"อ้อ มาแล้ว มาแล้ว" เมื่ออันเสวี่ยถังรู้สึกตัวก็รีบผลักรถเข็นเข้ามา
โม่อวิ๋นจิ่งใช้กำลังแขนของตนเองขยับรถเข็น แล้วอันเสวี่ยถังก็ผลักรถเข็น
อันเสวี่ยถังยกโจ๊กมาให้เขาถ้วยหนึ่งแล้วดันมาตรงหน้าของเขา "ดื่มโจ๊กสักหน่อยสิ"
"ได้ ขอบคุณนะ" โม่อวิ๋นจิ่งแทบไม่เคยกล่าวคำขอบคุณเลย
อันเสวี่ยถังยิ้มจางๆ "อย่าห่วงไปเลย ข้าไม่ปล่อยให้ท่านต้องอดตายหรอก"
นางหิวเหลือเกิน ยามนี้นางเองก็ดื่มโจ๊กไปบ้างแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีตัวยาอยู่ในนั้น แต่นางดื่มแล้วก็หาเป็นอันใดไม่
โม่อวิ๋นจิ่งดื่มไปสองคำ แววตากลับยิ่งทวีความลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำกลิ่นยาที่อยู่ข้างในก็ฉุนจัด ถึงแม้ว่าเขาจะนึกสงสัยอยู่ในใจ แต่กลับมิได้ถามออกมา
หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว เขากลับพบว่าความรู้สึกหดหู่ใจกลับบรรเทาลง
เขาเงยหน้ามองอันเสวี่ยถัง ฝ่ายหลังนึกว่าเขาอยากกินเนื้อกระต่าย ดังนั้นนางจึงใช้ตะเกียบของตนเองคีบให้เขาอีกสองสามชิ้น "กินเถอะ ข้าเก็บส่วนของอวิ๋นลิ่วเอาไว้ให้แล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เขาจะหามีอันใดกินหรอก”
"อืม"
ไม่กี่เฟินจง1 ต่อมา โม่อวิ๋นจิ่งก็เป็นฝ่ายวางตะเกียบลงก่อน เขามองอันเสวี่ยถังกินอยู่เงียบๆ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า
"ถังถังมักจะป้อนคนเขาแบบนี้หรือ?"
"!" อันเสวี่ยถังพลันกระอักกระไอเสียจนลมหายใจขาดห้วง นางจึงสงบสติอารมณ์ก่อนจะจ้องมองมาที่เขา "อย่ามาเอาเปรียบข้าแล้วแสร้งทำตัวน่าสงสารเชียวนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าป้อนผู้ใดสักคน"
ไม่ว่านางจะป้อนอย่างไร ก็เป็นครั้งแรกมิใช่หรือ?
ในโลกใบนั้น ใครจะกล้าให้อันเสวี่ยถังป้อนกันเล่า?
เมื่อได้ยินคำตอบที่แฝงไปด้วยโทสะ โม่อวิ๋นจิ่งก็ยิ้มแล้วจู่ๆ เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ภาพที่เมื่อสักครู่นี้นางป้อนยาให้เขาวนเวียนอยู่ในหัว พอนึกถึงเรื่องนั้น เขาก็รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของนางช่างดูคุ้นเคย
เขาจึงอดมิได้ที่จะอยากรู้ว่านางเคยทำเช่นนี้กับผู้อื่นหรือไม่ พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็พาลให้เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาบ้าง
"นับเป็นเกียรติที่ได้เป็นครั้งแรกของเจ้า"
อันเสวี่ยถัง "..."
ความรู้สึกราวกับถูกขืนใจเช่นนี้มันอันใดกัน?
นางลอบเงยหน้ามองเขา แต่กลับพบว่าเขามีสีหน้าเป็นปกติราวกับเขาเพิ่งจะเอ่ยขึ้นมาว่า 'อากาศดีจัง'
อันเสวี่ยถังหน้าตาแดงก่ำและแสร้งทำเป็นมิได้ยิน จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นลิ่วก็กลับมา เขาแลกสัตว์ที่ล่าได้มาเป็นอาหารมากมาย ถึงแม้ว่าแป้งกับข้าวขาวจะมีราคาแพง แต่เขาก็เอากลับมาด้วยอีกสองถุงใหญ่
เมื่อเห็นว่าอันเสวี่ยถังมิได้หนีไปและถึงกับเหลืออาหารเอาไว้ให้เขาอีกต่างหาก อวิ๋นลิ่วก็รู้สึกโล่งอก
แต่โล่งอกก็ส่วนโล่งอก หาได้ส่งผลต่อภารกิจในคืนนี้ของเขาไม่
...
ในยุคนี้ไม่มีทั้งโทรศัพท์หรือโทรทัศน์ หลังอาหารมื้อเย็น อันเสวี่ยถังก็รู้สึกเบื่อ หลังจากเดินรอบลานเรือน นางก็ตัดสินใจว่าจะขึ้นเขาอีกครั้ง
"พี่สะใภ้ เจ้าจะไปไหนอีกเล่า?"
อวิ๋นลิ่วขวางนางเอาไว้อีกครั้ง
อันเสวี่ยถังกลอกตา "เจ้ายังคิดว่าข้าจะหนีอยู่อีกหรือ?"
อวิ๋นลิ่วเอาแต่นิ่งเงียบ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดอยู่
อันเสวี่ยถังพลันหรี่ตามองเขา "อวิ๋นลิ่ว เจ้ายังมีเงินอยู่หรือไม่?"
อวิ๋นลิ่วแตะถุงเงินตรงเอวโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ส่ายหน้าแรงๆ "ไม่มีหรอก"
ก่อนที่จะเกิดเรื่อง เขากับนายท่านของตนไม่มีเงินติดตัวเลย มิหนำซ้ำพวกเขาก็ใช้ตั๋วแลกเงินที่พกติดตัวมาไม่ได้ เพราะเกรงว่าอาจจะเปิดเผยตำแหน่งของพวกเขาได้
หลังจากเกิดเรื่อง เขาก็พานายท่านของเขาก็มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เมื่อสามเดือนก่อน เขาหาเงินได้เล็กๆ น้อยๆ จากการล่าสัตว์ในหุบเขา
เขาต้องจ่ายเงินค่ายาให้นายท่านของตนอยู่ทุกเดือน ในที่สุดเขาก็เก็บเงินได้กว่ายี่สิบตำลึง โดยใช้เงินยี่สิบตำลึงเพื่อจ่ายเป็นค่าสินสอดของนาง ฉะนั้นย่อมไม่มีเงินเหลืออีกต่อไปแล้ว
เขาเหลือเงินอยู่แค่ไม่กี่ตำลึงอยู่ในถุงเงิน อีกทั้งเขายังต้องซื้อยามาให้นายท่านของตน ดังนั้นเขาย่อมให้อันเสวี่ยถังมิได้
"หาเป็นอันใดไม่ ในเมื่อเจ้าไม่มีเงิน ข้าจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรเอามาขายแลกเงินเป็นอย่างไร? เจ้าต้องมีเงินติดไม้ติดมือเสียบ้างจึงจะยังชีพได้กระมัง?"
โม่อวิ๋นจิ่งฟังทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่อีกด้านหนึ่ง เขามองอันเสวี่ยถังด้วยสายตาครุ่นคิด เขาให้สัญญาว่าวันนี้จะปล่อยนางไป ทว่าลำคอของเขาก็ขยับอยู่หลายครั้งโดยที่ยังคงพูดไม่ออก
เขาไม่รู้ว่าตนเองลังเลใจเพราะฝีมือการทำอาหารหรือยาที่นางเตรียมขึ้นมากันแน่
สุดท้ายเขาก็มิได้กล่าวสิ่งใดออกมา
หลังจากนั้นสักพัก จู่ๆ อวิ๋นลิ่วก็นึกถึงสิ่งที่วันนี้ตนซื้อมาได้ เขาจึงวิ่งเข้าไปในห้องแล้วหยิบขนมไม่กี่ชิ้นมายื่นให้อันเสวี่ยถัง
"พี่สะใภ้ นี่ของเจ้า"
"อันใดกันหรือ?"
"พี่ใหญ่บอกให้ข้าซื้อขนมมาให้เจ้า"
โม่อวิ๋นจิ่ง "???" ไฉนผู้เกี่ยวข้องอย่างเขาถึงไม่รู้เรื่องเลยเล่า?
อันเสวี่ยถังที่อยู่อีกทางหนึ่งกลับมีสีหน้าประทับใจ นางไม่คาดคิดเลยว่าสามีของตนจะช่างเอาใจใส่มากถึงเพียงนั้น
อันเสวี่ยถังมิได้คิดมากเรื่องนั้น นางจึงรับขนมไม่กี่ชิ้นมากินโดยมิได้ลังเลใจ
แต่... ไฉนถึงรสชาติแปลกๆ เล่า? ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นยาด้วยกระมัง?
มีคำตอบหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว แต่ก่อนที่อันเสวี่ยถังจะทันได้ถามอันใดก็ถูกอวิ๋นลิ่วขัดจังหวะเอาไว้
หลังจากอวิ๋นลิ่วเห็นนางกินเข้าไปแล้ว เขาก็หันหลังแล้ววิ่งหนีไป "พี่ใหญ่ Brother and sister-in-law, please go in and rest early. I'll go to bed first."
โม่อวิ๋นจิ่ง, อันเสวี่ยถัง "..."
"คืนนี้เขาออกจะแปลกๆ อยู่บ้างนะ ท่านคิดว่าอย่างไร?"
"ใช่"
ดวงตามืดดำของโม่อวิ๋นจิ่งฉายแววลึกล้ำ จากนั้นเขาก็เหลือบมองขนมอีกสองชิ้นที่เหลือด้วยเจตนาอันคลุมเครือ
______________________________
1 หน่วยนับเวลาเป็น นาที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา
ลงต่อไหมคะ...