงๆ เช่นนั้นนางก็ไม่ทันได้พูดคุยอะไรกับเขาเลย นอกจากนี้ ครั้งสุดท้ายก็ยังไม่ได้เห็น ส่งนางออกมาแบบนั้น นางยังจะรู้สึกว่าตนเองโง่เกินไปเลย
นางเป็นคนประเภทที่เมื่อพบกับอันตราย ไม่พยายามจนถึงวินาทีสุดท้ายจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาดมาตลอด และที่เขาทำเช่นนั้นคือการลิดรอนสิทธิในการพยายามจนถึงวินาทีสุดท้ายของนาง ใครจะรู้ว่าวินาทีสุดท้ายนางจะไม่สามารถคิดหาวิธีได้? ถือสิทธิอะไร ถือสิทธิอะไรมาตัดสินใจแทนนาง? หากนางสามารถช่วยทั้งสองคนได้ในวินาทีสุดท้าย แต่เขากลับส่งนางออกไปตัวเองกลับเสียชีวิตในภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด เช่นนั้นต่อไปนางจะใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกเช่นไรในวันเวลาที่เหลืออยู่นั้น?
ใครให้สิทธิเช่นนั้นกับเขา? ใครเป็นคนให้!
"ข้าแค่อยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่"
"ไหนบอกว่า ตายก็จะฝังข้าไปด้วยไม่ใช่หรือ? ท่านแม่งพูดแล้วไม่เป็นคำพูด!" โหลชีคำรามคำพูดประโยคนี้เสียงเบาจบ ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้องนัก หรือนางหวังอยากจะถูกฝังไปกับเขาขนาดนั้นเลย? ถุยถุยถุย!
เฉินซ่าทำสัญญาณมือ เฉิงสิบอุ้มเด็กนั่นขึ้นมาอีกครั้ง เกลี้ยกล่อมเขาว่าจะพาไปหาพ่อแม่ เยว่อุ้มจิ้งจอกม่วง ทุกคนตามเขาไปมุ่งทางแม่น้ำ
คน คือรับปากเผ่าชักมังกรแล้วว่าจะช่วย และจุดประสงค์หลักของเฉินซ่าก็ยังคงเป็นน้ำพุวิเศษบ่อนั้น ช่วยสือหมินจี จะมีโอกาสค้นพบน้ำพุวิเศษนั้นมากขึ้น
ขณะที่กำลังเร่งเดินทาง ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังคงกระทำการง้อเมียที่เขาไม่ค่อยถนัดมากนักต่อไป
"เดิมทีข้าคิดเอาไว้ว่าบนเส้นทางไปสู่ปรโลกมีคนไปเป็นเพื่อนก็ไม่เลว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าทิ้งไว้คนหนึ่งเอาไว้มาไหว้ตอนเทศกาลเช็งเม้งก็ดีเหมือนกัน......"
"ถุยถุยถุย!" โหลชีโกรธแล้ว หมอนี่พูดบ้าอะไรเนี่ย? "ท่านพูดไม่เป็นก็อย่าพูดได้ไหม?"
ความจริงไหนเลยที่นางจะไม่รู้เจตนาของเขา ไหนเลยจะไม่รู้ แต่มันก็โกรธนั่นแหละ ได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ของเขาก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่จนใจมาก ไม่อย่างนั้นควรพูดอย่างไรล่ะ?
ดีที่ถึงแม่น้ำเร็วมาก เขาก็ไม่มีโอกาสได้พูดต่อไปอีก โหลชีฮึออกมาคำหนึ่ง ส่งสัญญาณให้จิ้งจอกม่วง จิ้งจอกม่วงหาคนน่าจะเร็วกว่าพวกเขา
บนตัวของสือเฟยมีกลิ่นของสามคนนั้นแน่นอน ประสาทรับกลิ่นของจิ้งจอกม่วงดีมาก ไม่ต้องกังวลเลยว่ามันจะไม่ได้กลิ่น
เส้นทางการไหลของแม่น้ำสายนี้ไม่กว้าง แต่ว่าแม่น้ำก็ยังไหลปั่นป่วนมาก เพราะภูมิประเทศเป็นแบบเนินลาดลงตลอดทาง บนเส้นทางสายน้ำยังมีโขดหินอีกระเกะระกะเล็กน้อย
ปลายน้ำหักเลี้ยวเข้าไปในหุบเขา มองไม่เห็นแล้ว
"เสี่ยวเฟย เจ้ายังจำได้ไหมว่าพ่อแม่เจ้าพวกเขาตกลงไปในแม่น้ำตรงนี้ใช่ไหม?"
โหลชีถามสือเฟย แต่ว่าเด็กอายุสามสี่ขวบคนหนึ่ง บางทีขณะนั้นอาจจะเป็นช่วงที่กำลังหวาดกลัว ไหนเลยจะสังเกตสิ่งแวดล้อมที่อยู่บริเวณโดยรอบได้? แล้วสือเฟยก็ส่ายหน้าจริงๆ กล่าวด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย: "เสี่ยวเฟยจำไม่ได้"
โหลชีสังเกตภูมิประเทศที่อยู่บริเวณโดยรอบ กล่าวถามอีกว่า: "แล้วเจ้ายังจำได้ไหมว่าตอนนั้นพ่อแม่เจ้าตกลงไปในแม่น้ำได้อย่างไร?"
"ยา ยาตกลงไปแล้ว"
"ยาอะไรตกลงไป?"
สือเฟยชี้ไปที่ไหล่ของตัวเองแล้วกล่าวว่า: "ยาสำหรับเสี่ยวเฟยตกลงไป ท่านปู่ไปช้อน ตกลงไป ท่านพ่อท่านแม่ก็ตกลงไป"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ