"ตายล่ะ หรือว่าเกิดเรื่องแล้ว!" ว่าแล้ว หูขว้างจือยังไม่ทันได้ขออภัยเฉินซ่ากับโหลชีก็ถอนเท้าวิ่งขึ้นเขา
โหลชีกับเฉินซ่าสบตากันทีหนึ่ง แล้วเหาะขึ้นพลัน อิง เฉิงสิบกับโหลวซิ่นตามอย่างเงียบเชียบ เวลานี้ย่อมต้องตามทันทีอยู่แล้ว พริบตาเดียวก็ผ่านหน้าหูขว้างจือ
เขาถึงสถานที่ค่อนข้างเรียบเอวเขา เห็นชายหลายสิบคนตื่นตระหนกวิ่งพล่านทำอะไรไม่ถูก บ้างเพราะตื่นเต้นรีบร้อนเกินไป จึงพลาดเท้ากลิ้งลงเขา
โหลชีเห็นคนหนึ่งพอดี จุดที่ยืนเป็นลักษณะพื้นที่ที่งอกออกมา เขาวิ่งมุ่งไปด้านหน้า แพล็บเดียวก็เหยียบอากาศ ตกลงไปทันที นี่หากตกลงไปต้องได้พิกลพิการแน่
ฟืบเสียงหนึ่ง แส้ของนางออกมาฉับพลัน ครั้นพันตัวคนผู้นั้นแล้วกระชาก เขาก็ล้มอยู่กับพื้นหญ้า
แต่คนมากมายวิ่งกระเจิงเช่นนี้ อยู่บนเขาจะรนหาที่ตายเองได้ง่าย และเกรงว่ามีคนล้มลงไปแล้วจะถูกย่ำ
เฉินซ่าส่งเสียงใสออกไปอย่างฉับพลัน เสียงใสที่เหน็บกำลังภายในแฝงความข่มหลายส่วน พริบตาเดียวก็ทำให้ทุกคนที่กอดศีรษะนั่งยองลง ลืมความกลัว และหยุดความเคลื่อนไหว
"ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว ฝ่าบาทมีอายแห่งมังกร สามารถข่มภูตผีปีศาจทั้งมวลได้ ทุกคนอย่างตื่นตระหนก!" โจวหลี่ที่ตามมาติดๆ ตะโกนออกมา
คำพูดประโยคนี้ได้ผลโดยแท้ คนเหล่านั้นดีใจยกใหญ่ กราบไว้ลงไปอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับประชาชนที่มีความหวาดกลัว นี่เสมือนทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยง่ายมากขึ้น
"ลุกขึ้น ถอยไปอีกทางเถิด" เสียงของเฉินซ่าเย็นชาเล็กน้อย แฝงความโหดเหี้ยมและน่าเกรงขาม
รอจนพวกเขาถอยออกแล้ว เปลอย่างง่ายทั้งห้าวางเรียงอยู่บนพื้นหญ้า แต่ละเปลต่างมีหนึ่งศพ อาจเป็นเพราะความกลัว พวกเขาจึงคลุมศพด้วยผ้าห่มผืนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นผ้าห่มได้หล่นลงด้านข้าง เผยศพออกมา ศพนั้นเป็นผู้ชาย ทรวงอก คอเสื้อกระชากออก ปรากฏหน้าอกแผ่นใหญ่ออกมา
โหลชีตั้งใจมอง ทันใดนั้นกระเพาะก็ปั่นป่วน เกือบอาเจียนออกมา
มิใช่เพราะกลัว แต่ขยะแขยง อีกอย่าง แม้แต่นางที่ไม่ถือว่ามีรูมากนักยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคกลัวรู
ขึ้นมากะทันหัน! อยากร้องกรี๊ดแล้ว!!!
"แหวะ!"
ไหนเลยจะรู้ว่านางยังไม่อาเจียน ด้านข้างก็มีเสียงอาเจียนดังมาแล้ว กลับเป็นโจวหลี่เสียนี่
ขณะที่โจวหลี่เห็นแผ่นอกของศพก็อดไม่อยู่ หันข้างไปอาเจียนหนัก ถัดจากนั้น หูขว้างจือก็เข้าร่วมเรียงแถวด้วย
โหลชีมองเฉินซ่าตามจิตสำนึก กลับพบว่าใบหน้าเขาเป็นเหมือนปกติ...ยังคงโหดเหี้ยมไร้อารมณ์เช่นนั้น
แกร่ง...จริงๆ
"ยากนักจะมีสิ่งที่เจ้ากลัว" เขาสังเกตได้ถึงสายตาของนาง ยื่นมือลูบศีรษะนางเบาๆ โหลชีรู้สึกเหมือนเป็นสุนัขน้อยสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งชั่วขณะ
นางรีบสะบัดศีรษะ เอ่ยอย่างไม่ยอม"นี่มิใช่กลัว แค่ปรับสภาพจิตใจไม่ได้เท่านั้น เป็นอารมณ์อีกแบบที่ต่างจากหวาดกลัว"
"เช่นนั้นเจ้ายังไม่ต้องเข้าไป ข้าจะเข้าไปดูแล้วค่อยบอกเจ้าว่าเป็นอย่างไรกันแน่"
"นายท่าน ข้าน้อยไปก่อนเถิด" อิงเอ่ยเสียงหนัก
เฉินซ่าพยักหน้า"ระวังหน่อย"
อิงเดินไป
เมื่อเดินเข้าใกล้หน่อย เห็นชัดมากขึ้น แม้แต่เขาก็ยังแทบอดความรู้สึกหุนหันที่จะกระโดดวิ่งไม่ได้ เช่นเดียวกับที่โหลชีบอก นี่ทำให้ปรับจิตใจไม่ได้อย่างร้ายแรง
เขาได้ยินเสียงฝีเท้า ครั้นหันกลับไป เฉิงสิบกับโหลวซิ่นก็เดินตามมาด้วย
"เราดูแทนแม่นาง"
อิงอยากกรอกตาขาวใส่มาก ยังต้องแบ่งแยกขนาดนี้ใช่ไหม? เขาดูแทนพระสนมไม่ได้? อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ความคิดของเฉิงสิบนะ มิใช่เพราะรู้สึกว่ายังไม่ได้จัดงานพิธีแต่งตั้งพระสนมใหญ่โต ยังประกันไม่ได้ว่าฝ่าบาทจะอภิเษกกับนางผู้เดียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมเปลี่ยนการเรียกเป็นพระสนมหรือ?
แล้วยังเห็นพวกเขาเป็นเส้นสงคราม มิใช่ค่ายเดียวกับพวกเขาแน่ะ
"พวกเจ้าจะดูก็ดูเถิด" เขาเอ่ย อดกลั้นความครั่นเนื้อครั่นตัว นั่งยองลงข้างศพนั้น
เวลานี้ มือของโจวหลี่ยื่นถุงน้ำให้เขาถึงหนึ่ง เขากลั้วปาก กว่าจะสงบลงได้ แล้วไปขอรับโทษต่อหน้าเฉินซ่าและโหลชี
"ช่างเถิด ใต้เท้าโจวถมดูว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ก่อนเถิด" โหลชีเห็นเฉินซ่าเหลือบมองเขาสายตาหนึ่ง ท่าทางนั้นเห็นชัดว่าดูแคลนการแสดงออกเช่นนี้ของชายตัวโตคนหนึ่ง เบี่ยงหัวข้อสนทนาทันที
โจวหลี่และหูขว้างจือจึงไปสอบถามด้วยตัวเอง
ครั้นถาม ก็มีชายสี่คนใบหน้าซีดเผือดเหงื่อกาฬเต็มศีรษะถูกผลักออกมา
"นั่นเป็นศพที่พวกเขาสี่คนหามขอรับ"
เนื่องจากศพหนักมาก สองคนหามกินกำลังมากเกินไป ดังนั้นสี่คนหามหนึ่ง ทั้งยังมีคนรอสลับสับเปลี่ยน ถึงอย่างไรเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เวลานี้จึงไม่มีผู้ใดมีกะจิตกะใจบุกเบิกเขาอีก ที่นี่มีคนมากมาย เรียกไปช่วยงานหลายสิบคนก็ยังได้
แต่สี่คนนี้ขณะที่หามศพนั้นอยู่ก็ได้ยินเสียงประหลาดเล็กน้อยออกมาจากในศพ ราวกับเสียงแมลงอะไรกินขี้เลื่อย พวกเขารับไม่ได้คาดเดาอยู่ตลอด ครั้นมาถึงจุดนี้ ขณะที่วางศพลงก็แง้มผ้านวมที่คลุมศพออกมาดู จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงนั้นดังออกมาจากหน้าอกของศพ คนหนึ่งจึงฮึดความกล้ากระชากคอเสื้อออก
ครั้นเห็น พวกเขาก็ตกจนหกคะเมนปัสสาวะราด!
ก็คือเสียงที่พวกโหลชีได้ยิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ