สรุปเนื้อหา ตอนที่ 5 ช่างงดงามโดยแท้ – บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา โดย วรรณิชา ศรีสุวรรณ
บท ตอนที่ 5 ช่างงดงามโดยแท้ ของ บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา ในหมวดนิยายโรแมนติกโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย วรรณิชา ศรีสุวรรณ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
???
ตอนที่อันเสวี่ยถังกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นางก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของนางค่อยๆ สม่ำเสมอ โม่อวิ๋นจิ่งก็ลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดแล้วหันหน้ามามองนาง
สายตาของเขาเฉียบคมยิ่งนัก ต่อให้อยู่ท่ามกลางราตรีอันมืดมิดเช่นนั้น เขาก็มองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน
นางเป็นผู้ใดกันแน่?
หญิงชาวบ้านจะมีวิชาแพทย์ได้อย่างไรกัน?
เมื่อสักครู่ตอนที่นางแตะขาของเขา เห็นได้ชัดว่านางเฝ้าวนเวียนอยู่ตรงบริเวณที่ขาหักอยู่นาน ถึงแม้ว่านางจะพยายามปกปิดมือของตนเองสักเพียงใด เขาก็บอกได้ว่านางกำลังจับชีพจรของเขาอยู่
โม่อวิ๋นจิ่งดวงตามืดดำและเคลือบคลุม หลังจากจ้องมองนางอยู่นาน เขาก็ค่อยๆ หลับไป
…
วันรุ่งขึ้น
เมื่อฟ้าสาง อันเสวี่ยถังค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่นางเห็นก็คือใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง
อันเสวี่ยถังนึกกับตนเองว่าหากนางได้เห็นใบหน้าเช่นนี้ทุกวันไปชั่วชีวิต นางก็ไม่เสียใจแล้ว
ก่อนที่โม่อวิ๋นจิ่งจะตื่น อันเสวี่ยถังก็สงบสติอารมณ์พลางลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปข้างนอก
ระหว่างที่กำลังล้างหน้า นางก็ตักน้ำขึ้นมาอ่างหนึ่ง จากนั้นอันเสวี่ยถังก็ได้เห็นหน้าตาของตนเองเป็นครั้งแรก สตรีที่อยู่ในน้ำมีแก้มซูบตอบ แต่กลับมีดวงหน้าอ่อนช้อยและผิวขาวเนียน ช่างงดงามโดยแท้
หลังจากล้างหน้าเสร็จ อันเสวี่ยถังก็เข้าไปในครัว เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงแค่แป้งถุงเล็กๆ นางก็ตัดสินใจที่จะใช้มันมาทำเส้นหมี่ขาว ถึงแม้ว่าทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครทำเส้นหมี่ขาวกันแล้ว แต่อันเสวี่ยถังก็ไม่คิดจะตระหนี่กับอาหารของตนเอง
นางเพิ่งจะนวดแป้งเสร็จและกำลังจะใส่ลงหม้อ อวิ๋นลิ่วก็เข้ามาในครัว เมื่อเขาเห็นอันเสวี่ยถังก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วแสร้งกล่าวด้วยท่าทีไม่ยี่หระว่า "พี่สะใภ้ ข้าไปแลกไข่ที่หมู่บ้านมาด้วย"
อันเสวี่ยถังรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก "ดีเลย ข้าเพิ่งจะทำบะหมี่ ใส่ไข่ลงไปก็พอดี"
อวิ๋นลิ่วส่งเสียงเป็นเชิงเห็นด้วยแล้วยื่นไข่ให้นาง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป แผ่นหลังของเขาก็แลดูผิดหวัง
แน่นอนว่าเขาต้องผิดหวังอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าอันเสวี่ยถังยังมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาทำอาหารมื้อเช้าได้ ดูเหมือนว่านายท่านของเขาจะยังมิได้เข้าหอกับนาง
อันเสวี่ยถังหาได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ หลังจากกินบะหมี่เสร็จแล้ว พวกเขาทั้งสามคนก็กินอาหารมื้อเช้าง่ายๆ
หลังจากอาหารมื้อเช้า อันเสวี่ยถังก็เสนอว่าจะขึ้นไปบนเขา ทำให้บุรุษทั้งสองคนต่างจ้องมองมาที่ตัวนาง
"กะ... เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?" อันเสวี่ยถังโดนจ้องมองเขม็งเสียจนรู้สึกหนังศีรษะชาหนึบ
อวิ๋นลิ่วลุกขึ้นด้วยท่าทีเดือดดาล "อย่าแม้แต่จะคิดหนีเลย!"
อันเสวี่ยถัง "..."
ที่แท้ก็เข้าใจผิดนี่เอง
ถึงแม้ว่าโม่อวิ๋นจิ่งจะมิได้เอ่ยสิ่งใด แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็คิดเช่นนั้น
"ข้าหาได้คิดจะหนีไม่"
"เช่นนั้นเจ้าก็จงอยู่กับบ้านแล้วก็ทำตัวให้ดีๆ" อวิ๋นลิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "วันนี้ข้าจะเข้าเมืองไปแลกสัตว์ที่ล่าได้มาเป็นอาหาร เจ้าอยู่ที่เรือนคอยดูแลพี่ใหญ่ของข้าเถอะ"
อันเสวี่ยถังเลิกคิ้ว "พี่ใหญ่ของเจ้าไม่จำเป็นต้องให้ข้าคอยดูแลเขาอยู่ตลอดเวลาหรอก เขาสามารถดูแลตัวเองได้"
"ไม่ได้ผลหรอก" ดูเหมือนไม่ว่านางจะกล่าวอันใด อวิ๋นลิ่วก็ไม่ฟังเลยสักนิด "เจ้าจงอยู่ที่เรือนอย่างสบายใจเถอะ"
"เช่นนั้นเจ้าคิดจะกักขังข้าเอาไว้ในเรือนกระนั้นหรือ?" สายตาของอันเสวี่ยถังแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
"ข้า…"
"เจ้าไปเถอะ" โม่อวิ๋นจิ่งเอ่ยขัดคำพูดของอวิ๋นลิ่วด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
"พี่ใหญ่" อวิ๋นลิ่วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่อซื้ออันเสวี่ยถังมาให้เจ้านายของตนเอง ถ้าเขาปล่อยนางไป ก็อาจจะไม่มีเงินพอที่จะซื้ออีกคนแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น อันเสวี่ยถังก็ดูดีกว่าสตรีในหมู่บ้านพวกนั้น ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่วันข้างหน้านางจะได้เป็นอนุ
โม่อวิ๋นจิ่งแววตามืดมน จากนั้นเขาก็เหลือบมองอวิ๋นลิ่ว ส่วนอวิ๋นลิ่วก็มิกล้าเอ่ยคำพูดดังที่คาดคิดเอาไว้
อันเสวี่ยถังแวววตามืดดำ นางไม่มีความอดทนมากพอที่จะมารับมือกับเขาหรอกนะ
นางเดินตรงเข้ามาหาเขา สมัยก่อนมีกฎเกณฑ์เรื่องที่ว่าบุรุษและสตรีมิพึงถูกเนื้อต้องตัวกัน ดังนั้นนางจึงได้แต่เดินเข้ามาหาเขา นางไม่เชื่อหรอกว่าอวิ๋นลิ่วจะปล่อยให้นางที่เป็นพี่สะใภ้แต่เพียงในนามมาถูกเนื้อต้องตัว
อวิ๋นลิ่วรู้สึกโกรธจัด แต่เขาก็ทำให้อันเสวี่ยถังเดิมพันถูกข้าง เมื่อเห็นว่านางเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ อวิ๋นลิ่วก็หลบเลี่ยงนางจริงๆ
เมื่ออันเสวี่ยถังเห็นว่าเกิดระยะห่างขึ้นมาแล้ว จู่ๆ นางก็วิ่งออกไปทันที
อวิ๋นลิ่วก้าวเท้าขึ้นหมายจะไล่ตามนางไป แต่โม่อวิ๋นจิ่งกลับเอ่ยขึ้นอย่างทันท่วงทีว่า "อวิ๋นลิ่ว"
อวิ๋นลิ่วหยุดฝีเท้าลงด้วยท่าทีฝืนใจ "นายท่าน นางไปมิได้นะขอรับ"
"เมื่อวานนี้ข้าบอกแล้วว่าข้าจะปล่อยนางไป ต่อให้นางฉวยโอกาสหนีไป ก็หาเป็นอันใดไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็เชื่อว่านางจะกลับมา"
อวิ๋นลิ่วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาไม่คิดว่านางจะกลับมาหรอก นางไม่อยากแต่งเข้ามาตั้งแต่ทีแรกแล้ว เมื่อวานนี้นางถูกคนวางยาแล้วฝืนบังคับจับตัวมาที่นี่ วันนี้พลกำลังของนางฟื้นกลับคืนมาแล้ว อวิ๋นลิ่วรู้สึกว่านางย่อมต้องหนีไปอย่างแน่นอน
"ไปแลกอาหารมาเถอะ ส่วนนาง... มิต้องกังวลเรื่องของนางหรอก" โม่อวิ๋นจิ่งเอ่ยด้วยท่าทีตรึกตรอง
อันเสวี่ยถัง... นางจะกลับมา
ถึงแม้ว่าเขาจะมิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่เขากลับเชื่อนาง
…
อันเสวี่ยถังที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ขึ้นเขามาแล้ว นางก็แค่ลองดู ที่แท้ขอเพียงนางลอบเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาในหัวว่านางอยากได้ยินเสียงของโม่อวิ๋นจิ่งกับผู้อื่น นางก็จะได้ยินเสียงพวกเขาจริงๆ
แต่ก็ใช่ว่าจะได้ยินไปเสียทุกเมื่อ นางจะได้ยินเสียงเฉพาะภายในรัศมีห้าสิบหมี่ หากเกินกว่าขอบเขตนี้ นางก็จะไม่ได้ยินเสียง
อันเสวี่ยถังอยากรู้นักว่าดรรชนีทองคำมุ่งเป้ามาที่โม่อวิ๋นจิ่งแต่เพียงผู้เดียวหรือว่าสามารถใช้กับผู้อื่นก็ได้กันแน่
ยามที่อันเสวี่ยถังกำลังขึ้นเขาก็ได้พบผู้คนในหมู่บ้าน นางมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นนางจึงมีความประทับใจในตัวคนพวกนี้
นางหลบเลี่ยงพวกเขาแล้วลอบเข้าไปในหุบเขาลึก เมื่อนางอยู่ห่างจากคนพวกนั้นมาหลายสิบหมี่ อันเสวี่ยถังก็อยากจะทดสอบดรรชนีทองคำของตนเอง
เมื่อนางได้ยินสิ่งที่คนพวกนั้นพูดคุยกันอย่างชัดเจน อันเสวี่ยถังก็รู้สึกดีใจเหลือล้น สวรรค์ปฏิบัติกับนางดียิ่งนัก หลังจากเดินทางข้ามเวลา ช่างน่าประหลาดใจที่นางได้รับดรรชนีทองคำดังกล่าว ช่างแสนวิเศษไปเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา
ลงต่อไหมคะ...