ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 646

ตงสือยู่ไท่จื่อตงชิงได้ขึ้นครองราชย์แล้ว เป่ยสาวเย่าองค์หญิงรองเป่ยชางเป็นฮองเฮา นอกจากนี้ยังมีสี่เฟยเอกสิบหกสนม สาวงามนับไม่ถ้วน

หลังจากได้ยินเรื่องหมอกสีดำ เพราะว่าเป็นห่วงเป่ยชางมากเกินไป เป่ยสาวเย่าซึ่งเป็นฮองเฮาตงชิงได้ขอร้องกลับเป่ยชาง ฮ่องเต้ตงสือยู่ไปเป็นเพื่อน และได้ไปถึงเมืองนั่วราซึ่งเป็นเมืองชายแดนของเป่ยชางตั้งแต่เมื่อสิบหกวันก่อนแล้ว

พอรู้ว่าเฉินซ่าและโหลชีจะมา ตงสือยู่และฮองเฮา เจ้าเมืองเมืองนั่วรารวมถึงข้าราชบริพารร่วมเปิดประตูเมือง จัดขบวนต้อนรับ

เป่ยสาวเย่าที่ยืนข้างๆตงสือยู่มองไปด้านหน้า ยังไม่เห็นคนหรือม้าเลย

"ตอนแรกเสด็จพี่หญิงก็เคยมาที่เมืองนั่วรา" นางมองไปไกล พูดเสียงเบา "หลังจากเสด็จพี่หญิงสิ้นแล้ว ข้าคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้มาที่เมืองนั่วราอีกแล้ว ไม่คิดว่าจะมาอีกจริงๆ"

ตงสือยู่ได้ยินคำพูดของนาง ในสมองพลันผุดใบหน้างดงามผุดผาดของเป่ยฝูหรงองค์หญิงใหญ่เป่ยชางขึ้นมา

ตอนเป่ยฝูหรงตาย เขาเคยคิดผลุนผลันชั่ววูบ จะไปล้างแค้นให้นางโดยไม่สนสิ่งใด แต่ต่อมาพอรู้ว่าผู้ที่ฆ่านางคือองครักษ์อวิ๋นซึ่งเป็นหนึ่งในสี่องครักษ์ของเฉินซ่า ความคิดชั่ววูบนั่นก็พลันหายไป

สตรีผู้หนึ่ง เมื่อเทียบกับประเทศชาติแล้ว ไม่ถือว่าเป็นอะไรจริงๆ เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับเฉินซ่า บุรุษผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป ข้างกายยังมีผู้ช่วยมือฉมังอย่างโหลชีอีก

ต่อมา หลงหยินวุ่นวายหนัก ลัทธิสิ้นโลกีย์ล่มสลาย เปิดทางเชื่อมระหว่างสองแผ่นดินใหญ่ เขารู้ว่าในที่สุดตนเองก็สามารถอาศัยจังหวะนี้ทำงานใหญ่สักครา เลยเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อ ให้เขาได้ตามที่หวัง นำทัพไปแผ่นดินใหญ่หลงหยิน และเพราะอย่างนี้เขาถึงมีชื่อเสียงมากพอ พอกลับมาก็แย่งบัลลังก์มาได้ด้วยชัยชนะอันท่วมท้น

เป่ยชางนั้นยินยอมให้เป่ยสาวเย่ามาแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเขาเอง

บัดนี้บัลลังก์เป่ยชางยังอยู่ในระหว่างการแย่งชิงอยู่ แต่เขาได้แอบวางหมากไว้แล้ว ขอเพียงถึงเวลาที่เหมาะสม ผู้ที่จะได้รับการสนับสนุนขึ้นนั่งบัลลังก์มังกรย่อมเป็นองค์ชายน้อยที่รักใคร่สนิทสนมกันดีกับเป่ยสาวเย่า แบบนี้ตงชิงกับเป่ยชางก็จะเป็นพันธมิตรที่มั่นคงอย่างน้อยยี่สิบปีขึ้นไป

ดังนั้น เขาจึงรักใคร่เป่ยสาวเย่าเป็นอย่างมาก

เพียงแต่วันนี้เป่ยสาวเย่าจู่ๆก็เอ่ยถึงเป่ยฝูหรง เขาไม่สบอารมณ์พอสมควร ถึงสองปีมานี้เป่ยสาวเย่าจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก แต่ยังห่างไกลจากแม่แห่งแผ่นดินและมีมารยาทสง่างามมีคุณธรรมอยู่พอสมควร ยกตัวอย่างเช่น นางมักจะเอ่ยถึงเป่ยฝูหรงขึ้นมาเป็นระยะ เพราะว่าตอนแรกเขาจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเป่ยฝูหรง และยังโดนนางรู้เรื่องหนึ่งเข้า นั่นก็คือเขาได้ครอบครองเรือนร่างเป่ยฝูหรงนานแล้ว หรือกระทั่ง มีครั้งหนึ่งที่เขาพึ่งมีสัมพันธ์กับเป่ยฝูหรงยังโดนเป่ยสาวเย่าพบเห็นเข้าอีก

สาวงามในชุดหรูหราฉบับวังหลวงข้างกายพวกเขาคนหนึ่งลอบสังเกตสีหน้าตงสือยู่ และดูออกว่าเขาไม่พอใจ เลยยิ้มหวานบอกเป่ยสาวเย่าว่า "ฮองเฮาไม่ควรเอ่ยถึงองค์หญิงใหญ่เป่ยชางต่อหน้าจักรพรรดิจักรพรรดินีต้าเซิ่งนะเพคะ ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจคิดว่าตอนนี้ฮองเฮาอยากคิดบัญชีเก่าก็เป็นได้" เป่ยฝูหรงถือว่าตายภายใต้เงื้อมมือต้าเซิ่ง ตอนนั้นองครักษ์อวิ๋นจะทำลายการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างตงชิงและเป่ยชาง เพราะตอนนั้นต้าเซิ่งยังอ่อนแอ ไม่ว่าเป่ยชางหรือตงชิงล้วนเป็นอันตราย

เรื่องการเมือง มันยากที่จะพูดว่าผิดหรือถูก

ตอนนั้นใครก็ไม่คิดว่า เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ บัดนี้ต้าเซิ่งได้กลายเป็นประเทศแข็งแกร่ง อยู่ในระดับสูงที่พวกเขาต้องแหงนคอมองแล้ว

เวลานี้ใครกล้ามาคิดบัญชีเก่ากัน?

อีกอย่าง การมาในครั้งนี้ของจักรพรรดิจักรพรรดินีต้าเซิ่ง ก็มาเพื่อช่วยเป่ยชาง

หากยังไร้หนทางควบคุมหมอกดำอีก เป็นไปได้อย่างมากว่าเป่ยชางจะโดนกลืนกินทั้งประเทศ มันเป็นความเสี่ยงมหันต์ที่ประเทศจะล่มสลาย

บัดนี้ผู้คนทั่วทั้งเป่ยชางล้วนหัวใจหวาดหวั่น เห็นจักรพรรดิจักรพรรดินีต้าเซิ่งประหนึ่งฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย ทำการต้อนรับขับสู้อย่างไร้ใครเทียมต่อการมาของพวกเขา หากพวกเขายังทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจอีก น่ากลัวจะทำราษฎรตนเองลุกฮือประท้วงเลยก็เป็นได้

"ฮุ่ยเฟย ข้าพูดกับฝ่าบาท เจ้ากล้าแทรกคำรึ?" เป่ยสาวเย่าโกรธจัด พลันยกมือขึ้นตบไปฉาดใหญ่ทันที

สตรีในชุดฉบับวังหลวงงดงามนี้คือฮุ่ยเฟยซึ่งเป็นหนึ่งในสี่พระสนมต้าเซิ่ง มาเมืองนั่วราครั้งนี้ นอกจากเป่ยสาวเย่าแล้ว ตงสือยู่ยังพาหนึ่งสนมเอกหนึ่งสนมมาด้วย เพราะเป่ยสาวเย่าตั้งครรภ์แล้ว ไม่สะดวกปรนนิบัติตงสือยู่

และความงามของฮุ่ยเฟยผู้นี้ก็สามารถทัดเทียมกับเป่ยฝูหรงในตอนนั้นได้อยู่สามส่วน เลยกลายเป็นหอกข้างแคร่ของเป่ยสาวเย่า ทั้งสองคนแค้นกันมานาน ครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ลงมือกันอย่างเป็นทางการ

ฮุ่ยเฟยโดนฝ่ามือฉาดนี้จนล้มไปกองกับพื้น นางกำนัลสองนางข้างหลังนางอุทานตกใจพลางรีบเข้าไปพยุงนาง

ตงสือยู่โกรธจัด คว้าหมับข้อมือเป่ยสาวเย่าทันที ตะคอกอย่างโกรธจัดว่า "ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย มิกลัวขายหน้ารึ?"

"ข้าสั่งสอนพระสนมที่ไม่รู้ขนบธรรมเนียมคนหนึ่ง มีอันใดน่าขายหน้ากัน?"

"แย่ล่ะ เลือด ฮุ่ยเฟยเลือดออกแล้ว!" นางกำนัลคนหนึ่งพลันร้องอุทานขึ้นอย่างหวาดกลัว

ตงสือยู่รีบหันไปมองทันที และเห็นกระโปรงสีม่วงอ่อนของฮุ่ยเฟยเริ่มมีรอยเลือดซึมออกมา

สภาพเช่นนี้ ใครต่างก็เข้าใจว่ามันเรื่องอะไรกัน

เขาทั้งโกรธทั้งตกใจ "ฮุ่ยเฟยตั้งครรภ์แล้ว เหตุใดไม่พูด?"

ฮุ่ยเฟยหน้าซีดเผือด น้ำตาอาบแก้ม "ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ หม่อมฉันก็ไม่ทราบเช่นกัน..."

ในสภาพเหตุการณ์อลหม่านเช่นนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า บนถนนหลักมีกลุ่มคนท่าทางองอาจควบม้าเหาะทะยานมา ตรงกันข้ามหลายคนที่ตั้งตาตั้งตารออยู่ที่เพิงน้ำชาด้านหน้าบนถนนห่างไปไม่ไกลเห็นเข้าพอดี

"คุณชาย อาจารย์ รีบดูเร็ว พวกคุณชายชีมาแล้วใช่หรือไม่?"

คนพวกนี้คือคนตระกูลเซียว

เจ้าตระกูลเซียวหั่ว คุณชายเซียวฉิง และต้าหนิวลูกศิษย์ซึ่งได้เรียนสำเร็จวิชาตีอาวุธเมื่อสองปีก่อนแล้ว แต่ยังตั้งใจแรงกล้าที่จะอยู่ที่ตระกูลเซียวต่อ

ตระกูลเซียวนี้ ตอนนั้นเป็นโรงหลอมอาวุธอันดับต้นๆของแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง แส้ปลิดวิญญาณของโหลชี กระบี่ดื่มเลือดของเฉินซ่าล้วนมาจากฝีมือตระกูลเซียว

เพียงแต่ตอนนั้นเซียววั่งลูกบุญธรรมของตระกูลเซียวได้ถูกเป่ยฝูหรงซื้อตัวเพราะความละโมบส่วนตัว จะให้ร้ายตระกูลเซียว พาคนไปเผชิญอันตรายกับพวกโหลชีที่ทะเลสาบลืมทุกข์ ตอนนั้นโหลชีมาที่นี่ด้วยฐานะคุณชายชีในสภาพแต่งกายเป็นชาย ในทางใต้ดินของทะเลสาบลืมทุกข์ เซียววั่งได้ค้นพบครั้งแรกว่านางเป็นสตรี และหันมองหน้าอกนางอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็โดนเฉินซ่าซัดพลังระเบิดดวงตาไปข้างหนึ่ง

ส่วนเซียวหยงคุณหนูห้าเซียวที่มีความปรารถนาแรงกล้ามากเกินไป ก็โดนเซียววั่งหลอกใช้เพราะอยากได้เฉินซ่า สุดท้ายก็มีจุดจบน่าอนาถ

ตระกูลเซียวไม่โกรธแค้นเฉินซ่าโหลชี แต่กลับแค้นเคืองเป่ยฝูหรงและเซียววั่ง ต่อมาเป่ยฝูหรงตาย พวกเขายังฉลองกันยกใหญ่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ