สิ่งที่เฉียนยิงคิดอยู่ในใจคือการหาเฮ่อเหลียนเจี๋ยเจอในครั้งนี้ และข้อสรุปที่ได้คุยกับเขา
เฮ่อเหลียนเจี๋ยคิดว่าราชวงศ์เฮ่อเหลียนยังเป็นสถานการณ์อย่างตอนที่เสด็จพ่อของเขาครองราชย์อยู่ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ตอนนี้เฮ่อเหลียนหมิงขึ้นไปนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นแล้ว หวาดระแวงในตัวเฮ่อเหลียนเจี๋ยผู้เป็นน้องชายที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องมาตั้งแต่แรกอย่างมากมาโดยตลอด ดังนั้นสิ่งที่สามารถควบคุมอำนาจของเฮ่อเหลียนเจี๋ย เรื่องที่สามารถลดทอนบารมีของเขาได้ เฮ่อเหลียนหมิงจะทำทุกอย่าง
เฮ่อเหลียนหมิงรู้ว่านางผูกพันอยู่กับอ๋องจันทรา ดังนั้นถึงแม้จะไม่ได้มีความรู้สึกรักในตัวนาง แต่กลับต้องการจะออกคำสั่งให้นางเข้าวังอยู่ตลอด
เฉียนยิงอยากจะหาเฮ่อเหลียนเจี๋ยเพื่อหารือเรื่องการแต่งงานของทั้งสองคน เมื่อก่อนนางก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เฮ่อเหลียนเจี๋ยคิดอยู่ในใจคือการหาองค์หญิงน้อยของราชวงศ์ซวนหยวนคนนั้นให้เจอ แล้วแต่งงานกับนาง ข้อนี้นางสามารถเข้าใจได้ อย่างไรเสียหากสามารถแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิงน้อยซวนหยวนจริงๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าทั่วทั้งราชวงศ์ซวนหยวนก็ยืนข้างเดียวกับเขาแล้ว
ถึงแม้ว่าราชวงศ์ซวนหยวนในตอนนี้ถึงตอนที่ใกล้ความเป็นความตายแล้ว แต่ว่าแมลงร้อยขา ตายก็ไม่ล้ม ถ้าหากเฮ่อเหลียนเจี๋ยสามารถแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิงน้อย ถึงเวลานั้นราชวงศ์ซวนหยวนอยู่ในมือเขาต้องไม่พ่ายแพ้ต่อไปอย่างแน่นอน เขาไม่ได้ราชวงศ์เฮ่อเหลียน อย่างน้อยก็ได้ครึ่งหนึ่งของราชวงศ์ซวนหยวน
เป็นเพราะนางรู้ความคิดนี้ของเขามาโดยตลอด ดังนั้นก็เข้าใจอย่างมาก
แต่ว่าครั้งนี้ตอนที่พบกับเฮ่อเหลียนเจี๋ย นางเอ่ยขึ้นมาว่าตนเองยินดีจะเป็นพระชายารอง ไม่ขัดขวางแผนการของเขา เพียงแต่ว่าครั้งนี้นางเพิ่งรู้ว่า ที่แท้เฮ่อเหลียนเจี๋ยหาองค์หญิงน้อยของราชวงศ์ซวนหยวนเจอแล้ว นางก็แค่พูดออกมาคำหนึ่งว่าองค์หญิงน้อยพระองค์นั้นพลัดพรากระหกระเหินไปจากราชวงศ์ตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่ายังบริสุทธิ์และสูงส่งเหมือนเดิมหรือไม่ เฮ่อเหลียนเจี๋ยถึงกับเกือบจะฆ่านางทิ้ง!
ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่อ๋องจันทราที่เย็นชาคนเดิมคนนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นมืดมนเล็กน้อย! ทั้งหมดนี้ต้องเป็นเพราะองค์หญิงน้อยคนนั้นแน่นอน!
ดังนั้น นางสอบถามเรื่องที่เกี่ยวกับโหลชีมาจากบรรดาองครักษ์ของเฮ่อเหลียนเจี๋ย และก็ใช้อิทธิพลทั้งหมดของตระกูลเฉียนไปสืบ ในที่สุดความพยายามก็ไม่สูญเปล่า นางได้รู้ว่าโหลชีกำลังจะมาที่วังศุทธิเซียน
ครั้งนี้ นางมาเพื่อโหลชีโดยเฉพาะ จะปล่อยให้นางได้อยู่อย่างดีได้อย่างไร?
"ค่ายกลมิอาจกระจายแดดขาด อย่างน้อยก็สามารถต่อกรกับรูหนอนแห่งกาลเวลาได้ ให้พวกเขายืนหยัดอยู่กับที่ก่อน ข้าจะดึงคงเอ๋อร์กลับมา"
ชายชราพูดไป สิบนิ้วก็โบยบินพราวพรายจนทำให้คนตาลาย คิดไม่ถึงว่าจะเชี่ยวชาญและยืดหยุ่นมากกว่าโหลชีเสียอีก ตามด้วยท่าร่ายคาถาร้อยพันท่าที่เขาร่ายขึ้นมา ลมประหลาดที่หมุนวนก็จู่โจมไปทางรูหนอนแห่งกาลเวลาที่อยู่บนพื้นผิวทะเลสาบ
"นังหนู พวกเจ้าต้องยืนหยัดเอาไว้นะ" ชายชราก็มองออกว่าวรยุทธและการฝึกตนของพวกโหลชีสามคนต่างก็ลึกล้ำมาก ถึงได้วางใจลงมาเล็กน้อย
แต่ว่าคำพูดประโยคต่อมาของโหลชีเกือบจะทำให้เขาทำตัวเองสะดุดล้ม
"อาจารย์ปู่ อาจารย์ข้านั้นค่อนข้างที่จะเข้าข้างข้าอยู่นะ หากท่านไม่เร่งมือหน่อยทำให้ข้าเกิดเรื่อง ระวังเขาจะกลับมาลบล้างบรรพจารย์นะ!"
เดิมทีท่วงท่าของชายชราสง่างามเสมือนจิตวิญญาณแห่งความเป็นอมตะ ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้สีหน้าท่าทางก็ถล่มทลายลงมา อดที่จะกัดฟันแล้วด่าขึ้นมาไม่ได้: "เจ้าเด็กเวรนี่!"
ผู้หญิงที่มีท่วงท่าสง่างามคนนั้นได้ยินคำพูดกลับยิ้มออกมา "เป็นทายาทของลูกสาวของข้าจริงๆด้วย! วิธีการพูดเช่นนี้ข้าชอบ!"
"นั่นก็ต้องให้ลูกสาวเจ้ายินดีที่จะยอมรับเจ้าด้วย มิเช่นนั้นเกรงว่าหลานสาวของเจ้าคนนี้ก็คงจะไม่ยินดียอมรับเจ้าเช่นกัน!" ขณะที่ชายชราพูดไปก็เหลือบมองนางครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: "รีบมาช่วยให้ค่ายกลมั่นคงก่อน ถ้าหากค่ายกลปั่นป่วน เกิดอะไรขึ้นกับนังหนูนั่น ระวังว่าต่อไปลูกสาวลูกเขยของเจ้าและลูกศิษย์ของข้าล้วนจะมาเอาเรื่องได้"
คำพูดของเขาเพิ่งจะพูดจบ อาวุธลับหลายอันก็พุ่งมาพร้อมกับลม พุ่งไปทางบรรดาคนที่กำลังวางค่ายกลอยู่
เวลานี้ค่ายกลกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ การจะวางค่ายกลอันนี้จำเป็นต้องใช้พลังภายในสิบส่วนของพวกเขา ห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อมนุษย์ตกอยู่ในสถานการณ์ความเป็นความตายก็จะไปปกป้องชีวิตตนเองตามสัญชาตญาณอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อมีสองคนเสียสมาธิ ค่ายกลก็เสียศูนย์เล็กน้อย ลมก็กระโชกแรงมากขึ้นในทันที
"แย่แล้ว!" ชายชราสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก กล่าวตะโกนเสียงดัง: "รูหนอนบิดเบี้ยว ต้องรีบพาคงเอ๋อร์กลับมาก่อน!"
"บ้าชิบ!" ผู้หญิงรีบลงมือทันที นางจ้องไปที่เฉียนยิงอย่างรวดเร็วครู่หนึ่ง แต่ว่าเวลานี้กลับไม่มีทางแยกร่างออกมาได้เลย เมื่อเห็นว่าเฉียนยิงกำลังจะลงมืออีก ในใจของนางก็ร้อนรนราวกับถูกไฟแผดเผาเช่นกัน
"วูวู!"
และในเวลานี้ ลำแสงสีเงินม่วงก็พุ่งไปทางเฉียนยิงราวกับสายฟ้าฟาด เป้าหมาย ใบหน้าของนาง
"วู๊!"
เฉียนยิงเห็นจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งกระโจนมาทางตัวเอง รู้สึกว่าหลบออกไปอย่างรวดเร็วมากแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังเร็วไม่ทันมัน ถูกอุ้งเท้าของมันข่วนไปที่แก้ม รู้สึกโกรธมากในทันที หนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกต่อสู้กันขึ้นมาอย่างดุเดือด
"เร็ว!" ชายชรากระโดดตัวเข้าไปในค่ายกล นั่งขัดสมาธิลงไป การฝึกตนสิบส่วนหลั่งไหลออกมาอย่างสุดกำลัง ราวกับคลื่นน้ำที่ล่องหนเอ่อล้นออกไปโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
ยุคปัจจุบัน ณ ลานคฤหาสน์ของโหลชี ตะวันลับฟ้าฉายแสงราวกับสีเลือด ซวนหยวนคงกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในลาน จู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในใจกะทันหัน ราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ