อวิ๋นเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เชื่อเสียงนี้ ขุนพิษลงมือรวดเร็วและโหดเหี้ยม หากว่าเขาล้มตัวลงไปข้างหน้ามีความเป็นไปได้มากที่สุดจะหลบลูกเตะของเขาได้ แต่พอได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้ร่างกายของเขาก็บิดตัวออกไปทางซ้ายอย่างแปลกประหลาดทันที เสียงเพียะดังขึ้นมา ในวินาทีที่เขาล้มลงไป กิ่งใบไม้อันใหญ่ก็ถูกโยนเข้ามา ทับอยู่ใต้ร่างของเขาพอดี
กิ่งใบไม้นั่นขวางกั้นเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่ได้สัมผัสถูกพื้นหญ้าน้ำ
"ลุกขึ้น ถอยหลังออกไป"
ทันทีหลังจากนั้นเสียงนั้นก็ดังมาอีก หากเป็นคนอื่นมีความลังเลเล็กน้อยก็จะไม่สามารถตอบสนองกลับมาได้ทัน แต่อวิ๋นกลับสามารถใช้เวลาที่รวดเร็วที่สุดในการตัดสินใจว่าควรจะเชื่อฟังหรือไม่ ไม่ได้มีความลังเลเลย รีบกระโดดขึ้นจากพื้นทันที และก็ไม่สนใจว่าข้างหลังยังทีการจู่โจมมาของขุนพิษอยู่อีกหรือไม่ ถอยออกไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ขุนพิษได้ยินเพียงเสียงแส้ดังชิ้วดังมาในอากาศและม้วนมาทางเขา แส้ดำประกายแสงสีดำเส้นหนึ่งพันรอบข้อมือของเขาในชั่วพริบตา ลากเขาออกไปด้านหลังอย่างแรง
ขัดขวางการจู่โจมอวิ๋นของขุนพิษอีกครั้งพอดี
หลังจากที่องครักษ์อวิ๋นยืนมั่นคงแล้วก็มองไปทางที่เสียงดังมา
ในเวลานั้นท้องฟ้าสลัว พื้นหลังเป็นต้นไม้ที่สูงใหญ่เขียวชอุ่มสองสามต้น ใบไม้เขียวครึ่งหนึ่งเหลืองครึ่งหนึ่ง ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมา ใบไม้สีเขียวเหลืองลอยลงมา ร่วงหล่นลงไปบนพื้นอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวคนนั้นสวมชุดคล่องตัวสีดำทั้งชุด รูปร่างผอมเพรียวแต่ได้สัดส่วน เพราะเป็นชุดคล่องตัว ทำให้คนรู้สึกเหมือนผอมเพรียวคล่องแคล่ว ไม่เหมือนผู้หญิงอ่อนแอทั่วไป และไม่แข็งกระด้างแน่นอน คือความกล้าหาญและงดงามที่ทำให้คนประทับใจมากอย่างหนึ่ง ผมยาวของนางรวบสูง มัดด้วยริบบิ้นสีมรกตเพียงเส้นเดียว ริบบิ้นนั่นปลิวไสวไปตามลม ปัดผ่านแก้มที่ราวกับหยกขาวของนาง ความรู้สึกนั่นมันเหมือนกับผ้าไหมเลื่อนผ่านหยก ทำให้ในใจของเขามีความรู้สึกที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง ก็คือใบหน้านั้นต้องนุ่มลื่นและเนียนละเอียดอย่างมากแน่นอน......
อวิ๋นส่ายหน้ากะทันหัน ดึงตัวเองกลับมาจากความรู้สึกแบบนั้น รู้สึกเขินเล็กน้อยในใจทันที
เขาเคยเสียสมาธิเพราะผู้หญิงเมื่อไหร่กัน?
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
หากอยู่ในหุบเขาที่อื่น เขาอาจจะยังรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้คือนางฟ้าในหุบเขา แต่ว่านี่มันคือหุบเขาร้อยแมลง คนทั่วไปจะไม่มายังสถานที่แบบนี้เด็ดขาด และดูนางก็ไม่สะทกสะท้าน ท่าทางที่ภาคภูมิใจ เห็นได้ชัดว่ามีความสามารถเลยไม่กลัว
พั่วอวี้ยังมีคนเช่นนี้อยู่หรือ?
"ยืนเหม่ออยู่ทำไม? ถอยออกไปอีกหน่อย อีกเดี๋ยวถ้าถูกน้ำพวกนั้นสาดโดนเข้า ข้าช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว"
เสียงที่ชัดเจนโปร่งใสทำให้องครักษ์อวิ๋นกลับมามีใบหน้าตามปกติแล้วก็รู้สึกเขินเล็กน้อย
เขามาเหม่อลอยในเวลาแบบนี้ได้อย่างไรกัน เพียงแต่ว่าผู้หญิงคนนี้งดงามและโดดเด่นมากเกินไปจริงๆ ราวกับร่างกายที่เปล่งแสง ทำให้คนไม่มีทางที่จะไม่มองนางได้
เขาเชื่อฟังคำพูดของนางถอยหลังออกไปอีกเล็กน้อย ด้านหลังของหญิงสาวคนนั้นมีคนมาอีกคนหนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าสกัดจุดของขุนพิษอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นเห็นคนคนนั้น ตะโกนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจทันที "เฉิงสิบ? เฉิงสิบใช่ไหม?"
คนคนนั้นสวมชุดคล่องตัวสีน้ำเงินเข้ม รูปร่างสูงตระหง่าน หน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา ดวงตาสดใสลึกล้ำ ซึ่งก็คือเฉิงสิบ
"เฉิงสิบคำนับองครักษ์อวิ๋น"
"เจ้าก็ยังคงมีท่าทีที่เย็นชาไม่สนใจอะไรเช่นเดิม" องครักษ์อวิ๋นเห็นว่าเป็นคนรู้จักจริงๆ ก็หัวเราะเสียงดังออกมาทันที เดินก้าวใหญ่ไปทางเขา ชกไปที่หัวไหล่ของเขา
พูดไปเขาก็ดึงผ้าที่ปิดปากปิดจมูกอยู่ลง แล้วพันมันเอาไว้บนบ่า นั่นเป็นสิ่งของจำพวกผ้าแพรฮาตะและผ้าพันคออะไรแบบนั้น เป็นประเพณีอย่างหนึ่งในทุ่งหญ้า ของขวัญอำลาครอบครัวและเพื่อนฝูง ผืนนี้ของเขาอาชายของอามู่เป็นคนมอบให้ เมื่อครู่นี้เขาจะมาล่อขุนพิษคนเดียว คิดเอาไว้ว่าปิดเอาไว้หน่อยดีกว่า ก็เลยดึงมันให้สูงขึ้นมา ปิดจมูกไปด้วยซะเลย
แต่ถึงอย่างไรก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
เฉิงสิบมองดูเขาอีกครู่หนึ่ง รู้สึกตกตะลึงครู่หนึ่งทันที กล่าวอย่างไม่ได้ตั้งใจ: "องครักษ์อวิ๋น ท่าน......" สายตาของเขาหยุดอยู่บนรอยแผลเป็นที่ยาวตั้งแต่คอจนถึงใบหน้าของเขา ตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูก
รอยแผลเป็นนั่นดูโหดร้ายน่ากลัวมากขนาดนั้น แสดงให้เห็นว่าบาดเจ็บสาหัสมากแค่ไหน!
อวิ๋นยิ้มออกมาจางๆ กำลังจะเอ่ยปากพูด ข้างหลังก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอีก กุมตัวยอดฝีมือกลุ่มที่ไล่ตามเขาก่อนหน้านี้เอาไว้ เตะไปที่ข้อพับเข่าของพวกเขา คนพวกนั้นคุกเข่าลงไปกับพื้นอย่างทุลักทุเล เห็นได้ชัดว่าถูกสกัดจุดเอาไว้ อ้าปากขึ้นมาแต่พูดไม่ออก
เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองไปทางหญิงสาวคนนั้น กล่าวถาม: "แม่นาง จะจัดการอย่างไรกับคนพวกนี้?"
องครักษ์อวิ๋นจำได้ว่า นั่นคือโหลวซิ่น
แม่นาง แม่นางคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมเฉิงสิบกับโหลวซิ่นถึงได้จากฝ่าบาท แล้วติดตามอยู่ข้างกายผู้หญิงคนหนึ่งได้?
"ฆ่าซะ"
อวิ๋นตกใจเล็กน้อย กล่าวขึ้นมาทันที: "แม่นางรู้หรือไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร?" จะฆ่าคนก็สามารถฆ่าได้ แต่เขากลับไม่อยากให้แม่นางคนนี้ฆ่าคนแทนเขาแล้วไปล่วงเกินไท่จื่อยู่กับเป่ยชางโดยไม่มีเหตุผล
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อครู่นี้เฉิงสิบยังตกใจกับรอยแผลเป็นของเขา และนางก็มองเห็นแล้วแท้ๆ สายตากลับไม่มีความสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นยังดูเหมือนจะเข้ามาใกล้เพราะรู้สึกสนใจเล็กน้อยด้วยซ้ำ ราวกับว่าต้องการจะมองดูให้มันชัดเจนหน่อย
ตอนที่อามู่เห็นในตอนนั้นยังตกใจผงะเลย อามู่ถือได้ว่าใจกล้ามากแล้วนะ
คนที่มามีไม่น้อย รวมกันแล้วมีเกือบสามสิบคน ตรงกลางยังมีสาวน้อยคนหนึ่ง ดูกล้าหาญงดงามเช่นกัน ใบหน้างดงาม แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็เคารพและเลื่อมใสศรัทธาผู้หญิงที่เหมือนกับนางฟ้าคนก่อนหน้านี้
"ใต้เท้าองครักษ์อวิ๋น!" โหลวซิ่นก็มองเห็นอวิ๋นแล้วเช่นกัน ถูกรอยแผลเป็นของเขาทำให้สะดุ้งตกใจทันทีเช่นกัน
นางฟ้าในหุบเขาที่กล่าวถึงย่อมเป็นโหลชีอยู่แล้ว องครักษ์อวิ๋นแตกต่างไปจากที่นางจินตนาการเอาไว้เล็กน้อย แต่ถึงตอนนี้ความรู้สึกก็ยังดีอยู่ และดูเหมือนเขาจะไม่รู้ฐานะของนาง
โหลชีเก็บแส้ปลิดวิญญาณ ทำสัญญาณมือ หลินเสิ้งเวยและคนอื่นๆก็ชักกระบี่ปาดไปที่คอของกลุ่มคนที่จับมาได้โดยตรงทันที ในแง่ของวรยุทธพวกเขาต่างก็เทียบกับคนพวกนี้ไม่ได้ แต่พวกเขาเคยได้รับการฝึกพิเศษมา ค่ายกลกับคำสาปเชื่อมโยงกัน ยี่สิบกว่าคนจับตัวห้าหกคนง่ายดายมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ