"โหลวซิ่น!"
"โหลวซิ่น!"
ชิวชิ้นเซียนกับเฉินสิบและคนอื่นๆตะโกนเสียงดังขึ้นมา แต่เฉิงสิบกับอวิ๋นกลับถูกชายผู้นั้นขวางเอาไว้ในนาทีแรก ชายผู้นี้สู้กับศัตรูหนึ่งต่อสองก็ยังไม่เคยพ่ายแพ้
สายตาของเฉินซ่าเย็นยะเยือก สองนิ้วทำเป็นกระบี่ ปาดไปทางเขาทันที
พลังอำนาจกดดันลงไปทันที ผู้ชายตกใจมาก ด้วยการฝึกตนของเขาในตอนนี้ มีน้อยคนมากที่จะสามารถนำความรู้สึกกดดันเช่นนี้ให้กับเขาได้ ชั่วขณะหนึ่งไหนเลยที่เขาจะยังมีเวลาสนใจอวิ๋นกับเฉิงสิบได้ รีบหันข้างอยากจะหลบกระบวนท่านี้ออกไปทันที
แต่เขาคิดไม่ถึงว่ากระบวนท่านี้ของเฉินซ่าดูแล้วเหมือนจะช้ามาก พลังที่ส่งออกมากลับแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ และขอบเขตพลังอานุภาพของกระบี่นิ้วใหญ่จนเกินจินตนาการของเขา เขาคิดว่าตนเองหลบออกไปแล้วแท้ๆ ไหนเลยจะคิดว่าพลังกระบี่ยังตัดผ่านเสื้อผ้าของเขาได้ จากนั้นก็บาดเนื้อหนังของเขาออกชิ้นหนึ่ง
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าการฝึกตนของชายหนุ่มที่สวมหน้ากากคนนี้จะสูงขนาดนี้ได้!
ที่ผู้ชายคนนั้นกล้าลงมือกับโหลวซิ่น เพียงเพราะมองออกว่า การฝึกตนของเฉิงสิบโหลวซิ่นอิ้นเหยาเฟิงและคนอื่นๆล้วนด้อยกว่าเขาไม่น้อย และเฉินซ่ากับโหลชีเขากลับมองไม่ออก ด้วยอายุของพวกเขาสองคน เขาไม่เคยคิดว่าการฝึกตนของสองคนนี้จะสูงกว่าของเขา ดังนั้นก็เลยดูถูกไป
ถ้าหากรู้ว่ากำลังภายในของเฉินซ่าลึกล้ำขนาดนี้ ไหนเลยที่เขาจะประมาทเลินเล่อลงมือกับโหลวซิ่นได้?
แต่ว่าเวลานี้เสียใจภายหลังก็สายไปแล้ว เฉินซ่าโจมตีอย่างแม่นยำ และไม่ให้เวลาเขาได้หายใจเลยแม้แต่น้อย จู่โจมมาทางเขาในทันที ทำให้เขารับมืออย่างตื่นตระหนก ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างมาก
และในขณะเดียวกัน โหลชีก็บินโฉบไปทางโหลวซิ่นแล้ว แต่ผู้ที่เร็วกว่านางกลับเป็นวู๊วู
"วู๊วู!"
นอกจากโหลชีแล้ว เฉิงสิบกับโหลวซิ่นถือว่าเป็นคนที่วู๊วูติดตามนานที่สุด วู๊วูย่อมไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาอยู่แล้ว มันวิ่งขึ้นไปบนไหล่ของโหลวซิ่นราวกับลำแสงสีเงินม่วง อ้าปากออก เงยหน้าแล้วหอนเสียงยาวออกมา
"วู๊ว!"
ภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ทำให้โหลชีตกตะลึงเช่นกัน เห็นเพียงหมอกดำที่ค่อยๆติดเสื้อผ้าของโหลวซิ่นกลับถอยห่างออกไปราวกับได้รับความตกใจ เหมือนกับว่ามันมีชีวิต!
"วู๊วู!"
วู๊วูเห็นว่าหมอกสีดำนั่นถอยห่างออกไป ก็ก้มหน้าลงทันที กัดเสื้อผ้าของโหลวซิ่นเอาไว้แล้วดึง เสียงแคว่กดังขึ้นมา ฉีกเสื้อผ้าของเขาลงมาชิ้นใหญ่ เผยให้เห็นผิวหนังที่ถูกเผาไหม้เป็นตุ่มน้ำพองขึ้นมาอย่างหนาทึบเป็นแถบ
ความเร็วของพวกเขาก็ยังช้าไปเล็กน้อยอยู่ดี แต่โชคดีที่แผลไหม้และแผลพิษไม่ได้อยู่ที่ใบหน้า แต่อยู่ที่หน้าอก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ โหลชีก็โกรธจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว เดิมทีนางก็เป็นคนปกป้องคนของตัวเองอยู่แล้ว ตอนนี้ลูกน้องของตนเองบาดเจ็บขนาดนี้ จะละเว้นอีกฝ่ายได้อย่างไร?
"ซ่า ฆ่าเขาซะ!"
เฉินซ่าได้ยินคำพูดก็ตอบกลับไปแค่คำเดียวเท่านั้น
"ได้"
เดิมทีผู้ชายคนนั้นยังวางท่าเป็นยอดฝีมือแบบอย่าง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของโหลชีไหนเลยจะยังสามารถอดทนได้อีก ตะโกนขึ้นมาในทันที: "ท่านมี่ จอมยุทธหาน มากน้อยเราก็มีมิตรภาพต่อกันบ้างใช่ไหม? ช่วยข้า!"
ท่านมี่กับชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งได้ยินคำพูดก็ลังเลอยู่เล็กน้อย พูดตามตรง ถึงแม้พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นคนดีอะไรมากนัก แต่ว่าเมื่อครู่ชายผู้นี้ลงมือก่อน พวกเขาก็รู้สึกว่ามันต่ำช้าเกินไปหน่อยจริงๆ
สายตาของโหลชีประกายแวบขึ้นมา มองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา: "ไม่เข้าไปยุ่ง พวกเจ้ายังสามารถมีชีวิตต่อไปได้ หากมายุ่ง ข้าไม่ละเว้นเด็ดขาด!"
นี่มันช่าง......โอหังจริงๆ!
วรยุทธและการฝึกตนของชายหนุ่มที่สวมหน้ากากคนนั้นลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้ก็จริง แต่หากพวกเขาสามคนร่วมมือกันก็ไม่แน่ว่าจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ว่าคุณชายน้อยคนนี้รูปร่างผอมเพรียวงดงามละเอียดเกินไปหน่อย เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่ เอาความมั่นใจจากไหนมาพูด?
แต่ว่า จิ้งจอกน้อยตัวนั้นของนางกลับทำให้พวกเขารู้สึกยำเกรง
"น้องชายท่านนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ที่ข้ามียารักษาบาดแผลชั้นยอดขวดหนึ่ง คุณชายเจ็ดรีบทาให้เขาเถอะ ถึงแม้จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถหายเป็นปลิดทิ้งได้ แต่ก็สามารถป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลงได้อย่างแน่นอน" ท่านมี่หยิบยาออกมาจากอกขวดหนึ่งยื่นให้ทางโหลชี สามารถมองเห็นความรู้สึกเสียดายบนใบหน้าเล็กน้อย "จะปล่อยเขาไปสักครั้งได้ไหม?"
มีมิตรภาพกันอยู่บ้างจริงๆ สามารถขอร้องแทนได้ก็ช่วยขอร้องแทนแล้วกัน สิ่งสำคัญคือท่านมี่รู้สึกว่ายารักษาบาดแผลชั้นยอดขวดนี้ของตนเองมีน้ำหนักมากพอ!
"ยาท่านเก็บเอาไว้เองเถอะ!" โหลชียิ้มเยาะออกมา ยื่นมือไปหยิบยาขวดเล็กๆจากเอวขวดหนึ่ง อิ้นเหยาเฟิงรีบวิ่งเข้ามาทันที มองดูโหลชีด้วยนัยน์ตาแดงก่ำเล็กน้อย: "ข้าน้อยใส่ยาให้โหลวซิ่น"
โหลชีมองดูนางครู่หนึ่ง ถึงแม้ตัวนางเองจะคิดว่าการแตะเนื้อต้องตัวแบบนี้ไม่เป็นอะไร แต่สำหรับคนในยุคโบราณแล้ว ใส่ยาตอนนี้ต้องใช้มือสัมผัสไปบนหน้าอกของเขา นี่ถือเป็นการกระทำที่ล้ำเส้นเกินความพอดีแล้ว อิ้นเหยาเฟิงออกตัวเช่นนี้ คงจะคิดทบทวนหัวใจของตนเองดีแล้วใช่ไหม?
นางพยักหน้า ยื่นยาให้กับอิ้นเหยาเฟิง
อิ้นเหยาเฟิงเดินไปถึงข้างกายของโหลวซิ่น เขาในเวลานี้ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เห็นได้ชัดว่ากำลังอดทนต่อความเจ็บปวดที่แสนสาหัส บนหน้าอกเต็มไปด้วยตุ่มน้ำพอง ถึงกับเริ่มแตกออกด้วยตัวมันเองแล้ว น้ำหนองที่มีสีเหลืองเล็กน้อยไหลออกมา เพียงแค่เวลาชั่วครู่เดียวก็อนาถเกินกว่าที่จะทนดูได้แล้ว
"เจ็บมากใช่ไหม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ