ที่ผ่านมาซู่หลิวอวิ๋นมีภาพพจน์สูงส่งเหนือธรรมดา เฉิดฉายอ่อนโยนประดุจเทพเซียนต่อหน้าผู้คน ไม่เคยเป็นเหมือนตอนนี้เลยที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ดูเย้ายวนยิ่งนัก ขนาดองครักษ์ลับของนางยังอดหอบหายใจหนักขึ้นไม่ได้
"ขวางเขาไว้!" ซู่หลิวอวิ๋นถีบฟ่านฉางจื่อที่โผเข้ามากระเด็น ตนเองก็กลิ้งลงใต้เตียงด้วยความอ่อนแรง นางพยายามลุกขึ้น
นางจะออกไป มีแต่คนนั้น คนผู้นั้นถึงจะช่วยนางแก้พิษนี้ได้
ถึงองครักษ์ลับของนางจะโดนเข้าเหมือนกัน และสายตาที่มองตนเริ่มเร่าร้อนขึ้นมา แต่ยังพยายามอดกลั้นไว้ และสกัดผู้อาวุโสสามฟ่านที่จะโผเข้าหาซู่หลิวอวิ๋นอีก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟ่านฉางจื่อ แต่สกัดไว้ครู่หนึ่งก็ยังได้อยู่
ซู่หลิวอวิ๋นวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานออกไป ชาตินี้นางไม่เคยมีสภาพอนาถเยี่ยงนี้มาก่อน!
ต้องรู้ไว้นะว่าเจ้าสิ่งนี้เดิมทีน่าหลานฮั่วซินเตรียมไว้ต่อกรกับเฉินซ่า เฉินซ่ากำลังภายในล้ำลึกเพียงนั้น นางย่อมต้องเติมสิ่งที่สะกดกำลังภายในไว้ในนั้นอยู่แล้ว ซู่หลิวอวิ๋นกำลังภายในไม่ล้ำลึกเท่าเฉินซ่า มีหรือจะยังยืนหยัดอยู่ไหว? เวลานี้นางไม่มีกำลังภายในแม้เพียงนิดให้ใช้ได้เลย ได้แต่เดินล้มลุกคลุกคลานออกไปข้างนอก กลางดึกเงียบสงัด ไม่มีใครสักคนอยู่ด้านนอก นางเริ่มสติเลอะเลือน ดังนั้นเลยลืมหานางกำนัลให้เอาเสื้อคลุมอะไรมาให้นาง
ที่ที่นางอยู่อยู่ในขอบเขตเรือนหลักของเขาเวิ่นเทียน และเพราะอาหญิงของนาง สตรีผู้นั้นที่เคยช่วยเหลือเฉินซ่ามาก่อน อันที่จริงแล้วนางคือน้องสาวของผู้ครองเขาเฉินอวิ๋น แต่กลับถูกผู้ครองเขาเฉินอวิ๋นส่งให้ผู้อาวุโสใหญ่ตั้งแต่ตอนอายุสิบกว่าปี เปลี่ยนชื่อเป็นเหยาซู่ กลายเป็นอนุของผู้อาวุโสใหญ่ และคือคนที่ยืนอยู่กับซู่หลิวอวิ๋นซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมองดูน่าหลานฮั่วซินวางแผนจัดการพวกเฉินซ่า
เขาเวิ่นเทียนและเขาเฉินอวิ๋น อันที่จริงแล้วต่างไม่ชอบหน้ากันมานานแล้ว แอบลงมือเล่นงานอีกฝ่ายในที่ลับนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
โหลชีนั่งลง ด้านนอกมีเสียงก๊อกก๊อกดังขึ้นแผ่วเบา นางหันไปมองเฉินซ่าที่หลับตาพักอยู่ พูดเสียงเบาว่า "ท่านนอนก่อนเลย ข้าออกไปดูหน่อย"
"อืม" เฉินซ่าตอบทั้งๆไม่ลืมตา
โหลชีเปิดประตู หลงเอี๋ยนปราดเข้ามา พูดกระซิบข้างหูหลายคำ
"หา?" โหลชีอึ้งเล็กน้อย ทนไม่ไหวเอามือปิดปากหัวเราะขึ้นมา หางตากลับเห็นสีหน้า แดงเล็กน้อยของหลงเอี๋ยนนางไอกลบเกลื่อน พูดเสียงต่ำว่า "ให้เฉิงสิบส่งวู๊วูไปทางผู้อาวุโสใหญ่ พวกเจ้าห้ามเข้าใกล้ วิทยายุทธ์ของผู้อาวุโสใหญ่พวกเจ้าเทียบไม่ติด ระวังตัวหน่อย"
"ขอรับ"
วู๊วูนั่นคล่องแคล่วเฉลียวฉลาด และเร็วพอ ต้องจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่
และก็แค่ให้มันไปวาบผ่านเท่านั้นเอง
โหลชียืนอยู่หน้าประตู มองไปยังระเบียงที่แสงจันทร์สาดส่องลงมานั่น สายตามีประกายสว่างวาบผ่าน
แหะแหะ ความวุ่นวายครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์เริ่มขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์มานานในสายตาผู้คนอย่างเขาเวิ่นเทียนจะสามารถรับมือกับพายุลมฝนที่จะตามมาได้ไหม
ในความมืด ร่างของวู๊วูปราดพุ่งบินออกไป เกิดเสียงลมขึ้นเล็กน้อยภายนอกหน้าต่างห้องผู้อาวุโสใหญ่
สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่เคร่งเครียดขึ้น ผู้ใดกันวิชาตัวเบาสูงส่งเพียงนี้?
เขาพุ่งร่างออกไปทันที วิ่งไล่ตามเงาดำนั่นไป แต่แค่ไม่กี่ก้าว เขามาถึงเรือนข้างของเรือนหลังของตน ลมหายใจผู้นั้นกลับหายไปแล้ว
ถึงผู้อาวุโสใหญ่จะวิทยายุทธ์สูงส่ง ไหนเลยจะคิดได้ว่าตอนนี้วู๊วูหารูหนูภูเขาอะไรสักอย่าง และมุดเข้าไปหลบซ่อนตัวก็ได้แล้ว
นี่คือ...เรือนของเหยาเอ๋อร์
สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่พลันเย็นชาลงเล็กน้อย
สำหรับเหยาซู่ เมื่อก่อนเขารักใคร่นางมากจริงๆ แต่ต่อมาเขารู้สึกว่าภายใต้ใบหน้างดงามและอ่อนโยนของเหยาซู่มีบางสิ่งที่เขามองไม่ออก ดังนั้นเลยจืดจางไป
แต่ในเรือนหลังของเขา เหยาซู่มีฐานะไม่เลวเลย และถึงนางจะมีความลับบางอย่าง แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับโลกภายนอกมาตลอด ไม่เคยก่อเรื่องหึงหวงกับฮูหยินคนอื่น จุดนี้ผู้อาวุโสใหญ่พอใจมาก ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ฟ้าก็ใกล้สางแล้ว มารักใคร่นางสักครั้งแล้วกัน
พอคิดแบบนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ก็เดินเข้าไปเปิดประตูห้องเหยาซู่ และเดินเข้าไป เดินไปทางห้องด้านใน
ไม่นานในห้องชั้นในก็มีเสียงร้องเสียงต่ำของเหยาซู่ที่โดนปลุกจากการนอนขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่พูดเสียงต่ำ "เหยาเอ๋อร์ ข้าเอง"
"ผู้อาวุโสใหญ่...."
เหล่าฮูหยินของเขาล้วนแต่เรียกเขาว่าผู้อาวุโสใหญ่ เขาชอบชื่อนี้ มันทำให้ความเป็นเซียนของเขาไม่ลดลง หากเรียกแค่นายท่านหรือท่านพี่อะไรพวกนั่น มันจะทำให้เขารู้สึกว่าตนไม่ต่างอะไรกับเหล่าบุรุษในโลกานั้น
"เหยาเอ๋อร์นอนหลับพอหรือยัง?" เสียงของผู้อาวุโสใหญ่แหบพร่าขึ้นมา เสียงซวบซาบคุ้นเคยดังมาระลอกหนึ่ง ไม่นานก็มีเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของบุรุษและเสียงครางแผ่วเบาของสตรีขึ้น
ปึ้ง
ประตูด้านนอกถูกคนผลักออกโดยแรง มีคนกระโดดเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ