ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะลงมือกับผู้หญิงปานบุปผาราวกับหยกเช่นนี้ได้โดยไม่พูดอะไรเลย ไม่แม้แต่จะยืนยันข้อเท็จจริงด้วยซ้ำ
ปัง
หมัดนี้เฉียนยิงไม่สามารถจะหลบออกไปได้เลย ถูกเขาต่อยไปที่สันจมูกเต็มๆ เสียงตุ้บดังขึ้นมา คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกเย็นวาบในใจเล็กน้อย
ฟังจากเสียง เห็นได้ชัดว่าสันจมูกถูกต่อยจนหักไปแล้ว ต้องรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ? รู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่ารักหยกถนอมบุปผา?
หากรู้ความคิดของพวกเขา ซวนหยวนคงต้องถุยใส่หน้าพวกเขาอย่างแน่นอน บุปผาอะไร? หยกอะไร? ผู้หญิงทุกคนที่กล้ารังแกชีชีบ้านเขาล้วนเป็นขี้หมาตกลงไหม?
ตัวเฉียนยิงเองก็ถูกต่อยจนมึนเช่นกัน แค่ว่าความจริงแล้วนางรักหน้าตารักศักดิ์ศรีและปกป้องใบหน้าของนางอย่างมาก ตอนนี้เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัส จมูกมีเลือดไหลออกมา นางเบิกตากว้างในทันใด ดวงตาแดงก่ำ ขบฟันฝืนยืนหยัดเอาไว้แล้วกล่าวอย่างดุดัน: "วังศุทธิเซียน! ดี ดีมาก อย่าคิดว่าข้าจะกลัววังศุทธิเซียนของพวกเจ้า! พวกเจ้ารอไว้เลยนะ ช้าเร็วข้าจะนำทัพมาเหยียบเขาศุทธิเซียนให้ราบเป็นหน้ากลอง!" กล่าวไปก็หันหลังกลับไปอย่างเร็วแล้วก็บินทะยานออกไป
"ผู้หญิงยโสโอหังจากไหนกันเนี่ย? พูดจาโอหังยิ่งนัก! มา มีปัญญาก็มาเลยสิ! หากเจ้าหนีช้าลงหน่อย ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!" ซวนหยวนคงกระโดดเท้าตะโกนใส่แผ่นหลังของนาง หลังจากที่เขาหันกลับมาก็เห็นทุกคนจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด
"มองดูข้าแบบนี้ทำไมกัน?" ขณะที่เขาพูดไปก็ล้มตัวลงไปทางเฉิงสิบ: "เจ้าหนุ่ม เจ้านี่แหละ ริมฝีปากแดงฟันขาวๆนี่ ดูแล้วเจริญตาดี รีบประคองข้าเอาไว้ ข้าจะเป็นลมแล้ว หากไม่ใช่ว่าข้าวิงเวียนจะเป็นลม ข้าไม่ต่อยนางไปแค่หมัดเดียวแน่......"
พูดไปก็หมดสติไปจริงๆ
"ผู้อาวุโส?" เฉิงสิบตกตะลึงมาก เมื่อครู่ยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่หรือ?
ทุกคนในวังศุทธิเซียนต่างก็หมดคำจะพูด ชายชราโบกมือขึ้นมา ผู้ชายที่คล้ายกับฮั่วหยูฉุนมากคนนั้นก็รับตัวซวนหยวนคงไป กล่าวว่า: "เขาก็แค่ใช้แรงไปจนหมดเท่านั้น พักผ่อนแล้วก็ดีขึ้นเอง ส่งตัวเขากลับไปก่อน"
ขณะที่พูดก็มองไปรอบๆทุกคนที่อยู่ที่นี่ "ทุกท่านก็ตามเรากลับไปในวังศุทธิเซียนก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันอีกที"
เฉิงสิบกับอวิ๋นและคนอื่นๆไหนเลยจะยอมไป: "ท่านเจ้าวัง จักรพรรดิกับจักรพรรดินีของเรายังไม่กลับมาเลย"
เวลานี้ หยุนเฟิงพาเอ้อหลิงเดินมาทางอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ เดิมทีพวกเขามาถึงวังศุทธิเซียนแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าวังก็เห็นความผิดปกติของฝั่งนี้ หลินจื่อจวินบอกว่าที่นี่น่าจะเป็นทางที่ฝั่งของคนที่ขึ้นเขาเพื่อทำการทดสอบต้องเดินผ่าน ไหนเลยที่หยุนเฟิงจะอยู่เฉยๆได้? ใช้กลหญิงงามถึงทำให้หลินจื่อจวินยอมตกลงให้เข้ามา
แต่แล้วพวกเขามองจากไกลๆก็เห็นพวกเฉิงสิบก่อน แต่กลับไม่รู้จักรพรรดิพวกเขาไปไหนแล้ว
"โหลชีพวกเขาล่ะ?" ได้ยินคำพูดประโยคนี้ หยุนเฟิงกังวลอย่างมาก
ชายชรา ก็กล่าวในฐานะเจ้าวังศุทธิเซียน "กลับไปก่อน พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์"
อวิ๋นและคนอื่นๆกัดฟัน ทิ้งคนเอาไว้เฝ้าที่นี่สองคน คนอื่นๆก็ตามกลับไปที่วังศุทธิเซียน
วังศุทธิเซียนตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุด ยอดเขาลูกนี้ตั้งอยู่ลำพัง มีระยะห่างจากยอดเขาอื่นๆค่อนข้างไกล เชื่อมต่อกันด้วยสะพานแขวนยาวกว่าร้อยเมตร มองไปจากที่นี่ ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก มุมชายคายกสูง พระอาทิตย์ตกดินที่ด้านหลังวัง ดูแล้วราวกับดินแดนแห่งสรวงสวรรค์
เมื่อพูดถึงความหรูหราอลังการ วังศุทธิเซียนไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม วังศุทธิเซียนเรียบง่ายกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก ผนังสีขาวและกระเบื้องเรียบๆยิ่งมีไอเทพมากกว่า
สะพานแขวนดูน่ากลัว ตอนที่เดินผ่านกลับมั่นคงมาก เพียงแต่ว่าตอนที่เดินผ่านซ้ายขวาก็เหมือนมีเมฆหมอกอยู่รอบกาย คลับคล้ายคลับคลานึกว่าตนเองก็กลายเป็นเซียนไปแล้ว
เพียงแต่ว่าความคิดขององครักษ์อวิ๋นและคนอื่นๆกลับไม่ได้อยู่ที่นี่ จักรพรรดิกับจักรพรรดินีล้วนหายตัวไป ตอนนี้พวกเขาก็เหมือนสูญเสียบุคคลสำคัญที่เป็นแกนหลักไป
ประตูวังของวังศุทธิเซียนเปิดกว้าง ข้างในก็ไม่ได้มีลูกศิษย์มากมายอย่างที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้ แต่กลับดูเงียบสงัดเล็กน้อย เข้าประตูก็มีขั้นบันไดยาว ขึ้นบันไดมาแล้วก็เป็นประตูที่สอง ในลานที่กว้างใหญ่มีใบอู๋ถงหลายใบปลิดปลิวพลิ้วไหว มีลูกศิษย์สองสามคนกำลังใช้ไม้กวาดทำความสะอาดอย่างสบายอารมณ์
เห็นพวกเขาเข้ามา พวกเขาหยุดการกระทำในมือ หันกลับมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
"ศิษย์คำนับเจ้าวัง อาจารย์ อาจารย์ลุง อาจารย์อา"
"เอ๋ นั่นคืออาจารย์อาเล็ก?"
"อาจารย์อาเล็กกลับมาแล้ว?"
เมื่อเสียงประหลาดใจนี้ดังขึ้นมา ในเรือนรับรองซ้ายขวามีลูกศิษย์ไม่น้อยวิ่งออกมา ท่าทีเหมือนกับจะไปเยี่ยมชมบุคคลในตำนาน
เสี่ยวโฉวตามติดอยู่ด้านข้าง ขณะที่เดินไปก็ปาดน้ำตาไปด้วย คนของวังศุทธิเซียนก็สงสัยในฐานะของนางมาก ถึงขั้นมีคนกำลังคาดเดาว่า นี่ใช่ภรรยาของซวนหยวนคงที่แต่งงานกันข้างนอกหรือไม่
ซวนหยวนคงถูกส่งไปที่ลานแห่งหนึ่ง อวิ๋นกับคนอื่นๆกลับถูกขวางเอาไว้
"แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่นี่คือที่พำนักของผู้อาวุโสวังศุทธิเซียน คนนอกไม่สามารถเข้าออกได้ตามอำเภอใจ เชิญทุกท่านย้ายไปที่เรือนรับแขก" คนที่ขวางพวกเขาเอาไว้คือผู้หญิงที่อายุประมาณสามสิบสองสามสิบสามคนหนึ่ง สาเหตุที่ไม่ใช่หญิงที่แต่งงานแล้ว เพราะนางรวบผมทรงของหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน คิ้วและตาที่ชัดเจน มีบุคลิกของเทพสตรีในลัทธิเต๋า
นางขวางเสี่ยวโฉวเอาไว้เช่นกัน
"นั่นคือพ่อบุญธรรมของแม่นายเรา" อวิ๋นกล่าวเสียงขรึม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ