อ๋องจันทราของพวกเขา ยังสู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้!
ข้อเท็จจริงนี้ทำให้พวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ไปในทันใด
ยอมแพ้ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฮ่องเต้มีคำสั่ง ศึกครั้งนี้ต้องชนะเท่านั้น ห้ามแพ้เด็ดขาด กัดฟันแล้วสู้ต่อไป
ทหารโศกเศร้า ม้าศึกคร่ำครวญ
ไม่มีสงครามใดที่ง่ายดาย ไม่มีสงครามใดที่สามารถปฏิบัติต่อกันด้วยรอยยิ้ม
ศึกครั้งนี้ สุดท้ายก็ยังคงเป็นโหลชีที่ได้รับชัยชนะ ขวัญและกำลังใจของทัพใหญ่ซวนหยวนและทัพใหญ่ซื่อฟางที่ทำหน้าที่เหมือนกองหนุนเพิ่มสูงมากขึ้น โห่ร้องดีใจในชัยชนะ แต่ภายในใจของโหลชีกลับไม่ได้สงบนิ่งอย่างที่นางแสดงออกมาเช่นนี้
คำพูดที่เฮ่อเหลียนเจี๋ยพูดออกมาก่อนที่จะหมดสติไปประโยคนั้นทำให้ในใจของนางรู้สึกสงสัยขึ้นมารางๆ
เดิมทีนางวางแผนจะนำทัพบุกโจมตีเข้าไปในเมืองหลวงเฮ่อเหลียนในคราวเดียวโดยตรง แต่ว่าในนาทีสุดท้ายนางกลับออกคำสั่งให้ทัพใหญ่ปักหลักล้อมเมืองเอาไว้ รั้งทัพเอาไว้รอจังหวะบุกทีชั่วคราว และตัวนางเองก็อยู่ในค่ายทหารโดยไม่ก้าวออกมาเลย
"จักรพรรดินี ท่านไม่สบายตรงไหนใช่ไหม?" เฉิงสิบไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมโหลชีถึงไม่รีบโจมตีเข้าไปในเมืองหลวง ในใจก็เป็นห่วงนาง ดังนั้นหลังจากที่ปักหลักลงมาเรียบร้อยแล้วเขาก็อดที่จะมาหาโหลชีแล้วสอบถามไม่ได้
โหลชีส่ายหน้า: "ไม่ ข้าไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหน" จะบอกว่าสู้รบกันมานานหลายวันขนาดนี้ ก็เดินหน้ามาตลอดทาง เหนื่อยล้าย่อมมีเล็กน้อย แต่ว่าไม่มีอาการบาดเจ็บและไม่ได้เจ็บตรงไหน ได้รับชัยชนะมาตลอด อย่างไรก็ไม่มีอะไรที่ไม่สบายเลย
"เช่นนั้น......"
โหลชียืนอยู่ข้างโต๊ะไม้ที่เรียบง่ายโต๊ะหนึ่ง บนโต๊ะมีขวดเล็กขวดน้อยวางอยู่เต็มไปหมด นางกำลังถือท่อทองเหลืองเล็กปรุงอะไรบางอย่างอยู่ ได้ยินเฉิงสิบอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ นางเงยหน้าขึ้นมามองดูเขาครู่หนึ่ง จู่ๆในใจก็รู้สึกสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยกะทันหัน
เฉิงสิบติดตามอยู่ข้างกายนางมาปีครึ่งแล้ว ในตอนนั้นเขาแค่ดูหล่อเหลาไร้ที่เปรียบ แต่ว่าเฉิงสิบในตอนนี้ดำกว่าตอนที่เห็นในครั้งแรกเล็กน้อย คนกลับดูสุขุมมากยิ่งขึ้น เสน่ห์ก็เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
"เฉิงสิบ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของโหลวซิ่นกับอิ้นเหยาเฟิงไปกันได้ไม่เลวใช่ไหม?"
เฉิงสิบคิดไม่ถึงว่าจู่ๆนางจะถามคำถามข้อนี้ ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย: "น่าจะ......ไม่เลวมั้ง"
ความจริงแล้ว ไหนเลยจะแค่ไม่เลวเท่านั้น?
เมื่อครู่นี้เดิมทีเขาอยากจะไปเรียกโหลวซิ่นมาหาจักรพรรดินีพร้อมกัน แต่กลับหาโหลวซิ่นเจอที่ริมลำธารแห่งหนึ่ง และตอนนั้นอิ้นเหยาเฟิงก็อยู่ด้วยเช่นกัน
หลายวันมานี้ อิ้นเหยาเฟิงกับชิวชิ้นเฟิงก็ติดตามอยู่กับกองทัพ ต่อสู้ในสนามรบ ไม่แพ้ให้กับผู้ชายเลยแม้แต่น้อย ในการสู้รบครั้งนี้ อิ้นเหยาเฟิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บาดเจ็บบริเวณเอว เรื่องนี้เขากับโหลวซิ่นต่างก็ได้ยินชิวชิ่นเซียนพูดตอนที่กำลังตั้งแคมป์อยู่ ตอนนั้นโหลวซิ่นก็เดินออกไปเลย
ตอนที่เขาหาเจอ โหลวซิ่นกำลังพันแผลให้กับอิ้นเหยาเฟิง มือกำลังพันแผลอยู่ ริมฝีปากของทั้งคู่กลับสัมผัสอยู่ด้วยกัน ผ้าคาดเอวของอิ้นเหยาเฟิงคลายออก เสื้อผ้าถูกยกขึ้น หลังจากที่มือของโหลวซิ่นพันผ้าพันแผลแน่นแล้วก็สัมผัสขึ้นไป อิ้นเหยาเฟิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ จากนั้นเขาก็เห็นโหลวซิ่นทับนางลงไปบนพุ่มหญ้าที่หนาทึบ
สิ่งที่ผิดจริยธรรมอย่ามอง
เขาย่อมต้องรีบเดินจากไปอยู่แล้ว แต่ก็ยังได้ยินโหลวซิ่นกล่าวถามออกมาคำหนึ่งด้วยลมหายใจที่ไม่มั่นคงรางๆ: "เหยาเหยา เมื่อไหร่จะให้ข้า?"
ตอนนั้นเขายังเกือบจะสะดุดล้มลงไป
กว่าจะผลักภาพฉากนั้นและคำพูดคำนั้นของโหลวซิ่นออกจากหัวไปได้ไม่ง่ายเลย ตอนนี้จู่ๆโหลชีกลับถามถึงพวกเขาสองคนขึ้นมากะทันหัน ใบหน้าหล่อเหลาของเฉิงสิบก็อดที่จะแดงขึ้นมาอีกไม่ได้
เดิมทีก็หล่อเหลาไร้ที่เปรียบอยู่แล้ว ใบหน้าแดงขึ้นถึงกับมีความรู้สึกถึงเสน่ห์ที่ชั่วร้ายเล็กน้อย โหลชียิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวถามว่า: "เฉิงสิบของเรายิ่งอยู่ก็ยิ่งหล่อเหลาแล้ว เคยคิดหรือไม่ว่า หลังจากที่เรื่องราวจบสิ้นลงหมดแล้ว ในตอนที่ใต้หล้าสงบสุข ก็จะแต่งสาวงามกลับมาคนหนึ่งเช่นกัน?"
"ข้าน้อยไม่อยากแต่งงาน!" เฉิงสิบโพล่งออกมา
โหลชีตะลึงงัน "ไม่อยากแต่งงาน?"
ในความเห็นของนาง เฉิงสิบที่หล่อเหลาขนาดนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงมากมาย และเขาก็ยังหนุ่มแน่นขนาดนี้ นางไม่เคยคิดว่าจะให้องครักษ์ที่อยู่ข้างกายโดดเดี่ยวเดียวดาย ทางที่ดีที่สุดคือทุกคนล้วนมีคู่ที่ดีถึงจะได้ ก่อนหน้านี้นางดูออกมาว่า อิ้นเหยาเฟิงชอบเฉิงสิบ แต่ว่าเฉิงสิบก็ไม่ได้สนใจนาง แล้วโหลวซิ่นก็ชอบอิ้นเหยาเฟิงอีก นางยังกลัวว่ารักสามเส้าเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของเฉิงสิบกับโหลวซิ่น แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายอิ้นเหยาเฟิงจะเข้าใจ และยอมรับโหลวซิ่น
เช่นนี้ก็ดี
แต่ว่าแล้วเฉิงสิบจะทำอย่างไรล่ะ?
"ข้าน้อยไม่อยากแต่งงาน" เฉิงสิบกล่าวซ้ำขึ้นมาอีกคำหนึ่ง
โหลชีอดที่จะกล่าวถามขึ้นมาไม่ได้: "ดูเหมือนชิ่นเซียนก็ชอบเจ้าเช่นกัน"
"ต่อไปนางจะเจอกับคนที่ชอบนางเช่นกัน"
ได้ยินเฉิงสิบพูดเช่นนี้ โหลชีก็ไม่ได้ถามต่อไปอีก ความรักเป็นเรื่องของตนเอง เมื่อครู่นี้นางบอกว่าชิ่นเซียนชอบเฉินสิบ สำหรับชิ่นเซียนแล้วมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว
นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เฉิงสิบกล่าวถามว่า: "เหตุใดจักรพรรดินีถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน?"
เรื่องราวจบสิ้นลงหมดแล้ว ใต้หล้าสงบสุข แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เขาเป็นองครักษ์ของนาง? ถึงแม้จะเป็นตอนนั้น นางก็ควรจะมีองครักษ์ไม่ใช่หรือ? นางในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเล็กน้อย ราวกับว่าถึงเวลานั้นนางอาจจะไม่อยู่แล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจของเฉิงสิบรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอย่างมาก
"ไม่มีอะไร เฉิงสิบ ข้าก็แค่รู้สึกว่า......"
ก็แค่รู้สึกว่าอะไรล่ะ? โหลชีก็ไม่ได้พูดต่อไป
ก็แค่รู้สึกว่า ใต้หล้านี้แผ่นดินนี้ ตอนนั้นน่าจะมีเสด็จพ่อของตนเองกับฮ่องเต้เฉินพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มชี้แนะกันและกัน แต่ใครจะรู้ว่า ฮ่องเต้หนุ่มที่มีจิตใจที่เร่าร้อนฮึกเหิมทั้งสองพระองค์จู่ๆจะพบกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต จากนั้นก็เสียเวลาไปสิบกว่าปี
เมื่อนึกถึงว่าหลายปีมานี้ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อของตัวเองใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ไม่รู้ว่าในใจจะขมขื่นขนาดไหน ใจของนางก็รู้สึกขมขื่นอย่างมาก
"จักพรรดินี ได้รับจดหมายของจักรพรรดิ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ