เดิมทีโหลชีอยากจะถามว่า เผ่าชักมังกรไม่เคยมีใครเข้ามาก่อนเลยไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมีคนรู้ว่าในนี้มีที่แห่งหนึ่งน่ากลัวมาก? แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถาม แม้แต่เฉินซ่ายังเปลี่ยนสีหน้า คิดว่าน่าจะเป็นกลไกที่ร้ายกาจมาก
กำลังคิดอยู่ เฉินซ่าก็คว้าข้อมือของนางเอาไว้แล้ว "เคยได้ยินเรื่องสารปรอทไหม?"
สารปรอท? สีหน้าของโหลชีก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นางรู้ว่า พระราชาและขุนนางสมัยโบราณบางคนในตอนที่ฝังศพจะเทปรอทลงไปในสุสานด้วย หนึ่งคือสามารถป้องกันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย ประการที่สองคือเพื่อป้องกันการโจรกรรมสุสาน ก๊าซระเหยจากสารปรอทมีพิษ สามารถทำให้โจรขโมยสุสานถูกพิษตายได้
แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่สุสานนี่นา หรือว่าข้างในนี้ก็มีสมบัติหายากเช่นกัน จำเป็นต้องใช้ปรอทในการป้องกัน?
เห็นท่าทางของนาง เฉินซ่าก็รู้แล้วว่านางต้องรู้จักปรอทแน่นอน "เห็นรูที่ลูกธนูถูกยิงออกมาพวกนั้นไหม? ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด รูเล็กๆเหล่านั้นจะมีปรอทไหลออกมา กลไกประเภทที่มีสารปรอทไหลลงมาหลังจากที่ค่ายกลลูกธนูถูกยิงออกไปแล้ว ในสุสานพระราชาและขุนนางของราชวงศ์ตงชิงเคยมีมาก่อน"
โหลชีแอบน้ำตาไหล: "ความหมายของท่านคือ นี่คือแผนผังฆ่าตายแน่?"
"ใช่"
สิ่งที่โหลชีไม่เข้าใจคือ นางรู้จักกลไกในการลงมา ถ้าหากนางเดาไม่ผิด คนที่วางกลไกอันนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับนางเล็กน้อย ดังนั้น นางถึงได้จำวิธีการเคลื่อนเท้านั่นได้รางๆ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วตอนที่ท่านจินบอกกับนางว่าคำสาปเลือดดวงชะตาของตระกูลโหลมีแต่พรสวรรค์ทางสายเลือดถึงจะสามารถฝึกสำเร็จได้ นางก็เข้าใจเล็กน้อยแล้วว่า ยุทธวิธีจู่โจมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองกับตระกูลโหล น่าจะมาจากความทรงจำที่ติดอยู่ในจิตใต้สำนึก ก็ไม่รู้ว่านักพรตเลวพานางไปยุคปัจจุบันตอนนางอายุเท่าไหร่ บางทีในตอนที่นางอายุได้สองสามขวบเคยมีคนเล่าเกี่ยวกับยุทธวิธีจู่โจมพวกนี้ให้นางฟัง จิตใต้สำนึกของนางจดจำมันเอาไว้ ในความทรงจำธรรมดากลับไม่มีก็ไม่แปลก
แต่หากเป็นค่ายกลที่วางโดยผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับนาง เช่นนั้นตอนที่ออกแบบ ไม่ใช่ว่าควรจะนึกถึงความเป็นไปได้แม้เพียงเล็กน้อยหรอกหรือ? ใช้วิธีเคลื่อนเท้าของตระกูลโหลสามารถลงมาได้ หมายความว่าอาจจะเป็นทายาทของตระกูลโหล ข้างล่างนี้อย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นแผนผังฆ่าให้ได้ไม่ใช่หรือ!
หรือว่ายังจะต้องฆ่าล้างคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโหล?
เฉินซ่าตรวจหากลไกอื่นๆด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หันหน้ามาเห็นสีหน้าท่าทางที่ความหมายไม่ชัดเจนของโหลชี ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: "กลไกทั้งหมดไม่ได้ถูกสร้างในเวลาเดียวกัน บางที หลังจากที่มีคนสร้างกลไกชั้นแรกขึ้นแล้ว ก็มีคนมาที่นี่ และวางแผนผังฆ่าให้ได้อีก"
โหลชีนึกขึ้นได้ในทันที
ดังนั้น นี่ก็มีความเป็นไปได้ว่าศัตรูที่รู้จักคนที่ออกแบบค่ายกลที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลโหลคนก่อนหน้านี้เป็นอย่างดีเป็นคนวางกลไกระดับสองนี้ขึ้นมา ใช้แผนผังฆ่าให้ได้ จุดประสงค์ก็เพื่อฆ่าคนที่ทำลายค่ายกลที่มีความเกี่ยวข้องกับคนออกแบบค่ายกลคนก่อนหน้านี้
"เวลานี้ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น หากลไก" เฉินซ่ากล่าวราบเรียบออกมาอีกคำหนึ่ง ถ้าหากคนที่ออกแบบค่ายกลก่อนหน้านั้นเป็นคนของตระกูลโหลจริงๆ มีความเกี่ยวข้องกับนางอยู่เล็กน้อย เช่นนั้นอาศัยนางหากลไกน่าจะพึ่งได้มากกว่า อีกอย่าง วิธีการวางกลไกของที่นี่กับกลไกของเขาเฉินอวิ๋นฝ่ายนั้นมันคนละทิศคนละทางกันจริงๆ ให้เขาหาเป็นไปได้ว่าเวลาอาจจะนานมากขึ้น
โหลชีพยักหน้า สงบสติอารมณ์ลงมา
"มีปรอทไหลออกมาแล้ว!" สือหมินจีตะโกนขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
เฉินซ่ากล่าวเสียงขรึม: "กลั้นหายใจ กลั้นหายใจไม่เป็นก็ปิดปากปิดจมูกเอาไว้"
ทุกครั้งในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เฉินซ่าไม่เคยตื่นตระหนกมาก่อน เสียงของเขามักจะเย็นชาแต่กลับสงบนิ่งมาก ในเวลาปกติอาจทำให้คนรู้สึกกลัว แต่ในเวลาเช่นนี้กลับสามารถทำให้คนรู้สึกอุ่นใจได้
สำหรับโหลชีก็เช่นกัน ท่าทางของเขาที่มักจะเย็นชาสงบนิ่งเช่นนี้ ทำให้จิตใจของนางสงบลงไปมากเช่นกัน
หยิบขวดออกมาขวดหนึ่งแล้วโยนให้กับเยว่ ให้เขาแจกให้ทุกคนคนละหนึ่งเม็ด กลืนลงไปอย่างรวดเร็ว ต้านก๊าซพิษเอาไว้ชั่วคราวได้ไม่เป็นปัญหา แต่หากปรอททะลักเข้ามาในปริมาณมากจริงๆ ห้องโถงนี้ก็จะเต็มไปด้วยก๊าซพิษที่หนาแน่น อย่าว่าแต่ก๊าซพิษเลย ถึงเวลานั้นพวกเขาจะไม่มีแม้แต่ที่จะให้ยืนเลยด้วยซ้ำ หากผิวสัมผัสกับสารปรอทในปริมาณมาก ก็จะถูกทำลายเช่นกัน
สถานการณ์เร่งด่วน
เยว่กับเฉิงสิบและคนอื่นๆต่างก็พยายามค้นหากลไก
โหลชีเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ต้องมีทางออกแน่นอน ไม่อย่างนั้น จะสร้างห้องโถงนี้ไว้ทำไม
ทุกคนต่างก็เดินหากลไกไปทั่ว มีเพียงนางที่ยืนอยู่กับที่ ดูเหมือนจะเหม่อลอย ความจริงในใจของนางจู่ๆก็มีบางอย่างแวบเข้ามา "ลูกธนูทำไมต้องออกแบบเป็นการกราดยิงไม่เลือกด้วย? มากมายและซับซ้อนขนาดนั้น ถึงแม้ว่านั่นจะสามารถยิงไปในทุกซอกทุกมุมได้ แต่ในเมื่อหลังจากนั้นมีปรอทอยู่ เช่นนั้นก็เป็นการกระทำที่เกินความจำเป็นอย่างสิ้นเชิง ใช้ลูกธนูมากมายขนาดนี้ ตอนที่ยิงออกมาเมื่อครู่นี้ลอยละล่องอยู่เต็มท้องฟ้า มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าลูกธนูถูกยิงออกมาจากไหน......เฉินซ่า!"
เฉินซ่าหันกลับมามองนาง เห็นสายตาทั้งคู่ของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว
"ฝนลูกธนูเมื่อครู่นี้ ท่านจำได้หรือไม่ว่ามันถูกยิงออกมาจากไหน?"
ต้องบอกว่าโหลชีชอบคุยกับคนฉลาด เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ขึ้นมา เฉินซ่าเข้าใจความหมายของนางในทันที ยิ่งไปกว่านั้น คนอื่นอาจจะมัวสนใจอยู่กับการหลบเลี่ยงฝนลูกธนู มีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถเผชิญหน้ากับอันตรายโดยปราศจากความกลัวอย่างแท้จริง ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นยังสามารถมองสำรวจไปรอบทิศทางได้ มองเห็นและจดจำว่าลูกธนูถูกยิงมาจากทิศทางใด
นางก็พอจะจำได้รางๆ แต่ต้องการการยืนยันจากเขา
"เจ้าหมายความว่า?" เฉินซ่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง แวบร่างไปยังมุมหนึ่งทันที โหลชีก็ตามไปอย่างรวดเร็ว และยังกวักมือเรียก ให้ทุกคนตามไปด้วย
"จริงๆด้วย"
ตรงจุดนี้ บนกำแพงหินมีที่เล็กๆที่ไม่มีรูลูกศรออกมา ก็ย่อมไม่มีปรอทไหลออกมาอยู่แล้ว
เยว่ยื่นมือไปจับ เคาะไปหนึ่งที "กำแพงหินตรงจุดนี้แข็งแกร่งผิดปกติ อาจจะเจาะได้ยากมาก ดังนั้น......"
"ไม่ เพราะนี่คือที่อยู่ของทางออกมากกว่า นี่คือประตูบานหนึ่ง" โหลชียิ้มตาหยี
ด้านหลังประตูคือทางออก ไหนเลยจะเป็นไปได้ที่จะเทสารปรอทลงไป และฝนลูกธนูที่ถี่ยิบนั่น ก็แค่คิดที่จะหลอกล่อคนที่อยู่ที่นี่ ให้พวกเขาคิดว่าฝนลูกธนูถูกยิงออกมาจากทุกที่ เบี่ยงเบนความคิดออกไป ให้คนคิดไม่ถึงว่าในความเป็นจริงยังมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีลูกธนูถูกยิงออกมา
ถึงแม้จะคิดได้ ตอนนั้นก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ฝนลูกธนูหนาแน่นเกินไป
เสียดาย เฉินซ่ามีสายตาแบบไหน โหลชีมีสายตาแบบไหน
เฉินซ่าก็ผ่อนสีหน้าท่าทางลง "ถูกต้อง ที่นี่ก็คือทางออก" มือของเขาตบไปยังบางจุดในนั้น ตรงกำแพงหินกลับมาถ้วยหยกขนาดเล็กที่ใหญ่กว่าฝาครอบนิ้วหัวแม่มือเพียงเล็กน้อยเด้งออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ