ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 327

ได้ยินเพียงเสียงเอี๊ยดเอี๊ยดเอี๊ยดแผ่วเบาสองสามเสียง จู่ๆไอความเย็นก็ทะลุออกมา โหลชีเห็นอากาศแปรปรวนที่อยู่ตรงหน้า รู้ว่าดวงตาของค่ายกลเปิดออกแล้ว รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปทันที เฉินซ่าจะยอมปล่อยให้นางเข้าไปคนเดียวได้อย่างไร รีบตามเข้าไปทันที ในสายตาคนอื่นๆคือเหมือนกับจู่ๆพวกเขาก็หายวับไป

"รีบเข้าไป ใจกลางค่ายกลใกล้จะหายไปแล้ว!" เยว่กล่าวออกมาคำหนึ่ง รีบก้าวเท้าเดินตามเข้าไปทันที คนอื่นๆย่อมไม่มีใครลังเลอยู่แล้ว

ทันทีที่โหลชีเข้าไป ใต้เท้าก็ลื่นขึ้นมา คนทั้งคนลื่นไถลลงไปด้วยความรวดเร็วอย่างควบคุมไม่อยู่ "อ้าอ่าอ่า....แม่งจำเป็นต้องหมุนเร็วขนาดนี้เลยหรือ ให้เตรียมใจหน่อยได้ไหม!"

มือข้างหนึ่งโอบเอวของนางเอาไว้ ยึดร่างกายของนางเอาไว้แน่น สไลด์ลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับนาง "ผนึกความเย็นด้วยความเย็น คิดไม่ถึงว่า ที่นี่จะมีหิมะและน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นดินจริงๆ! คนที่วางค่ายกลไม่ธรรมดาเลย!"

น้ำเสียงของเฉินซ่าเต็มไปด้วยความประหลาดใจและชื่นชม

สามารถปิดผนึกทั่วทั้งภูเขาน้ำแข็งและพื้นหิมะขนาดใหญ่เอาไว้ด้วยค่ายกล ความสามารถนี้ขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์ชัดๆ ขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์ชัดๆ

มันไม่ใช่สถานที่สุดหยินอย่างที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ มันเป็นความเย็นที่เกิดจากน้ำแข็งและหิมะที่แท้จริง ดวงตาเต็มไปด้วยหิมะสีขาว ทุ่งหิมะกว้างใหญ่ เงียบสงบและใสดุจคริสตัล

ใต้เท้าพวกเขา ก็คือสายน้ำที่ไหลลงสู่ภายนอกนั่น น้ำครึ่งหนึ่งไหลเข้ามาในค่ายกล จากนั้นก็กลายเป็นน้ำแข็ง พื้นผิวน้ำแข็งนี่ลื่นมาก แล้วยังมีความลาดชัน คนยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว คนทั่วไปเมื่อเข้ามาต้องตีลังกาแน่ จากนั้นก็กลิ้งลงไปจนสุดเหมือนกับลูกบอล แต่พวกเขาไม่ยอมให้ตนเองอับอายขนาดนั้นแน่นอน ได้แต่ใช้พื้นรองเท้าเป็นกระดาน เลื่อนลงไปตลอดทาง

จิ้งจอกม่วงดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก สี่เท้าลุกขึ้นมา แล้วก็ยืนเลื่อนลงไปเช่นกัน

"โอ้ยข้าล้มหัวฟาดแล้ว......"

เสียงดังกังวานดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตามมาติดๆด้วยเหตุการณ์วุ่นวายจนหมาไก่กระเจิดกระเจิง อ๊ากไม่ เยว่ เฉิงสิบกับโหลวซิ่นสุดหล่อสามคนต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมา เพราะหลูต้าลี่ไม่มีวรยุทธที่เก่งขนาดพวกเขา เมื่อเข้ามาก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติก็ยังสามารถทรงตัวเอาไว้ได้ทันที ร่างกายของเขากำยำมากเกินไปจริงๆ ทันทีที่เข้ามาก็ตีลังกาเลย จากนั้นก็กลิ้งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับหมีตัวใหญ่ คนที่อยู่ข้างหน้าเหมือนกับพินโบว์ลิ่งที่กำลังจะถูกตีล้มลง รีบเปลี่ยนรางเลื่อนเพื่อหลบเขา

จำเป็นต้องหลบนี่นา ในระหว่างทางการเลื่อนเช่นนี้ ไม่มีจุดเน้นหลัก หากถูกเขากลิ้งชนเข้าเช่นนั้นจุดจบคือต้องล้มลงไปพร้อมกันอย่างแน่นอน และเฉิงสิบก็ยังอุ้มสือเฟยเอาไว้ด้วย

"หลบไปหลบไป รีบหลบไป!"

แต่แล้วหลูต้าลี่กลับตะโกนขึ้นมาด้วยตัวเอง เขากลิ้งผ่านเยว่ เฉิงสิบและโหลวซิ่นไปอย่างรวดเร็ว กลิ้งไปทางเฉินซ่ากับโหลชี

"เชี้ยแล้ว!" โหลชีหันกลับมามอง น้ำหนักนั้น เทียบเท่ารถบดถนนได้แล้ว "ต้องดึงเขาเอาไว้! ข้างหน้าเต็มไปด้วยน้ำแข็งแหลมคม!"

จุดสิ้นสุดทางสไลด์นี้ คือพุ่มหนามน้ำแข็งแหลมที่ตั้งตรงอยู่กองหนึ่ง นี่ถ้าหากกลิ้งตกลงไปโดยตรง ต้องถูกแทงจนกลายเป็นเม่นแน่!

เฉินซ่าเหลือบมองครู่หนึ่ง "ดึงเขาไว้ไม่สู้กวาดด้านล่างให้เรียบดีกว่า"

นี่คือรังเกียจขนาดตัวและน้ำหนักของหลู่ต้าลี่ขนาดไหนกัน!

เฉินซ่าลอยตัวขึ้นมา พุ่งตรงไปทางจุดสิ้นสุด ส่งกำลังภายในไปที่ฝ่ามือยกขึ้นมาแล้วก็ทำลายหนามน้ำแข็งเหล่านั้นให้กลายเป็นผุยผง หลูต้าลี่กลิ้งลงมาเสียงดังโครม กระแทกเข้าในกองเศษน้ำแข็ง

"หลูต้าลี่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" โหลชีเลื่อนลงมา เฉินซ่ายื่นมือออกไปคว้านางเอาไว้

คนอื่นๆก็ตามลงมาติดๆ

"ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร ก็แค่หนาวมาก" หลูต้าลี่ลุกขึ้นมา ตบเศษน้ำแข็งออกไปจากร่างกายอย่างแรง

ไม่เพียงแค่เขาที่รู้สึกหนาว ทุกคนก็รู้สึกหนาวจนเข้ากระดูก

เพราะข้างนอกใกล้จะเข้าฤดูร้อนแล้ว ดังนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิ เสื้อชั้นในผ้าฝ้ายชั้นเดียว บวกกับผ้าต่วนชุดหนึ่ง จู่ๆตอนนี้ก็เข้าสู่หน้าหนาวกะทันหัน หิมะขาวโพลนน้ำแข็งเย็นยะเยือก กระบวนการที่จะทำให้คนแข็งตาย

ทุกคนรีบขับเคลื่อนพลังลมปราณขจัดความหนาวเย็น

"ตักตักตักตัก......" โหลชีได้ยินสือเฟยเด็กคนนั้นหนาวจนฟันบนกับฟันล่างสู้กันอยู่ตลอด สีหน้าก็เริ่มเขียวแล้ว ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที กล่าวกับเฉินสิบว่า: "ให้หลูต้าลี่อุ้มเสี่ยวเฟย วู๊วู" นางเรียกวู๊วูเสียงดัง ทันทีที่วู๊วูเข้ามา นางก็จับตัววู๊วูขึ้นมา ยัดเข้าไปในอ้อมแขนของหลูต้าลี่ ให้เขาอุ้มวู๊วูกับสือเฟยเอาไว้ด้วยกัน

สือเฟยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมาในทันใด: "จิ้กจอกน้อยอุ่นจังเลย!"

หลูต้าลี่ก็หัวเราะคิกคักขึ้นมาเช่นกัน: "จิ้งจอกน้อยอุ่นมากจริงๆ!"

จิ้งจอกน้อยร้องขึ้นมาอย่างคับข้องใจ มันจะไปอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านาย ไม่เอาเจ้าทึ่มใหญ่คนนี้นะ!

โหลชีหยิบเม็ดยาออกมาโยนไปทางจิ้งจอกม่วงเม็ดหนึ่ง มันรีบอ้าปากรับเอาไว้ทันที ชอบขนมแบบนี้!

"ที่นี่คือที่ไหน?" โหลวซิ่นมองดูพื้นที่ขาวโพลนผืนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ากลัดกลุ้มขึ้นมา "ดูเหมือนพื้นที่กว้างไกลไร้

ขอบเขตมีแต่น้ำแข็งและหิมะ"

หนาวยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในทุ่งน้ำแข็งในตอนนั้นเสียอีก

โหลชีมองสำรวจไปรอบๆ กล่าวว่า: "ทุกคนอย่าเดินเพ่นพ่าน ข้าเดาว่า กลไกกับดักมากมายที่ผู้นำเผ่าอาวุโสพูดถึง ก็คือที่นี่ ข้างในนี้มีค่ายกลมากมาย ในค่ายกลยังมีค่ายกล ยังมีกลไกกับดักด้วย ไม่ทันระวังจะถูกขังเอาไว้"

"แล้วท่านพ่อท่านแม่กับท่านปู่ของข้าล่ะ?" สือเฟยตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนใจ

"ตอนนี้ก็จะตามหาพวกเขาแล้ว" โหลชีหันกลับมามองดูเขา การแสดงออกทางสีหน้าจริงจังมาก "เสี่ยวเฟยเจ้าฟังนะ หากต้องการจะตามหาท่านพ่อท่านแม่กับท่านปู่ของเจ้าให้เจอ เจ้าจะต้องเป็นเด็กดี ห้ามร้องไห้ฟูมฟายห้ามวิ่งเพ่นพ่าน เจ้าทำได้ไหม?"

เสี่ยวเฟยกะพริบดวงตากลมที่ดำสนิทแล้วกล่าวว่า "เสี่ยวเฟยทำได้!"

"อืม เด็กดี"

กล่อมสือเฟยเสร็จแล้ว โหลชีมองไปทางกระบี่ยาวที่แขวนอยู่ตรงเอวของเฉินซ่า ต่อมาเซียวฉิงก็นำฝักกระบี่มาให้ก่อนที่พวกเขาจะจากมา ฝักนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับอาวุธวิเศษที่ยังไร้นามชั่วคราวเล่มนี้โดยเฉพาะ บอกว่าสิ่งที่ประดับอยู่บนฝักเป็นเศษวัสดุเล็กน้อยที่เหลือใช้จากการหล่อกระบี่ทั้งนั้น ปกติเอากระบี่ใส่เอาไว้ในฝักยังสามารถเลี้ยงบำรุงกระบี่เล่มนี้ได้"

เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่กระบี่ธรรมดาอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อครู่กระบี่เล่มนี้ส่งเสียงชิ้งชิ้งตอนอยู่ข้างนอก จะต้องเกิดปฏิกิริยากับอะไรบางอย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่ข้างในนี้จะไม่มีอะไรเลย

"ไอสังหาร ปราณหยิน กลิ่นคาวเลือด ล้วนสามารถทำให้กระบี่เล่มนี้มีปฏิกิริยาตอบโต้ได้ทั้งนั้น ตอนนี้สิ่งที่เราเห็นคือพื้นที่ขาวโพลนว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เช่นนั้นก็สามารถอธิบายได้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ส่งเหล่านั้นล้วนถูกค่ายกลและกลไกกับดักซ่อนเอาไว้แล้ว"

เฉินซ่ากล่าวเสียงต่ำ: "ชีชี ค่ายกลมอบให้เจ้า กลไกกับดัก ข้าจัดการเอง"

โหลชีพยักหน้า กล่าวกับคนอื่นๆว่า: "พวกเจ้าระวังหน่อย ตามเรามา ที่นี่ถึงแม้จะเป็นกองหิมะกองหนึ่งก็อย่าไปชน"

ทุกคนพยักหน้า

โหลชีมองไปรอบๆ ตอนที่เดินไปถึงข้างกิ่งไม้หลายกิ่งที่ปกคลุมไปด้วยหิมะของต้นไม้ที่ตายไปแล้ว นางหยุดฝีเท้าลงมา นิ้วมือทำเป็นท่าร่ายคาถา แตะไปตรงหน้าสองสามครั้งอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นทุกคนก็เห็นระลอกคลื่นที่เหมือนกับคลื่นน้ำเกิดขึ้นในอากาศที่อยู่ตรงหน้า นางคว้าหิมะขึ้นมาอีกสองกำ ปั้นเป็นก้อนหิมะสองก้อน จู่โจมไปถูกต้นไม้สองต้นที่อยู่ไม่ไกลออกไป ต้นไม้สั่นไหว หิมะโปรยปราย ทันใดนั้นข้างหน้าก็มีประตูหินปรากฏขึ้นมา และบนพื้นหน้าประตูหินมีคนนั่งรายล้อมอยู่สามคน ผู้หญิงหนึ่งในนั้นกำลังร้องไห้ซิกๆอยู่

"ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเฟยเป็นอย่างไรบ้าง หากเสี่ยวเฟยเขาตายไป ข้าก็ไม่อยากอยู่แล้ว"

"ท่านแม่!" เสี่ยวเฟยตะโกนขึ้นมา

ทั้งสามคนนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ชายชราอายุเกินห้าสิบคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาของพวกเขาเหมือนกับที่ผู้นำเผ่าอาวุโสกับสือเหล่ยบรรยายเอาไว้ ดูแล้วนี่ก็คือครอบครัวของสือหมินจี

หาสามคนนี้เจอ โหลชีก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไร คนยังมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่ดีที่สุด ในที่สุดก็ทำตามคำขอของผู้นำเผ่าอาวุโสสำเร็จ

"เสี่ยวเฟย!"

สามคนนั้นกระโจนเข้ามาทันที หลูต้าลี่ตกใจจนอุ้มสือเฟยถอยหลังไปสองสามก้าวทันที "เฮ้ พวกเจ้าเป็นโจรหรือเปล่าเนี่ย? เข้ามาก็แย่งเด็กเลย!"

โหลชีกลอกตามองบน นี่เขาซื่อหรือว่า "โง่" จริงๆ เมื่อครู่นี้เด็กก็เรียกท่านแม่แล้ว ยังเตรียมกระโจนเข้าไปหา พ่อแม่เขาก็เรียกชื่อของลูกแล้ว ยังดูไม่ออกอีกหรือ?

"ท่านอาตัวใหญ่ นี่คือพ่อแม่ข้า" เสี่ยวเฟยกล่าวกับหลูต้าลี่

หลูต้าลี่ตะลึงอึ้งไปครู่หนึ่ง "จริงหรือ? เจ้าอย่าหลอกข้านะ"

"จริงๆจริงๆ!"

ตอนนี้สือหมินจีสงบสติอารมณ์ลงมา มองพิจารณาทุกคนครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปทางเฉินซ่า "เรียนถามพวกท่านเป็นใครกัน? ทำไมถึงมายังเขตต้องห้ามได้? พวกท่านเป็นคนช่วยเสี่ยวเฟยหรือ?"

เขาถามคำถามสามข้อพร้อมกัน อารมณ์ดูเหมือนจะตื่นเต้นเล็กน้อย

เยว่ก้าวเข้ามาข้างหน้า "นี่คือฝ่าบาทพั่วอวี้กับพระสนมของเรา สือเหล่ยกับผู้นำเผ่าอาวุโสขอให้เรามาช่วยพวกท่าน ท่านคือสือหมินจีใช่ไหม?"

สือหมินจีพยักหน้า มองไปที่เฉินซ่ากับโหลชี เรื่องของพั่วอวี้พวกเขาก็รู้มาบ้างเล็กน้อย ก็เป็นเพราะสือเหล่ยที่เป็นผู้รับผิดชอบในการออกไปแลกเปลี่ยนของใช้จำเป็นในบางครั้งบางคราวก็นำข่าวสารกลับมาด้วย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าสองท่านนี้จะมาช่วยพวกเขาที่เขตต้องห้ามแห่งนี้ได้

"สือหมินจี ตอนนี้ข้ามีคำถามอยากจะถามเจ้าสองสามข้อ" โหลชีมองพิจารณาพวกเขาสามคนแล้ว ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าจะขาดรุ่งริ่ง ทั้งตัวดูเปียกปอนและสกปรก หนาวจนสีหน้าซีดขาว แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้แต่พวกเขาก็ยังต้องผ่าฟันภัยอันตราย โชคของสามท่านนี้ไม่ใช่แค่ดีจริงๆ

"พระ พระสนมเชิญถามได้"

"เจ้าเข้ามา จะมาหาน้ำพุวิเศษใช่ไหม?"

คิดไม่ถึงว่านางจะรู้แม้กระทั่งเรื่องน้ำพุวิเศษ สือหมินจีมองดูนางอย่างตกตะลึง "ใช่......"

"ในนี้อันตรายมากเจ้าไม่รู้หรือ? ทำไมถึงยังพาลูกเมียเจ้าเข้ามาด้วย?"

สือหมินจีกล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิดมาก: "ข้าไม่รู้จริงๆ เพราะตอนที่เข้ามาครั้งแรกไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายอะไร ข้าเข้ามาคนเดียวพวกเขาก็ไม่วางใจ ยังบอกอีกว่าเข้ามาพร้อมกันสามารถแบกน้ำพุกลับไปได้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย ดังนั้นก็เลยเข้ามาพร้อมกัน......"

"ข้าไม่ชอบฟังคำโกหก" จู่ๆเฉินซ่าก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา: "พาเด็กเข้ามาด้วย มีแต่จะเป็นภาระ เป็นไปได้อย่างไรที่จะแบกน้ำพุวิเศษออกไปมากขึ้นได้?""

โหลชีกล่าวเสริมต่อว่า: "และภรรยาของเจ้าก็กำลังตั้งครรภ์ ช่วงแรกของการตั้งครรภ์จะอ่อนแอ ท่านจะทนให้นางแบกรับของหนักได้หรือ?"

ถูกพวกเขาหักล้าง สือหมินจีหน้าแดงขึ้นมา

เวลานี้ ภรรยาของสือหมินจีกอดสือเฟยเอาไว้แล้วกล่าวอย่างขลาดกลัวว่า: "ความจริง ล้วนเป็นความคิดของข้าทั้งนั้น"

ที่แท้ นางตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง แต่เพราะภายในเผ่าไม่มีใครตั้งครรภ์ลูกคนที่สองมาหลายสิบปีแล้ว นางเป็นกังวลมากว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเด็กในครรภ์ ได้ยินเรื่องน้ำพุวิเศษ ก็คิดว่าตัวเองจะสามารถมาอยู่ด้านข้างน้ำพุวิเศษจนกว่าเด็กจะคลอดได้ไหม เช่นนั้นนางไม่เพียงจะได้ดื่มน้ำพุวิเศษทุกวัน ยังสามารถแช่น้ำพุวิเศษอีกด้วย ในเมื่อจะมาอยู่แปดเก้าเดือน ก็ย่อมต้องพากันมาทั้งบ้านอยู่แล้ว เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่า ครั้งก่อนที่สือหมินจีเข้ามา นั่นคือความโชคดีมากๆจริงๆ ไม่ได้พบกับปัญหาอะไร ยังบังเอิญหลงเข้าไปในกลไกนั่น นำน้ำพุวิเศษออกมาได้

"น้ำพุวิเศษอยู่ที่ไหน?"

สือหมินจีกล่าวอย่างหดหู่มาก: "ไม่รู้ เข้ามาครั้งนี้ หาอย่างไรก็หาไม่เจอ เสี่ยวเฟยก็ได้รับบาดเจ็บ แถมยังถูกนกประหลาดตะครุบอีก ตอนนี้ข้าเสียใจมาก......"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ