โหลชีไม่มีความอดทนพอที่จะสอนคนที่ไม่มีพรสวรรค์ แม้ว่าคนคนนั้นจะพยายามหนักมากแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่สามารถเข้าสู่ขอบเขตการเลือกของนางได้ บนโลกนี้มีสิ่งที่ไม่ยุติธรรมมากมาย บางครั้งพรสวรรค์ก็สำคัญกว่าความพยายาม บางครั้งนางก็ไม่เห็นด้วยกับคำคมที่หลายคนพูดกันในยุคสมัยใหม่ อย่างเช่น ถ้าทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งหนึ่งครั้งสองครั้งสิบครั้งก็ทำไม่ได้ ให้ทำไปอีกร้อยครั้งพันครั้ง ก็จะเรียนรู้ได้เอง
แต่ว่าในมุมมองของนาง ถ้าทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดสิบครั้งไม่สำเร็จ ไม่สู้ลองพิจารณาดูก่อนว่าเจ้าไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้หรือไม่ หลังจากนั้นจึงใช้ศักยภาพของตนเองทำในสิ่งที่ทำได้ดีกว่า เพราะว่าเจ้าไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องนี้ แม้ว่าเจ้าจะเรียนรู้อีกกี่ร้อยพันครั้ง แต่นั้นก็ไม่มีทางที่จะมีความชำนาญหรือเก่งกาจได้ อย่างมากก็แค่มีทักษะหรือมีฝีมือเท่านั้น
แต่ถ้าเจ้าเรียนรู้ในสิ่งที่มีความสามารถหรือพรสวรรค์ เจ้าก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง
ก็เหมือนตอนนี้ที่นางกำลังมองหาผู้มีความสามารถแฝงที่มีพรสวรรค์เพื่อเรียนรู้การแก้คำสาป ถ้าหากไม่มีพรสวรรค์ ไม่ใช่ว่านางสอนไม่ได้ แต่ว่านางสอนแล้วคนที่มีเพียงความขยันจะเรียนรู้สิ่งที่นางสอนได้ด้วยการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คนที่มีพรสวรรค์และศักยภาพ ถึงจะตื่นรู้วิธีการอื่นจากในสิ่งที่นางสอนได้เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้จริงๆ ถึงเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ มิใช่ทำตามตำรา
ต้องรู้ไว้เลยว่า ซีเจียงไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะไปเที่ยวภูเขาเล่นน้ำ ผู้คนที่นั่นไม่ได้ซื่อสัตย์และจริงใจขนาดสายแค่คำสาปที่เจ้าแก้ได้ !
นอกจากนี้ ซีเจียงกับหนานเจียงค่อนข้างใกล้เคียงกัน โอกาสที่จะพบคนหนานเจียงหรือคนที่เรียนวิชากู่วิชาพิษก็มีมากด้วย ที่พวกเขาต้องเรียนไม่เพียงแค่การถอนคำสาป ถ้าเป็นไปได้ นางก็หวังให้พวกเขาเรียนรู้ทั้งพิษ กู่ และคำสาป
ถ้าอิงรู้ว่าตอนนี้โหลชีคิดอะไรอยู่ นั่นคงทำให้เขาตกใจแทบตายนึกว่าใครก็เป็นอัจฉริยะเหมือนนางอย่างนั้นแหละ! พิษ กู่ คำสาป ไม้มีบางจุดที่เชื่อมเข้าด้วยกัน แต่เมื่อแยกออกมา แต่ละวิชาล้วนให้คนเรียนจนตายได้ ยังจะมาพิษ กู่ คำสาปอีก!
แน่นอนว่าคนหนึ่งไม่สามารถฝึกได้สามอย่าง โหลชีเองก็มีวิธี หลังจากนางเลือกคนได้แล้ว นางก็จะให้พวกเขาเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม อย่างนั้นก็จะมีคนหนึ่งใช้วิชามือแก้คำสาปคนหนึ่งแก้พิษ คนหนึ่งป้องกันกู่ แบบนี้ก็ใช้ได้แล้ว
ส่วนที่เหลืออีกหลายพันคนกำลังสับสนเล็กน้อย
ท่าบริหารนิ้วมือ นั่นมันคืออะไรกัน?
"ตอนนี้ข้าจะแสดงให้ดูสามครั้ง พวกเจ้าก็ดูแล้วทำตามเอง หากพบว่าตัวเองทำไม่ได้ ก็ให้ถอนตัวออกเอง"
เสียงของโหลชีชัดเจน เพราะกำลังภายใน จึงกระจายไปทั่วทุกมุมของค่ายทหาร
คนเกือบพันคนเข้าใกล้สังเวียน
โหลชีสะบัดมือทั้งสอง จากนั้นก็พนมมือ สิบนิ้วประสานกัน ขยับข้อมือขึ้นบน สิบนิ้วไม่ขยับ แต่สองฝ่ามือกลับราบเรียบ เหมือนเส้นตรง หรือก็คือนิ้วมือกับหลังมือตั้งฉาก
แน่นอนว่าสำหรับนางแล้วนี่เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้วยท่าทางง่ายๆแบบนี้ มีคนกว่าสี่ร้อยคนด้านล่างที่ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
โหลชีมองเลยไปเพราะรู้ว่าอิง เฉิงสิบ โหลวซิ่น ถูเปินและคนอื่นๆกำลังทำตามไปด้วย
ซู่ฉงโจวยืนอยู่ข้างนาง มองนางด้วยรอยยิ้ม
คนที่ทำตามไม่ได้กว่าสี่ร้อยคนถอนตัวออกไป จึงเหลือเพียงห้าร้อยหกร้อยคนเท่านั้น โหลชีไม่ได้พูดแล้วทำขั้นตอนต่อไปโดยเอาหลังมือไปแตะหลังมือ คราวนี้สิบนิ้วคล้องกันเป็นคู่ๆ ท่านี้หากหลังมือไม่ชิดสนิท ก็ทำไม่ยาก แต่ยากคือ หลังมือยึดแน่นและไม่สามารถแยกออกจากกันได้เล็กน้อย ซึ่งต้องใช้ความยืดหยุ่นของข้อต่อนิ้ว
ถ้าให้คนธรรมดามาทำก็คงจะยากมากจริงๆ แต่คนเหล่านี้เป็นคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้มาและแน่นอนว่าบางคนก็สามารถทำได้
แต่ครั้งนี้กลับลดลงไปครึ่งหนึ่ง
ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณสามร้อยคนเท่านั้น
กระบวนท่าที่สาม เหลือไม่ถึงสองร้อยคน
กระบวนท่าที่สี่ เหลือไม่ถึงร้อยคน
ในเวลานี้ คนที่เคยคิดว่าขยับนิ้วได้ไม่ยาก และเหลืออีกอย่างน้อยแปดร้อยคนในพันคน ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องยากมากที่จะทำตามบางคนถึงกับกัดฟัน บิดนิ้วและเหงื่อออก ในตอนนั้นยังได้ยินเสียงข้อนิ้วหัวแม่มือถูกบิดดังก๊อกแก๊ก และบางคนก็กรีดร้องออกมา
แต่ว่าเมื่อมองดูโหลชี สีหน้าของนางก็ดูปกติ นิ้วของนางบิดไปมาค่อนข้างยืดหยุ่น โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เห็นได้ชัดว่านางยังคงพยายามไม่ทำให้หนักจนเกินไป เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำตามได้อย่างสบายๆ
ในทีแรกอิงคิดว่าตัวเองจะสามารถทำตามได้ แต่ว่าเขาก็พึ่งค้นพบว่าตัวเองสามารถทำได้ถึงกระบวนท่าที่สามก็ต้องเป็นกลุ่มขอถอนตัว โหลวซิ่นเองก็เช่นกัน เฉิงสิบก็ขอถอนตัวในกระบวนท่าที่สี่ ส่วนถูเปินเองก็ล้มเลิกไปตั้งแต่กระบวนท่าแรก
เฉิงสิบครุ่นคิด อาจเป็นเพราะเหตุนี้ แม่นางจึงไม่คิดจะสอนพวกเขา
และที่น่าประหลาดใจคือ อิ้นเหยาเฟิงยืนกรานมาได้จนถึงจุดนี้
"ต่อไปจะเป็นกระบวนท่าสุดท้าย ข้าหวังว่าครึ่งหนึ่งจะสามารถอดทนทำตามได้"
โหลชีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนอีกมากมายที่สามารถอดทนได้ แต่หลังจากที่นางเสร็จสิ้นกระบวนท่าสุดท้าย มีเพียงสามสิบห้าคนเท่านั้นที่อดทนได้ รวมทั้งอิ้นเหยาเฟิงด้วย
อันที่จริงอิ้นเหยาเฟิงไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสามารถอดทนมาได้จนถึงขนาดนี้ นางตื่นเต้นจนกระโดดสูงถึงสามฟุต โหลชีเหลือบมองที่นางด้วยความแปลกใจ
สามสิบห้าคน ตอนนี้นางกำลังวางแผนที่จะเลือกให้เหลือยี่สิบคน สามสิบห้าคนนี้ยังต้องยอมรับการทดสอบด่านที่สองของนาง แต่ไม่ใช่ในตอนนี้
"รอให้ข้าเตรียมความพร้อมเสร็จแล้ว จะให้เฉิงสิบพาคนเหล่านี้มารับการทดสอบด่านที่สองในอีกสองวัน ตอนนี้พวกเรากลับกันก่อนเถิด" โหลชีหันกลับไปมองซู่ฉงโจวแล้วพูดว่า "เอากลองขวัญกับซู่ฉงโจวไปด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ