พวกเขาล้วนหยุดฝีเท้าลงมา ในขณะที่กำลังตกตะลึง ชายผู้นั้นก็หันหน้ากลับมา นัยน์ตาดอกท้อประกายความงดงามเยือกเย็น ริมฝีปากอวบอิ่มและเป็นมันเงา ชั่วขณะหนึ่งช่วยเสริมให้ทะเลสาบและภูเขาล้วนกลายเป็นภาพทิวทัศน์
ชุดสีครามแขนกว้าง ท่าทางพลิ้วไหว เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แทบจะไม่มีใครเทียบได้ เขามองมาทางนี้ สายตานั้นกลับดูเหมือนคลุมเครือเล็กน้อย มองดูพวกเขา แล้วก็ไม่เหมือนมองดูพวกเขา
แวบแรกที่เห็นเขาก็แค่อายุย่างสามสิบ แต่เมื่อมองสังเกตอย่างละเอียดหน่อยก็จะพบว่าบนตัวเขาไม่มีความมุทะลุของชายหนุ่ม แต่เป็นความยับยั้งชั่งใจที่เก็บตะกอนสั่งสมผ่านกาลเวลาอย่างหนึ่ง
นอกจากเฉินซ่ากับเฮ่อเหลียนเจี๋ยแล้ว นี่คือผู้ชายที่น่าทึ่งที่สุดที่โหลชีเคยเห็นเลย กระทั่งว่า ผู้ชายคนนี้จะอยู่เหนือกว่าเฮ่อเหลียนเจี๋ยอย่างมาก เมื่อเทียบกับเฉินซ่าแล้ว เขามีความรู้สึกไม่แยแสมากกว่า
ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นคือ มองดูผู้ชายคนนี้ ในใจของนางรู้สึกมีความสนิทสนมใกล้ชิดอยู่รางๆเล็กน้อย
"ท่านคือผู้ใด?" ท่านมี่เห็นว่าตั้งนานพวกเขาไม่ส่งเสียงออกมาเลย ก็เลยก้าวขึ้นมาข้างหน้าสองก้าว ตะโกนถามเสียงดัง
และในเวลานี้ ในวังศุทธิเซียน ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง สองข้างของโต๊ะหมากรุกที่มีชายชราหนวดขาวพลิ้วไสวคนหนึ่งและตรงข้ามคือผู้หญิงที่สวมชุดสีเหลืองอายุเกินห้าสิบแต่ลักษณะท่าทางราวกับนางฟ้าคนหนึ่งนั่งอยู่จู่ๆก็หันหน้ามาพร้อมกัน สายตาเผยความตกตะลึง
ผู้หญิงร้องเสียงหลง: "รูหนอนแห่งกาลเวลา?"
ชายชรายกมือขึ้นมา ด้านหลังมีลูกศิษย์แวบออกมาคนหนึ่ง เขารีบกล่าวอย่างรวดเร็ว: "เร็ว รีบไปเชิญพวกอาจารย์อามา!"
"พวกเรารีบไปดูกัน! ถึงเวลาที่จะพาคงเอ๋อร์กลับมาแล้วใช่ไหม?"
เงาร่างของทั้งสองลอยขึ้นมา หายวับไปกับที่ทันที
ทางนั้น ใครก็นึกไม่ถึงว่า หลังจากที่ท่านมี่ตะโกนขึ้นมาคำหนึ่งแล้ว จู่ๆภาพทิวทัศน์ที่อยู่ข้างหน้าก็เปลี่ยนไปกะทันหันอีก น้ำตกหายไป ทะเลสาบก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน ข้างหน้ากลับกลายเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่!
ผู้ชายยังคงเป็นผู้ชายคนนั้น แต่กลับเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายอีกแบบหนึ่ง สวมชุดเกราะอ่อนทั้งชุดบ้าคลั่งราวกับไฟ กระบี่ยาวมีเลือดหยด แก้มมีรอยบาดแผล รอยเลือดข้างริมฝีปากทำให้เขาดูมีความงามที่โศกเศร้าเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย
มองดูผู้ชายคนนี้เป็นเช่นนี้ ในใจของโหลชีรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมากะทันหัน ยื่นมาไปกุมหน้าอกเอาไว้ เฉินซ่าสนใจผู้ชายอะไรที่ไหน สามารถพูดได้ว่า เป็นเพราะมีผู้ชายเช่นนี้คนหนึ่ง ความสนใจของเขาถึงได้จดจ่ออยู่ที่โหลชีมากขึ้น ตอนนี้เห็นว่านางถึงกับเจ็บปวดใจเพื่อผู้ชายคนนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย ลมหายใจเย็นยะเยือกลงกะทันหัน กำลังจะพูดอะไร โหลชีก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้แล้ว
เสียงของนางเบาจนมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน "ซ่า ท่านว่าหน้าตาข้าดูคล้ายเขาเล็กน้อยหรือไม่?"
เฉินซ่าได้ยินคำพูดก็ตกตะลึง เขาหันหน้ามองไปทางผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง แล้วก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาทันที: "คล้ายกันอย่างน้อยสี่ส่วน"
ดวงตา ตาของโหลชีใหญ่กว่าผู้ชายคนนั้นเล็กน้อย แต่ว่าจมูกคิ้ว ริมฝีปาก แล้วก็คาง คล้ายคลึงกับโหลชีอย่างน้อยสี่ส่วน!
"ข้าคิดว่า เขาอาจจะเป็นซวนหยวนจ้าน" โหลชีมองดูผู้ชายคนนั้นอย่างใจเย็น
สายลมพัดหวีดหวิว จู่ๆผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มขึ้นมากะทันหัน คลื่นลมซัดขึ้นมา เขายกกระบี่ขึ้นมา พูดออกมาคำหนึ่ง
จากนั้น คลื่นยักษ์เป็นพื้นหลัง คลื่นลมปั่นป่วน ผู้ชายร่ายรำกระบี่ขึ้นลง ดุดันไร้ที่เปรียบ ทุกกระบวนท่าล้วนเป็นท่าสังหาร แต่ในสายตาของพวกเขา เขากลับกำลังร่ายรำกระบี่ในอากาศ ตรงหน้าไม่มีศัตรูอยู่เลย
ภาพฉากนี้มันดูน่าแปลกประหลาดเช่นนั้น
"เมื่อครู่นี้เขาพูดอะไร?"
ท่านมี่หันหน้ากลับมาอย่างตะลึงงัน โม่เวิ่นก็ส่ายหน้าอย่างตะลึงงันเช่นกัน: "ไม่ได้ยินเลยสักนิด"
"ไม่มีเสียงอะไรเลย ทางฝั่งของเขาไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย" โหลวซิ่นกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ใช่แล้ว ไม่มีเสียง ฝั่งโน้นคลื่นลมใหญ่มาก แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงคลื่นลมเลยไม่แต่น้อย มีเพียงความเงียบงันของเนินเขารกร้างของฝั่งนี้
"เขาพูดอะไร?" เฉินซ่ากลับถามโหลชีด้วยความมั่นใจมาก เขารู้ว่า ถึงแม้คนอื่นจะไม่ได้ยินมองไม่ออก โหลชีก็เป็นคนที่อ่านริมฝีปากเป็น ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาพูดฝั่งนี้พอดี นางต้องมองเห็นอย่างชัดเจนแน่ว่าประโยคนั้นเขาพูดว่าอะไร
โหลชีตกตะลึงเล็กน้อย ชะงักงันและกล่าวเสียงเบา: "ขึ้นสวรรค์ลงโลกันตร์ ข้าต้องหาให้เจอ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!" ไม่รู้ว่าเป็นคน หรือของ
แต่นางดูออกจากการอ่านริมฝีปาก น้ำเสียงตอนที่ผู้ชายพูดประโยคนี้ออกมาแน่วแน่แค่ไหน ทำให้ในดวงตาของนางร้อนผ่าวขึ้นมา ถึงกับมีแรงกระตุ้นที่อยากจะหลั่งน้ำตาเล็กน้อย
เฉินซ่าไตร่ตรองคำนี้อยู่ "เขาน่าจะเป็นฮ่องเต้องค์หนึ่ง ซวนหยวนจ้าน?"
ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อยในการเรียกพ่อตาของตนเองด้วยชื่อพร้อมนามสกุลเลย ตัวโหลชีเองยังไม่เคยเรียกท่านพ่อหรือเสด็จพ่อ เขาจะได้รับการยอมรับจากนางหรือเปล่ายังไม่แน่นอนเลย
ภาพที่อยู่ตรงหน้าจู่ๆก็เปลี่ยนไปกะทันหัน
ไม่มีคลื่นลมใดๆอีก ดูเหมือนจู่ๆพวกเขาจะกลายเป็นมุมมองท้องฟ้า สิ่งที่เห็นคือป่าทึบขนาดใหญ่ ใจกลางป่าทึบมีแสงประกายแวบอยู่เล็กน้อย เหมือนจะเป็นแสงจากน้ำ
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นชั่วครู่เดียวก็แวบผ่านไป จากนั้นตรงหน้าก็มีเพียงป่าใหญ่เงาต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น
ตรงข้ามกับทะเลสาบเล็กๆ มีสองสามคนที่ดูเหมือนจะมาอย่างเร่งรีบตามลำดับ หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่ง ท่วงท่าอ่อนหวานสง่างาม มองมาทางโหลชีในนาทีแรกเลย
โหลชีมองเห็นความไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นมาในดวงตาของนาง แต่ว่าขณะเดียวกันนางก็เห็นผู้ชายที่มีหน้าตาเหมือนกันกับฮั่วหยูฉุนทุกอย่างคนหนึ่งอยู่ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น เพียงแต่อายุมากกว่ายี่สิบกว่าปีเท่านั้น
นี่ก็คือศิษย์พี่ของนักพรตเลว?
หมายความว่า คนพวกนี้ก็คือคนของวังศุทธิเซียน
โหลชีหันไปทางชายชราที่เป็นผู้นำคนนั้น จับมือของเฉินซ่าเอาไว้ก็พุ่งเข้าไปทางนั้น
แต่ในเวลานี้ หลังจากสองสามคนนั้นแล้วก็มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งบินโฉบเข้ามา เหมือนกับคนของวังศุทธิเซียน ล้วนมองไปทางโหลชีกับเฉินซ่าที่กำลังพุ่งเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ