ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 478

โหลชีเมื่อครู่น่าหลงใหล ล่อลวงเขาเพียงใด โหลชีในตอนนี้ก็เย็นชาและทำให้เขาพรั่นพรึงเพียงนั้น

สำหรับโหลชีแล้ว บุตรชายหญิงเป็นสิ่งสืบเนื่องแห่งความรัก ดังนั้นจึงเป็นได้เพียงผลึกของความรัก จะใช้เป็นข้อตกลงและวิธีตอบแทนบุญคุณไม่ได้เด็ดขาด นั่นเป็นการดูหมิ่นลูกและความรู้สึก

แต่สำหรับผู้ชายในสมัยโบราณ การแตกกิ่งก้านสาขาสืบทอดเชื้อสายไม่ใช่เรื่องที่มีความรู้สึกเท่าไร เป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งมากกว่า เช่นเดียวกัน บุตรสำคัญมากกว่ามารดาของบุตร

สำหรับเฉินซ่า ก่อนที่จะพบโหลชีเขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันหนึ่งที่หลงรักสตรี ดังนั้น ก่อนจะถึงวันนั้นเขารู้สึกว่าก่อนที่เขาจะสร้างแผ่นดินเป็นปึกแผ่น นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุด เพื่อสืบทอดเชื้อสายเขาควรมีผู้หญิงหลายคน ผู้หญิงเหล่านั้นจะเป็นใคร หน้าตาแบบไหน ที่จริงเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน เขาจะให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับพวกนาง แต่จะไม่อนุญาตให้พวกนางปรากฏต่อหน้าเขามากเด็ดขาด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้หญิงหนึ่งในนั้นจะเป็นบุตรสาวตระกูลซู่แล้วจะอย่างไร?

ถึงบุตรสาวตระกูลซู่จะให้กำเนิดบุตรของเขาแล้วจะอย่างไร?

ในสายตาของเขา ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย

แต่หลังจากที่รักโหลชีแล้ว เขาไม่อาจยอมรับสตรีนางอื่นได้อีก เขาต้องการเพียงบุตรของเขากับนาง ดังนั้น เรื่องที่รับปากในปีนั้นจึงเป็นปัญหาใหญ่

เขารู้ว่าโหลชีต้องสนใจเรื่องนี้มาก ในสายตาของนางไม่ยอมมีตำหนิ แน่นอนเขาคิดว่านางถูก

ดังนั้นนางโกรธ เขาก็ตัดสินใจจะเอาใจนางให้มาก

"แต่ไหนมาข้าไม่นับว่ายอมให้นาง อีกอย่าง หลังจากพบนางแล้วข้ายังรู้สึกเกลียดนางอยู่บ้าง"

"เกลียด? ทำไมข้าดูไม่ออกล่ะ"

"เช่นนั้นข้าฆ่านางเสียเป็นอย่างไร?" เฉินซ่ารู้ว่าหากวันนี้ไม่อธิบายให้ดีและปลอบนางให้เรียบร้อย หนึ่งเดือนหลังจากนี้ก็ไม่ต้องพูดเรื่องการแต่งตั้งจักรพรรดินีแล้ว อีกอย่าง คาดว่าคืนนี้ยัยเด็กนี่ต้องไม่ให้เขากอดนอนแน่ "เป็นเพราะการรับปากในปีนั้น ข้าจึงให้ความสนใจในฐานะนางเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อก่อนการพบหน้าบนเรือในครั้งนั้น ก็เป็นเพราะตรวจสอบชาติกำเนิดของนาง"

โหลชีกลับชะงัก "ชาติกำเนิด?"

"ใช่ ซู่หลิวอวิ๋นบอกว่าเป็นบุตรสาวบุญธรรมของผู้ครองเขาเขาเฉินอวิ๋น แต่ที่จริงเป็นบุตรสาวแท้ๆ" เขาหมวดคิ้วนิดๆ "เป็นชาติกำเนิดที่น่ารังเกียจอยู่บ้าง"

"เช่นนั้นคำมั่นสัญญาของเจ้าจะทำอย่างไร?" ทั้งที่โหลชีรู้ว่านั่นเป็นเรื่องเมื่อนานนม และไม่ได้กลายเป็นจริง แต่นางก็ยังโกรธที่เขาใช้เรื่องลูกมาเป็นวิธีการตอบแทนบุญคุณ

อีกอย่าง เหตุใดอาหญิงของซู่หลิวอวิ๋นจึงมีข้อเรียกร้องเช่นนี้? หรือไม่รู้สึกแปลกมากหรือ?

เขาก็ไม่รู้จักคิดให้ดีก็รับปาก สมองสุกรหรือ?

สองมือของเฉินซ่าสอดเข้าใต้รักแร้นาง ยกตัวนางขึ้น ให้สายตาได้ระดับแนวเดียวกับเขา การกระทำนี้ทำให้อารมณ์ของโหลชีหลุดไปเล็กน้อย นางถลึงตาใส่เขา ขณะกำลังจะเอื้อนเอ่ย เฉินซ่าก็จับจดมองนางเอ่ย "เพื่อเจ้าข้ายังละทิ้งวังหลัง ตระบัดสัตย์เพื่อเจ้าหนหนึ่งจะไม่ได้หรือ?" ถ้อยคำนี้พูดได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก

โหลชีผงะ

แม้ว่าคนผู้นี้ไม่นับว่าเป็นคนดีอะไร แถมยังโหดเหี้ยมอยู่บ้างโดยแท้ แต่คำมั่นที่ให้ไว้กับผู้มีพระคุณช่วยชีวิต ในใจเขาคงหนักประหนึ่งเขาไท่ซันจึงจะถูก ในฐานะที่เป็นบุรุษชายชาตรี อกผายไหล่ผึ่ง การไม่รักษาคำพูดเป็นพฤติกรรมที่ชวนให้คนหยามเหยียด

แต่เขาพูดได้เปิดเผยขนาดนี้ เขาย่อมไม่ใช่คนที่ไม่เห็นคำมั่นอยู่ในสายตา เพียงแต่...เห็นนางสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

ทันใดนั้นโหลชีก็รู้สึกว่า เฉินซ่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่างยิ่งยวด เพราะถ้อยคำเขาประโยคเดียวก็สามารถได้ใจคนแล้ว...

อย่างน้อยในตอนนี้อารมณ์โกรธของนางก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว

"ไม่รักษาคำพูด ไม่ดีกระมัง?"

เฉินซ่ารู้สึกได้ว่าท่าทีนางอ่อนลงแล้ว จึงเขยิบเข้ามาจูบริมฝีปากนางอย่างได้คืบเอาศอกทันที "หากผู้ใดทนดูข้าไม่ได้ ก็มาลงมือเอาชีวิต...ขอเพียงพวกเขาชนะ" เพื่อผู้เป็นยอดรักในดวงใจ เขาจะตระบัดสัตย์สักครั้งจะเป็นอย่างไร? แต่ไหนมาเขาก็ไม่เคยกล่าวว่าตนเป็นคนดีเป็นสุภาพบุรุษ คนทั่วหล้าจะมองเขาอย่างไรก็ช่าง ขอเพียงนางอยู่ข้างกายเขาก็พอ พอแล้ว

โหลชีเงียบอีกครั้ง ยโส ยโสจริงๆ

เฉินซ่าขบริมฝีปากนางอีกทีหนึ่ง กล่าว "อีกอย่าง ตอนนั้นข้ายังเด็กไม่ประสา รับปากก็รับปากไป ตอนหลังพอคิดดูแล้ว หากนางผู้นั้นต้องการช่วยข้าจริง ก่อนที่พวกเขาจะใส่ความข้าก็ส่งข่าวมาก่อนที่ข้าจะถูกซัดตกเขาหมอกพิษไม่ดีกว่าหรือ?"

เขามิได้เบาปัญญา เมื่อก่อนอาจเพราะยังเด็กคิดได้ไม่มาก แต่หลังจากเติบใหญ่และย้อนกลับไปคิดก็พบความผิดปกติ

"ฉะนั้นท่านไม่คิดตอบแทนบุญคุณแต่แรกแล้ว?"

"หลังจากอายุสิบเจ็ดก็ตัดสินใจตระบัดสัตย์แล้ว" เขาพูดได้ไม่ใจเต็มประดา

โหลชีอดกลอกตาขาวใส่ไม่ได้ "เช่นนั้นทำไมท่านไม่พูดกับข้าให้ชัดเจน ยังจะอึกๆ อักๆ อีก?"

"ทีแรกข้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็ก พูดไปรังแต่จะทำให้เจ้าไม่สบายใจ" ถึงเขาไม่คิดทำตามคำพูดแต่แรก แต่สัญชาตญาณเขารู้สึกว่าหากพูดเรื่องนี้ออกมา นางต้องโกรธแน่ แต่หากไม่พูด เขาก็คิดว่าถึงเป็นเรื่องเล็กอย่างไรก็นับว่าปิดบังนาง ครั้นครุ่นคิดเช่นนี้จึงทำให้นางรู้สึกว่าเขาอึกๆ อักๆ

"ไม่ได้มีซู่หลิวอวิ๋นอยู่ในใจจริงๆ?" โหลชีเหล่มองเขา

เฉินซ่าวางนางลง หันตัว "ข้าจะไปถามดูว่านางมาแล้วหรือยัง หากมาแล้ว ก็ซัดให้ตายไปเสียเลย"

"..."

ท่าทางเขาแบบนั้นไม่เหมือนพูดเล่น โหลชีไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ดึงเขาพลัน "เก็บชีวิตนางไว้ให้ข้าเล่นสิ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ