ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 360

จะขัดหลังให้ข้าหรือ?

พอได้ยินคำนี้ โหลชีเกือบสำลักน้ำลายตัวเองตาย

นางยืนตัวตรง เบิกตากว้างมองเขา ย้อนถามกลับอย่างเซ็งๆว่า "สนมอย่างข้าดูเหมือนพนักงานถูหลังของโรงอาบน้ำมากรึ?"

พนักงานถูหลังของโรงอาบน้ำ? นั่นคือสิ่งใด?

เฉินซ่าใบ้กินทันที เขาพบว่าหลายครั้งนางพูดอย่างเป็นธรรมชาติ หากเขากลับฟังไม่เข้าใจ

"ชายหญิงห้ามแตะเนื้อต้องตัวกัน ท่านลงไปแช่ ข้ารออยู่ด้านนอก รับรองว่าจะไม่ให้โจรปล้นสวาทคนใดเข้ามา" โหลชีอบหน้าอกตนเองเป็นเชิงรับประกัน

เพียงแต่คำรับประกันนี้ทำเฉินซ่าทั้งโกรธและขบขัน "โจรปล้นสวาท? เจ้าหาว่าข้าเป็นผู้หญิง? หื้อ?"

คำสุดท้ายเขาจงใจขึ้นเสียงสูง ราวกับว่าหากนางกล้าบอกว่าใช่ เขาจะทำนางเหมือนปล้นสาวงามดั่งดอกไม้อย่างนางเสียเลย โหลชีรู้สึกไม่ชอบมาพากล รีบถอยไปหนึ่งก้าวทันที

ถ้าไม่ใช้ฝีมือมั่วซั่วอะไรนั่น เอาแค่วิทยายุทธ์และกำลัง รวมถึงกระบวนท่าวิทยายุทธ์เหล่านั้น นางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินซ่าจริงๆ

"แหะแหะ" โหลชีรีบยิ้มหวานให้เขา นางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมนางมักจะทำพังต่อหน้าเฉินซ่าเสมอ เมื่อก่อนใครเคยเห็นนางอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายบ้างล่ะ ก็ได้ บางทีชาติก่อนนางคงติดค้างเขาไว้ "ข้ามีหรือจะกล้าพูดว่าท่านเป็นสาว? ฝ่าบาทไม่อ่อนแอเลยสักนิดนะ!"

"หือ? งั้นเจ้าว่ามาสิ ข้าเป็นอะไร?" เฉินซ่าพูดไปก็ถอดสายรัดเอวไปพลาง

โหลชีไม่คิดเลยสักนิด โพล่งว่า "เจ้าอาวุธทำลายล้าง!"

"อะไรนะ?" เขาได้ยินไม่ถนัด

"เอ่อ" โหลชีอยากตบปากตัวเองนัก "ข้าหมายถึงว่า ท่านน่าจะเหมือนกระบี่เล่มนั้น อาฆาต เย็นชาจนทำให้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น"

การถอดเสื้อผ้าของเฉินซ่าหยุดชะงัก หันมาเหล่นางหนึ่งที "ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่เคยกลัวเลย" ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ตอนนั้นความกลัวของนางก็ไม่ใช่กลัว สู้บอกว่าเป็นไม่อยากจะเชื่อ ตกใจและรังเกียจดีกว่า

"ใช่ใช่ใช่ ข้าไม่กลัว ของข้าคือเลื่อมใส ชื่นชม..."

ในตอนที่นางเริ่มจะประจบประแจง ฝ่าบาทบางคนพลันพูดเสียงเย็นชาว่า "เลื่อมใส ชื่นชมจนถึงขั้นบอกจะฆ่าข้า?"

ตอนนี้พอมาคิดถึงตอนนั้นที่นางพูดอย่างเย็นชาและไม่ลังเลเลยสักนิดแล้ว หัวใจเขายังคงกระตุกอยู่ ความรู้สึกนี้เขาลืมไม่ลงทั้งชาติแน่

โหลชีสะอึก จากนั้นเริ่มแอบบ่นในใจ นายคนนี้จะเจ้าคิดเจ้าแค้นไปไหมเนี่ย

นางพูดอย่างเก้อเขินว่า "ตอนนั้นไม่ใช่เพราะแค้นน่าหลานฮั่วซินหนักไปหน่อยหรือไง?" พูดถึงตรงนี้ นางรู้สึกแปลกขึ้นมา น่าหลานฮั่วซินช่วงนี้เงียบไปเลย มันแปลกไปหน่อยไหม? หรือว่า นางวางแผนร้ายอะไรจะต่อกรกับนางลับๆอีก?

เฉินซ่าเหล่นางหนึ่งที พูดเสียงเรียบว่า "ข้าไม่มีทางต่อกรกับเขาเวิ่นเทียนเพียงเพื่อสาวใช้คนหนึ่ง แต่ถ้าเขาเวิ่นเทียนกล้าทำร้ายสตรีของข้า ฆ่าไม่เว้น"

ดังนั้นเมื่อก่อนเขาไม่ทำอะไร นั่นเป็นเพราะนางยังเป็นเพียงนางกำนัลของเขา แต่ตอนนี้ฐานะไม่เหมือนเดิมแล้ว นางเป็นพระสนมแล้ว

โหลชีถามอย่างตาเป็นประกายบวกรอยยิ้มมีเลศนัยว่า "ถ้าเกิดท่านสู้ทั้งเขาเวิ่นเทียนไม่ได้เล่า?"

เฉินซ่าถอดเสื้อนอกออก เริ่มแก้เสื้อตัวกลาง ท่าทางเขาดูสบายๆ โหลชีดูไม่ออกเลย เขาจะเป็นผู้ชายที่ไม่ถอดเสื้อต่อหน้าผู้หญิง

เขาไม่ได้มองโหลชีอีก เพียงแค่ย้อนถามกลับว่า "เจ้าสู้เขาเวิ่นเทียนไม่ได้ ยังคิดจะฆ่าน่าหลานฮั่วซินอยู่รึ?"

"ฆ่า"

โหลชีตอบอย่างไม่ลังเล

เฉินซ่าพยักหน้าบอก "หลักการเหมือนกัน"

หลักการเหมือนกัน?

โหลชีอึ้ง เอียงคอครุ่นคิด นี่หมายความว่ายังไง?

และในตอนที่นางกำลังอึ้งเหม่ออยู่นั้น เฉินซ่าได้ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว และเดินเข้าไปในบ่อน้ำพุร้อนที่มีไอน้ำปกคลุม ถึงจะเป็นกลางดึกของฤดูร้อน แต่เวลาเช้ามืดนั้น อากาศยังคงเย็นเล็กน้อย บวกกับผงยาที่นางใส่ไว้ในบ่อน้ำพุร้อน พอน้ำโดนทั่วร่าง เขารู้สึกสบายและผ่อนคลาย

เวลานี้โหลชีถึงเข้าใจความหมายของเขา

ต่อให้สู้ไม่ได้ ขอเพียงมีคนกล้ารังแกนาง เขาจะยังคงพยายามสุดความสามารถไปทำลายอีกฝ่าย

โหลชีดีใจกับคำตอบนี้มาก นางหันกลับไปราวกับอยากจะพูดอะไร ก็เห็นเขายืนขึ้นท่ามกลางน้ำ ยื่นมือจะหยิบสบู่

พอนางหันมา ก็เลยเห็นเขาหมดทั้งตัวเลย

ไหล่กว้างหนา หน้าอกผายเต็มแน่น พอลงล่างก็เป็นซิคแพ็คหกท่อนอัดเต็ม หยดน้ำพร่างพราว พากันไหลรินลง บางแห่งนิ่งสนิท กลับเริ่มเคลื่อนไหวภายใต้สายตานาง

แม่เจ้า! รูปร่างผู้ชายคนนี้ดีจนไม่รู้จะดียังไง!

แววตาเฉินซ่าฉายแววหน่ายใจ "เจ้าเกิดมองต่อไป ข้าไม่รับประกันจะเหลือเจ้าไว้ในคืนเข้าหอหรอกนะ"

"อ๊า!"

โหลชีถึงได้สติกลับมา หน้าแดงแทบจะเป็นสีเลือด พริบตาเดียวก็ลอยลิ่วออกไป แนบหลังเข้ากำแพง ใบหน้าร้อนผ่าวแทบเผาไหม้

พระเจ้า นางเคยโง่ขนาดนี้เมื่อไหร่กันเนี่ย!

ดันจ้องเขาตาไม่กะพริบเลย! เฉินซ่าจะคิดว่านางลามกไหมเนี่ย?

ฮือฮือ...

ชื่อเสียงนางป่นปี้หมดแล้ว...

ในบ่อน้ำพุร้อน เฉินซ่ากลับเข้าในน้ำ ริมฝีปากเย็นชายกขึ้นเล็กน้อย สตรีผู้นั้นยังมีหน้าแบบนี้ด้วย เขาจะขุดอะไรออกมาได้อีกนะ? เมื่อก่อนเขารังเกียจยิ่งนักกับดวงตาของสตรีเหล่านั้นที่มองเขา แต่ตอนนี้กลับพบว่ายามนางมองเขาด้วยสีหน้าหลงใหลนั้นทำให้เขาพอใจมาก

"ชีชี" เขาได้ยินลมหายใจนาง ห่างกับเขาแค่กำแพงกั้น เพราะด้านบนมีม่านมู่ลี่เจาะไว้ บวกกับกลางดึกเงียบงัน ต่อให้พูดเสียงต่ำ อีกฝ่ายก็ได้ยิน

ลมหายใจโหลชียังไม่คงที่ พอได้ยินเขาเรียกชื่อตนเองจึงอดใจเต้นแรงอีกไม่ได้ "ข้าอยู่!"

เฉินซ่าหัวเราะเสียงต่ำออกมา

"ไม่ว่าเจ้าจะมาจากที่ใด ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าจากไปอีก"

โหลชีได้ยินแล้วก็อึ้ง ทำไมอยู่ดีๆพูดเรื่องนี้?

นางกลับไม่รู้ว่า เพราะอยู่ดีๆก็รู้สึกว่ามีนางมันดีมากจริงๆ ในใจถึงหวาดหวั่นไม่หยุด กลัวจะเสียนางไป วิธีที่นางมามันพิเศษมากเกินไป ถ้านางยังหายตัวไปอย่างนั้น เขาไม่รู้จริงๆว่าจะไปหาที่ไหนได้

รออยู่นานก็ไม่เห็นนางตอบ เฉินซ่าสายตาหม่นลง "ได้ยินหรือไม่?"

โหลชีมองพระจันทร์กลางท้องฟ้าแล้วถอนหายใจแผ่วเบา "ได้ยินแล้ว"

นางพลันรู้สึกว่าอนาคตของทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์ ชาติกำเนิดของทั้งคู่ต่างก็มีความลับ อย่าถึงเวลาดันเป็นเรื่องเวอร์วังอะไรอีกล่ะ

ความสงบเงียบและผ่อนคลายในหลายวันนี้สำหรับนางแล้วเหมือนกับขโมยมา นางไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนทรมานหนักเข้าแล้วหรือไง พอถึงวันเวลาที่สบายๆกินๆนอนๆทุกวัน นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันซะอย่างนั้น

"พิษกู่ของท่านไม่รู้เลยสักนิดว่าเป็นฝีมือใครรึ?" โหลชีถาม

ผ่านไปสักพัก เฉินซ่าถึงตอบ "อืม ไม่รู้"

"ตอนนี้พอมีเงื่อนงำแล้ว ส่งคนไปซีเจียงหาอาจารย์ของเฟยฮวนเถิด" โหลชีพูด

"ซีเจียงไม่ใช่ใครก็ไปได้ดอก ที่นั่น...ลูกน้องของข้าไม่มีคนรู้คำสาปเลย"

โหลชีเลิกคิ้วถาม "ข้าช่วยท่านฝึกฝนลูกน้องที่รู้การถอนคำสาป เป็นอย่างไร?"

เฉินซ่าที่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อนรู้สึกว่าความคิดนี้ดีมาก "ดี"

"พรุ่งนี้ข้าจะไปเลือกคนจากในกองทัพ"

"ได้"

โหลชีพลันรู้สึกว่ามีเรื่องให้ทำแล้ว ถึงนางจะอยากกินฟรีอยู่ฟรี แต่ในยุคโบราณอย่างนี้ไม่มีอะไรให้เล่นฆ่าเวลา ต้องหาอะไรทำหน่อย ถ้าไม่มีเรื่องทำเลยจะน่าเบื่อมาก ขอเพียงไม่ใช่ตรากตรำตะลุยลมฝนทุกวัน เผชิญพิษร้ายสัตว์ประหลาดอะไร ก็ดีแล้ว

เพียงแต่ในเวลานี้โหลชียังไม่รู้ว่า ต่อไปนางจะสร้างกองทหารอะไรแบบนี้ออกมา

ลังเลเสียเวลาอยู่ครึ่งค่อนวันแบบนี้ นางได้ยินเสียงเฉินซ่าออกจากบ่อน้ำพุร้อน เรื่องสำคัญนางยังไม่ได้พูดเลย

โหลชีเริ่มร้อนใจ เลยเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ฝ่าบาท!"

"หือ?" เฉินซ่าใส่เสื้อตัวกลางเรียบร้อย และคลุมเสื้อคลุม

"ท่านคิดว่าที่นี่เป็นอย่างไร?"

"ไม่เลว" เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้ว่าที่นี่ยังมีแบบนี้ด้วย แต่เขารู้ว่าโหลชีพาเขามาแช่น้ำยาดึกดื่นค่อนคืนเยี่ยงนี้ต้องมีเป้าหมายอะไรแน่ เขารอนางพูดออกมาอยู่ตลอด

"ท่านยกตำหนักมารุตนี่ให้ข้าเป็นอย่างไร?"

เฉินซ่าชะงักกึก พูดอย่างภูมิใจมากว่า "ทั้งตำหนักจิ่วเซียวก็ยกให้เจ้าหมดเลย"

โหลชีกลอกตามองบน นางจะเอาทั้งตำหนักจิ่วเซียวไปทำอะไร นางอยู่หมดหรือไง?

"ท่านรู้ไหมว่า ในราชวังตงชิงเป่ยชาง จักรพรรดินีและเหล่าสนมล้วนมีตำหนักเป็นของตัวเองกระมัง? ไม่สามารถอยู่ร่วมตำหนักกับจักรพรรดินะ" โหลชีรีบบอกอย่างร้อนใจ

พูดตรงๆคือ อยากแยกตำหนักกับเขาอยู่?

เฉินซ่าสีหน้าทะมึนลงทันที

เขาเดินออกไป มองหน้านาง และหันมามองตำหนักนี้หนึ่งครั้ง พูดเสียงเรียบว่า "ข้าง่วงแล้ว กลับไปนอนตำหนัก"

ระหว่างพูด เขาก็หมุนตัวเดินออกจากตำหนักมารุตนี่

โหลชีมองงงอ้าปากค้าง ก็แค่พูดไม่กี่ประโยค เดินไปพูดไปก็ได้นี่นา

นางรีบตามไป

"เฉินซ่า ท่านให้ข้าย้ายมาตำหนักมารุตนี่เถิด..."

ยังพูดไม่ทันจบ เฉินซ่ามือหนึ่งโอบเอวนาง เท้าแตะพื้น ทะยานร่างลอยขึ้น ผ่านลมผ่านดวงจันทร์ ผ่านกลางคืนไร้ขอบเขต พริบตาเดียวก็กลับเข้าตำหนักเขา

แป๊บเดียว โหลชีก็โดนเขาพาขึ้นเตียงใหญ่ โอบกอด เขาหลับตาลง น้ำเสียงมีแววเหน็ดเหนื่อยเผยออกมา "หลับได้แล้ว"

เสียงหายใจแผ่วเบาทำให้โหลชีกัดฟันกรอดอย่างคับแค้นใจ

ง่วงถึงขนาดนี้หรือไง? ขอถามหน่อย ฝ่าบาทคิดจะใช้วิธีตีมึนหลีกหนีปัญหานี้หรือไง?

.....

พอเช้าตอนโหลชีตื่นขึ้น เฉินซ่าก็ไม่อยู่ในตำหนักแล้วเหมือนเคย โหลชีกินข้าวเช้าเสร็จ ยิ่งคิดยิ่งไม่สบอารมณ์ เลยเรียกเสี่ยวโฉวและเอ้อร์หลิง รวมถึงเฉิงสิบโหลวซิ่นด้วย

"พวกเจ้าไปหาคนมาเติมข้าวของเครื่องใช้ใส่ตำหนักมารุต จัดแจงเสร็จสรรพแล้ว เอ้อร์หลิงค่อยกลับมาย้ายเครื่องประดับของข้าไปด้วย"

ยังไงซะเมื่อคืนนางก็บอกไปแล้ว ในเมื่อทั้งตำหนักจิ่วเซียวก็ยกให้นางแล้ว งั้นนางจะอยู่ไหนก็ได้งั้นสิ

แต่ละคนมองหน้ากันไปมา แต่ก็รับคำสั่งออกไป

โหลชีไม่คิดว่าการกระทำนี้ของนาง จะทำให้พวกข้าราชบริพารเก่าแก่นั้นนั่นดีใจมาก หลายคนพอได้ยินข่าวก็รีบถวายฎีกาให้เฉินซ่า บอกว่า ไม่คิดว่าพระสนมจะรักษากฎระเบียบของวังก่อน เดิมสนมตำหนักหลังมิอาจอยู่ร่วมตำหนักเดียวกับจักรพรรดิได้อยู่แล้ว พระสนมทำถูกต้องแล้ว

เหล่าข้าราชบริพารต่างยกยอปอปั้นโหลชีขนาดนี้แล้ว เฉินซ่าเลยได้แต่ตามน้ำ เห็นด้วยกับเรื่องนี้

โหลชีดีใจมาก จึงให้คนไปกรมวังย้ายของมาอีกมากมาย ก่อนเย็นวันนั้นก็ย้ายบ้านเรียบร้อย ที่นางคิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นคือ พึ่งจะจัดตำหนักมารุตจนเรียบร้อยสบายใจ คืนนี้นางกลับต้องมานอนบนเตียงเฉินซ่าอีก

เพราะฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ดันทำตามกฎราชวัง เปิดแผ่นป้ายชื่อนาง!!!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ