ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 358

"อ๊า!"

ในที่สุดเฟยฮวนก็ทนไม่ไหวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เข็มทั้งสิบเล่มนั้นมุดเข้าไปในมือนาง และควบคุมจุดสำคัญเอาไว้ ตอนนี้นิ้วมือทั้งสิบของนางมิอาจงอได้เลย ไม่อาจขยับได้ และเริ่มบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมกับเติมเลือด เลือดสีดำ พริบตาเดียว นิ้วเรียวยาวของเฟยฮวนแต่เดิมนั้นกลายเป็นเหมือนไส้กรอกที่เสียแล้วเปลี่ยนรูปร่างสิบแท่ง ดูน่าอนาถยิ่งนัก

"อ๊าอ๊าอ๊า! โหลชี เจ้าทำอะไรกันแน่?!" เฟยฮวนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้เลย ใช้กำลังภายใน เข็มพวกนั้นก็ไม่ยอมออกมา และยังปักคาอยู่ในนิ้วมือนาง

คำสาป ส่วนมากต้องอาศัยมือคู่นี้ หากมือได้รับบาดเจ็บหรือเสียหาย คำสาปมากมายก็ทำไม่ได้ ดังนั้นทุกคนที่เรียนคำสาปของซีเจียงจึงมักทะนุถนอมมือของตนอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะผู้รับตำแหน่งเทพธิดา ทุกวันจะมีขั้นตอนในการดูแลรักษาสองมือครบชุด ไม่สามารถขาดไปได้แม้สักขั้นตอน

มือของนางงามนัก และเคยเป็นมือที่ซีฉางหลีชอบมาก เขาชอบเวลาสองมือนี้ของนางลูบไล้ร่างกายเขา มันทำให้เขาฮึกเหิมมาก

แต่ตอนนี้สองมือนี้ สองมือนี้โดนทำลายแล้ว!

นางแค้นโหลชียิ่งนัก!

ได้รับสายตาเคียดแค้นอาฆาตของนาง โหลชีกลับยังคงสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา นางมองดูเฟยฮวน พูดเสียงเรียบว่า "เจ้าคิดว่าแค่นี้รึ?"

ตอนที่นางใช้การควบคุมฝันกับเฉินซ่า โหลชีก็ไม่คิดจะละเว้นนางแล้ว อีกอย่าง เก็บตัวล่อกู่ที่เกิดใยามหยินวันหยินเดือนหยินปีหยินแบบนี้ไว้ข้างกาย นางไม่ยอมหรอก

ดังนั้นเฟยฮวนต้องตาย

แบบนี้นางก็จะได้ตัดหนทางรอดทั้งหมด หาทุกวิถีทางไปหาวิธีแก้กู่แบบอื่นมา ยังไงซะให้นางยอมให้เฉินซ่ามีอะไรกับเฟยฮวนนี่ ไม่มีทาง

เยว่กับอิงเห็นโหลชีในโหมดนี้ต่างพากันตกตะลึงอึ้ง

พวกเขาไม่เคยเห็นโหลชีในโหมดเย็นชาเช่นนี้มาก่อน ความเย็นชาของนางในตอนนี้เทียบเท่านายท่านได้เลย พอทั้งคู่ยืนด้วยกันแล้ว รังสีเพิ่มพูนเป็นสองเท่า ทำให้คนสั่นสะท้านหนาวสั่นมิได้

ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า เมื่อก่อนโหลชีน่ะยอมให้พวกเขามาตลอดเลย

พอโหลชีพูดจบ นิ้วทั้งสิบของเฟยฮวนพลันบวมปูดขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

เดิมนิ้วเรียวยาวเยี่ยงนั้นบวมจนกลายเป็นไส้กรอก พวกเขาก็ว่ามันถึงขีดสุดแล้ว แต่ตอนนี้ยังบวมขึ้นได้อีก! เนื้อหนังของนางบวมถึงขีดสุด บางจนแทบจะใส ในนั้นเป็นเนื้อสีดำ ฉากนี้ทำทุกคนสะท้านเยือก หมอเทวดาเมื่อครู่สลบไปพึ่งฟื้น พอมาดูก็สลบลงไปอีก

คำสาปเลือดส่งสารไหนเลยจะยังทำได้? เฟยฮวนรู้สึกหวาดกลัวในที่สุด เป็นแบบนี้ต่อไป นางคงมิอาจรักษานิ้วไว้ได้เลยสักนิ้ว! นางเหลือบตาขึ้นมองโหลชีอย่างลนลาน "พระสนม พระสนม ละเว้นข้าด้วย ข้าไม่กล้าอาจเอื้อมฝ่าบาทแล้ว ข้าจะไปให้ไกลเลย ได้หรือไม่?"

เยว่และอิงเห็นเฟยฮวนเป็นแบบนี้แล้ว ในใจต่างรู้สึกเก้อเขิน สตรีเยี่ยงนี้ จะมีสิทธิ์ร่วมครอบครองฝ่าบาทกับโหลชีได้อย่างไร? ขนาดพวกเขามองนางยังรู้สึกชายหน้าเลย

โหลชีเอนร่างพิงเฉินซ่า ไม่สนใจสักนิดกับกลิ่นคาวเลือดบนเสื้อผ้าเขา นางเหล่ตามองเฟยฮวน พูดเสียงเรียบว่า "เมื่อครู่เจ้าบอกว่า อาจารย์เจ้าแค่รู้จักคนหนานเจียง...ใครกันนะ?"

นางจะบีบเค้นให้นางพูด มีวิธีมากมาย และถ้าให้นางใช้วิธีการเหล่านี้ ก็แค่อีกฝ่ายหาเรื่องตายเท่านั้นเอง

"กู่ของฝ่าบาทมิใช่เป็นฝีมืออาจารย์ข้าจริงๆ อาจารย์ข้าแค่เคยได้ยินเรื่องนี้จากสหายชาวหนานเจียงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน บอกว่าฝ่าบาทโดนกู่ปลิดชีพ ต้องใช้สาวพรหมจรรย์ที่ยามวันหยินเดือนหยินปีหยินมาแก้ และสาวน้อยนางนั้นยังต้องเป็นร่างหยินแต่กำเนิด! ตอนนั้นอาจารย์ดีใจมาก เพราะประจวบเหมาะว่า ข้าตรงตามเงื่อนไขทุกข้อ! ดังนั้นนางจึงมิได้ปิดบังข้า นางให้ข้าดูแลรักษาพรหมจรรย์ไว้ให้ดี เพื่อมอบให้ฝ่าบาทในภายภาคหน้า!"

"เจ้าก็ยอมรับงั้นรึ?"

"ข้า" เฟยฮวนกัดฟันกรอด ลังเลชั่วครู่ เฉินซ่าเอ่ยปากพูดเสียงเรียบ "มิต้องถามอันใดแล้ว ในเมื่อข้ามิต้องการนาง ก็มิต้องฟังให้มากความ ฆ่าทิ้งเสียเลย"

เฟยฮวนรีบร้องบอก "สหายชาวหนานเจียงคนนั้นของอาจารย์บอกว่า ชาติกำเนิดของฝ่าบาทเกี่ยวพันถึงความลับอันยิ่งใหญ่ ข้ามอบตัวเองให้ และทำให้เขาเชื่อใจ ต่อไปยามชาติกำเนิดของฝ่าบาทถูกเปิดเผย ซีเจียงต้องได้แบ่งส่วนแน่!"

คำพูดนี้ออกมา ทุกคนพากันอึ้ง

ชาติกำเนิดของฝ่าบาท...

แบ่งส่วน แบ่งส่วนบ้าอะไรเนี่ย?

แต่เรื่องพวกนี้ ถามต่อไป เฟยฮวนก็ไม่รู้แล้วจริงๆ

"งั้นสหายชาวหนานเจียง คือคนที่ลงกู่แก่ฝ่าบาท?" โหลชีถาม

"น่าจะไม่ใช่ อาจารย์ข้าบอกว่า กู่ปลิดชีพมิใช่ผู้ใดก็สามารถลงได้"

"แล้วสหายชาวหนานเจียงคือใคร?"

"รู้แต่เพียงว่าเป็นนักเลี้ยงกู่หญิงคนหนึ่ง อาจารย์เรียกนางว่านางพันหนอน ดูเหมือนจะเป็นฉายา แต่ข้าก็ไม่รู้ว่านางชื่ออะไรกันแน่" เฟยฮวนพูดพลางลอบมองมือตัวเองอย่างระมัดระวัง

"อาจารย์เจ้าชื่ออะไร? ตอนนี้อยู่ที่ซีเจียงรึ?"

"อาจารย์ข้าเป็นเทพธิดาคนก่อนจริงๆ นางชื่อเฟยเยว่ นางอาศัยอยู่ในตำหนักเทพธิดาตลอด"

เฟยฮวนพูดมาถึงตรงนี้ก็ร้องขึ้นมา "ที่ควรพูดข้าได้พูดหมดแล้ว พระสนม มือของข้า..." นางรู้ว่าโหลชีต้องรักษามือนางได้แน่

แต่นางยังพูดไม่ทันจบ เฉินซ่าก็ยกขาขึ้นถีบนางกระเด็นลอยออกไป ในตอนที่นางลอยกลางอากาศ ดวงตาโหลชีส่อแววประกายเย็นชาไร้ความปรานี นิ้วมือวาดกลางอากาศแผ่วเบา ได้ยินเสียงปุ๊ดังติดกันเบาๆ สิบนิ้วที่บวมเป่งของเฟยฮวนพลันระเบิดพร้อมกัน

นิ้วมือระเบิดเป็นภาพยังไง เมื่อก่อนพวกเยว่กับอิงไม่รู้ ตอนนี้ได้รู้แล้ว ลองคิดภาพนิ้วมือที่บวมจนกลายเป็นลูกบอลเนื้อพร้อมใจกันระเบิด เหลือแต่ฝ่ามือว่างๆสิ? นิ้วมือสิบนิ้ว ทั้งหนังเนื้อเลือดกระดูกไปหมด ไม่เหลือเลยสักนิด

ฝ่ามือยังเหลืออยู่ยังคงเลือดไหลไม่หยุด ความสั่นสะท้านเคลื่อนย้ายจากฝ่ามือถึงหัวใจ เฟยฮวนเจ็บจนแทบอยากตาย แต่นางไม่รู้ว่าทำไมตนถึงยังไม่ตาย ทั้งๆที่ฝ่าเท้าเมื่อครู่ของเฉินซ่าแทบทำเอาเส้นเลือดหัวใจนางขาดสะบั้น แต่กลับเหลือลมหายใจนางไว้เฮือกหนึ่ง ให้นางมองดูสองมือระเบิดเละด้วยตาตัวเอง มีเศษเลือดเนื้อระเบิดมาโดนหน้าตน ใบหน้าเองก็เจ็บปวดแสบปวดร้อน

เฟยฮวนไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังเท่านี้มาก่อน

"เยว่ ส่งนางเข้าคุก ให้ฮั่วหยูฉุนขังนางไว้สิบวัน" โหลชีน้ำเสียงเย็นชา แต่ที่จริงแล้ว นางพอใจกับฝ่าเท้าเมื่อครู่ของเฉินซ่ามากเป็นพิเศษ เท้าของเขาทำเฟยฮวนแทบตายอยู่รอมร่อ แต่กลับเหลือลมหายใจไว้เฮือกหนึ่ง ต่อมานางจะได้รับรู้ความเจ็บปวดทรมานจากมือและหน้าเชื่อมถึงหัวใจ จะเจ็บจนนางไม่มีแรงจะตายเลย

เขาและนางล้วนเป็นคนอำมหิต เหมือนกัน เพียงแค่ปกติแล้วนางเก็บซ่อนเอาไว้ ส่วนเขากลับมิเคยปิดบังเลย

ระหว่างที่คิดแบบนี้ ก็ได้ยินเฉินซ่าเสริมอีกคำว่า "จับตาดูนางไว้ อย่าให้ฆ่าตัวตายได้"

เขาดูออกว่า เฟยฮวนใกล้สลบไปแล้วเพราะความเจ็บปวดของสองมือ การลงมือครั้งนี้ของโหลชีอำมหิตยิ่งกว่าครั้งก่อน การบาดเจ็บที่มือนั่นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

ดังนั้นความเจ็บปวดชนิดนี้เขาจะให้เฟยฮวนทนรับอีกสิบวัน สิบวันให้หลัง ไม่มีการช่วยเหลือ นางคงทนอาการบาดเจ็บภายในที่เขาถีบไม่ไหวแล้วแน่ๆ

"ขอรับ" เยว่หิ้วเฟยฮวนขึ้นมา และพานางออกจากตำหนักสาม

เวลานี้โหลชีหางตาปรายไปเห็นเอ้อร์หลิง พริบตาเดียว ความเย็นชาทั้งหมดเหมือนหิมะที่โดนแสงตะวันทำให้ละลายหายไปไม่เหลือร่องรอย

นักกินเสี่ยวชีนั่นออกมาแล้ว

"ไอ้หยา ข้าตั้งใจจะออกมาหาของกินนะ หิวจะตายแล้ว!"

สายตาเฉินซ่าปรายมองไปที่เอวนาง เขาพึ่งค้นพบเมื่อครู่ว่า นางไม่ได้รัดสายรัดเอวพิเศษที่รัดไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีชั้นหนาๆนั่น เอวของนางบางมาก แต่กลับไม่แห้งเหี่ยว กลมและมีเนื้อเล็กๆ เอวบางเยี่ยงนี้สามารถทำให้บุรุษบ้าคลั่งได้เลย

โหลชีเข้าใจความหมายเขาผิด และมองมาที่เอวตนเช่นกันพลางว่า "อ้อ พอดีตอนข้าเก็บสายรัดเอวนั่นก็คว้าเข็มอาบพิษหญ้าปีศาจมาเหน็บไว้ที่สายรัดเอวนี้ด้วย พอดีได้ใช้ด้วยเลย แต่จะให้ใช้อย่างอื่นด้วยก็ไม่มีแล้ว"

ถ้าไม่พกอะไรมาเลย นางรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ต้องรู้ไว้นะ ปกตินางพึ่งพาของพวกนี้อยู่มาก

อิงได้ยินดังนั้นก็อดมองไปที่เอวโหลชีไม่ได้ พอมอง เขาก็มองเหม่อไปเลย เอวบาง เอวบางที่งดงามยิ่ง...

ปึ้งดังขึ้น เขาโดนฝ่าบาทซัดออกไป จนลอยออกนอกตำหนักสาม ผ่านไปสักพัก ถึงได้ยินเสียงหล่นลงพื้นเสียงดังสนั่น

หมอเทวดาหลับตาลง หมุนตัวเดินจากไป

ยังไม่มีใครคลายจุดใบ้ให้เขาเลยนะ แต่ตอนนี้เขามีหรือจะกล้ามองอีก? รีบออกไปดีกว่า! เขามีหรือจะกล้ามองไปที่ตัวพระสนมอีก?

โหลชีทำท่าเหมือนจะยิ้ม

"องครักษ์ที่จงรักภักดีเยี่ยงนี้ ท่านกลับใจร้ายได้ลงคอ"

เฉินซ่าพูดเสียงเรียบว่า "เขาควรจะสงบใจลงหน่อย"

นอกตำหนักสาม อิงพยุงเอวตัวเองลุกขึ้นมา หันกลับไปมองหนึ่งที และยิ้มเศร้าออกมา ฝ่ามือนี้ของฝ่าบาทไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บ แต่ซัดเขาลอยกระเด็นนี่เป็นครั้งแรกจริงๆ

....

ไม่ว่ายังไง ต่อมาหลายวันโหลชีได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย แน่นอน เรียกว่าสบาย อย่างน้อยไม่ต้องออกไปวิ่ง มีเตียงให้นอนทุกวัน

เดิมนางยังกังวลว่าวันๆนอนเตียงเดียวกับเฉินซ่าเขาจะทนไม่ไหว เพราะตอนนี้สถานะพวกเขาถือว่าเป็นสามีภรรยากัน แต่ต่อมานางพบว่าตัวเองคิดมากเกินไป เพราะในวันต่อมาเฉินซ่าก็ยุ่งมากจนไม่มีแม้แต่เวลากินข้าวกับนาง ทุกคืนเขาล้วนอยู่ห้องทรงอักษรที่พึ่งสร้างขึ้นดูข่าวมากมายที่ส่งมา อ่านฎีกา จัดการงานเรื่องต่างๆ ไม่เพียงแค่เรื่องก่อนหน้านี้ที่สะสมมามากเกินไป ปัญหาใหม่ที่เข้ามาทุกวันก็ไม่น้อย จะสร้างแคว้นมันไม่ง่ายขนาดนั้น

ทุกวันเขามักจะกลับมาตอนเช้ามืด หลังจากอาบน้ำแล้วก็นอนลงข้างนาง โอบนางเข้าอ้อมกอด จากนั้นก็หลับไป หลับประมาณสองชั่วยาม เขาก็ลุกจากเตียงในตอนที่นางยังไม่ตื่นออกไปอีก

โหลชีรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่า จักรพรรดิก็ไม่ใช่จะเป็นได้ง่ายๆ เหนื่อยเกินไปแล้ว

หลายวันนี้นางกินดีนอนดีอยู่ดี เลยเริ่มมีเนื้อขึ้นมาหน่อย นอกจากจะไปเดินเล่นที่เขตคุกแล้ว ก็ไปนั่งเล่นที่หมอเทวดานั่น

แน่นอนไปหาหมอเทวดา เพื่อพิษและกู่ในตัวเฉินซ่า

นางกับเฉินซ่าต่างลืมเรื่องความลับใหญ่เกี่ยวกับชาติกำเนิดเขาไปเลย แต่พอความลับหนึ่งไม่ได้รับความสนใจ มันก็จะสูญเสียพลังระเบิดที่ไม่แน่นอนไป

"ตอนนี้ฝ่าบาทหากระสายยาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ยังขาดอีกห้าชนิด เวลามีไม่มากแล้ว พระสนม เกี่ยวกับเรื่องกู่ปลิดชีพ พระสนมพอมีร่องรอยอะไรบ้างหรือไม่?" ตั้งแต่เรื่องเฟยฮวน เฉินซ่าก็เรียกกลับกำลังพลที่ตามหาหญิงธาตุหยินทั้งหมด และเปลี่ยนไปตามหากระสายยาทั้งห้าที่เหลือแทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ