ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 479

ภายใต้แสงศศิธร ศาลากระจก

ศาลาทั้งหมดใช้กระจกในการสร้าง ใสแววสวยสดงดงาม

ศาลาคล้ายล่องลอยอยู่กลางอากาศ มีหมอกราตรีแวดล้อม ด้านนอกศาลาเป็นเมฆจางๆ ท่ามกลางใบเฟิงเสมือนไฟ มีผ้าแพรแขวนอยู่ด้านข้างของศาลา ครั้นถูกสายลมพัดโบกก็พลิ้วไหวไม่สุ้มเสียง ภาพนี้งามจนชวนให้คิดว่าเป็นวิมารเซียน

เพียงแต่อาจเป็นเพราะอยู่กับโหลชีมานาน เฉินซ่าคุ้นเคยและหลงใหลในกลิ่นหอมจางๆ ที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนมีกลิ่นยาอยู่นิดๆ นั่นมิใช่เครื่องหอมใดบนโลกนี้ เป็นเพราะนางอาบยามาเป็นเวลานาน กอปรกับผสมผสานกลิ่นกายหอมจางๆ ของตัวเอง เป็นกลิ่นหอมเฉพาะของนาง ตั้งแต่ครั้งแรกที่นางตกสู่อ้อมแขนเขา กลิ่นหอมนั้นก็ทำให้ความทรมานของเขาลดลง

ชีวิตนี้เขารักเพียงกลิ่นกายสตรีแบบนั้น

ตอนนี้ น่าหลานฮั่วซินอยู่ในผ้าแพรบางนั้นที่แขวนอยู่ในศาลา ถูกลมพัดก็โชยกลิ่นหอมจางๆ ชนิดหนึ่ง แต่กลับทำให้เขาสะอิดสะเอียนจนขมวดคิ้วหนา

ในศาลา พิณหนึ่งหลัง สตรีนางหนึ่ง

สตรีสวมชุดกระโปรงสีแดงเพลิง เอวบางคอดที่โอบได้ด้วยมือเดียว แขนเสื้อปลิวไสว กึ่งโปร่งแสง คล้ายเห็นแขนรากบัวขาวหิมะสองท่อน หน้าอกเผยผิวสีหิมะเป็นผืนใหญ่ ปทุมถันตั้งชันชวนให้เลือดลมพลุ่งพล่าน ลำคอหยกเรียวยาว เส้นโค้งสวย ดวงหน้าพริ้งเพราชวนตะลึงคิดว่าเป็นเซียนสวรรค์ ระหว่างคิ้วแต้มเปลวเพลิงแดงเล็กๆ ดวงตาทั้งสองก็ขีดเขียนเส้นบาง หางตาตวัดมุมโค้งให้ลุ่มหลงด้วยสีแดง

ทิวทัศน์งาม โฉมเฉลา

และที่ยังเหนือคาด ไม่ใช่โฉมเฉลาที่งดงามดั่งเซียน แต่เป็นผู้หญิงหยาดเยิ้มที่ทั้งเหมือนเซียนทั้งเหมือนนางยั่วสวาทเช่นนี้ ปฐพีนี้มีชายกี่คนที่ทัดทานได้?

หากน่าหลานฮั่วซินไม่เคยพบโหลชีมาก่อน ค่ำคืนนี้ที่นางจะแต่งก็คือเทพธิดาบริสุทธิ์ละโลกีย์ แต่ในภาพจำของนาง โหลชีเป็นความงามที่เรียบง่าย นางไม่อยากเหมือนกับโหลชี นางจึงต้องการปรากฏกายอย่างร้อนแรงต่อหน้าเฉินซ่า เบียดอัตลักษณ์ของโหลชีออกจากหัวใจเขาในพริบตา

เพื่อฉากนี้ นางเตรียมตัวนานมาก ทุกสิ่งที่นี่ ทุกชิ้นล้วนเตรียมด้วยความบรรจง รวมถึงวัตถุดิบสีเปลวเพลิงที่วาดระหว่างคิ้วนางด้วย

เฉินซ่าต้องทัดทานไม่ได้แน่

"ซ่า...ใช่เจ้าหรือ?"

ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย เสียงเบาดุจนกน้อยพกพาความอ่อนช้อยคล้ายไม่มีกระดูกชนิดหนึ่ง

โหลชีที่เร่งรุดมาได้ยินเสียงนี้เข้าพอดี นางสั่นหงึกหงักทีหนึ่ง แทบอาเจียนออกมา

นี่คือน่าหลานฮั่วซิน? นางไปเข้าร่วมการฝึกเกอิชาระดับสูงระยะสั้นมาหรืออย่างไร?

แต่ต้องยอมรับ น่าหลานฮั่วซินแบบนี้งามล้ำ แต่จะแต่งมากเกินไปหน่อยกระมัง ไม่ค่อยมีความมั่นใจละสิ?

ถ้ามั่นใจ ไยนางต้องเตรียมของเยอะแยะมากมายขนาดนี้ด้วย? ดวงตาโหลชีชอนไช รู้สึกน่าขันเล็กน้อย เตรียมของมากขนาดนี้ ต้องทุ่มเทมากเลยกระมัง?

เห็นเฉินซ่าเขลา หรือว่าไม่ค่อยมั่นใจกับ 'ของ' ของตัวเอง?

โหลชีนั่งอยู่บนกิ่งหนึ่งของต้นเฟิง มองเรื่องสนุกอย่างสนอกสนใจ แต่ที่ควรทำก็ยังต้องทำ นางคลำยาเม็ดหนึ่ง ดีดไปทางเฉินซ่า

เฉินซ่าราวกับมีดวงตาอยู่ด้านหลัง ไพล่มือที่เอว รับยาเม็ดนั้นไว้ ข้างใบหูมีเสียงโหลชีดังมา "กินเสีย ตามตัวเทพธิดาที่รักเจ้าสุดหัวใจล้วนมีแต่ของดี"

ถึงตอนนี้เขาร้อยพิษมิกล้ำกราย ที่นั่นมีของหลายอย่างที่ไม่มีพิษ แต่ได้ผลลัพธ์เทียบเคียงกับพิษ

ดวงตาเฉินซ่าแวบจิตสังหารหนึ่ง

เขาเกลียดการใช้อุบายต่อหน้าเขา ผู้หญิงคนนี้น่าชังจริง หากมิใช่เพราะต้านการออดอ้อนของชีชีไม่ไหว เขาต้องไม่มาแน่

"เจ้าเป็นผู้ใด? ใครอนุญาตให้เจ้าเรียกชื่อของข้า?" เฉินซ่าเอ่ยเสียงเย็น พร้อมกันนั้นก็กินยาเม็ดนั้น กิริยาเร็วจนน่าหลานฮั่วซินไม่ทันเห็น

ตั้งแต่เฉินซ่ามาน่าหลานฮั่วซินก็มองเขาอย่างหลงใหล หัวใจดวงนั้นเต้นตุบๆๆๆ ไม่หยุด เกือบรักษาความสงบไม่อยู่

ชุดผาวสีดำล้วน ปากแขนเสื้อที่รัดแน่น สายรัดเอวที่รัดแน่น แต่เนื่องจากรูปร่างบึกบึนและล่ำ ไม่ลงพุงสักนิด ดังนั้นดูแล้วจึงองอาจเต็มประดา เขาเดินออกมาจากท่ามกลางป่าต้นเฟิงแดงเพลิงช้าๆ ชั่วขณะนั้นได้ข่มสีสันและแสงจันทร์ทั้งหมดลงแล้ว ทิวทัศน์สวยงามขนาดไหน สีสันร้อนแรงเพียงใด ทั้งหมดล้วนสยบให้เขา ไม่กล้าฉกชิงบรรยากาศรอบตัวเขาสักนิด

คิ้วยาวเข้ม ดวงตาล้ำลึก จมูกสันโด่ง กับเส้นดวงหน้าอันชาตรีของเขา มิมีสิ่งใดไม่บ่งบอกถึงความแข็งกร้าวและเย็นชาของบุรุษผู้นี้

นี่เป็นบุรุษที่ไม่มีความอ่อนโยนสักนิด

เป็นราชันโดยกำเนิด

แต่ในสมองของน่าหลานฮั่วซินกลับควบคุมไม่อยู่ ปรากฏภาพที่เขาอุ้มโหลชีตรงทางเขาช่วงอาทิตย์อัสดงไม่ได้

ใครว่าเขาไม่มีความอบอุ่น? บุรุษเช่นนี้ ความอบอุ่นที่หายากจึงชวนให้หวั่นไหวและวาดฝันอย่างยิ่ง ความอบอุ่นชวนรักชวนฝันแบบนั้น เดิมทีควรเป็นของนาง

บุรุษผู้นี้ควรเป็นของนาง!

ไม่เคยมีชั่วขณะไหนที่น่าหลานฮั่วซินคิดอยากครอบครองเขามากเช่นนี้

ส่วนอีกมุมหนึ่งของยอดเขาที่พวกเขาไม่รู้ ในมือซู่หลิวอวิ๋นกำลังถือสิ่งที่ทำจากกระจก วางอยู่ตรงดวงตา กำลังมองมาทางนี้ มุมปากนางเกี่ยวรอยยิ้มเย้ยหยันนิดๆ

"น่าหลานฮั่วซิน...ก็เพียงเท่านี้ เสียแรงที่หลายปีนี้ข้ายังเห็นนางเป็นคู่ปรับมาตลอด" ถ้อยคำนี้เบาๆ ลอยๆ ตกอยู่กลางสายลม แพล็บเดียวก็ไม่ได้ยินเสียแล้ว

ตรงข้างนาง เงาสายหนึ่งที่หากไม่สังเกตก็จะละเลยขยับนิดหนึ่ง เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้น "ไม่ต้องให้ข้าไปทำอะไรหน่อยหรือ?"

ซู่หลิวอวิ๋นส่ายหน้า "โหลชีมิใช่พวกงอมืองอเท้า ให้พวกนางไปเข่นฆ่ากันให้พอ"

แต่ที่พวกเขาไม่พบคือ ในหลุมดินไม่ไกลหนึ่ง เงาเล็กๆ สายหนึ่งหมุนตัวอย่างคล่องแคล่ว แล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ