เข้าสู่ระบบผ่าน

บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา นิยาย บท 9

อวิ๋นลิ่ว อันเสวี่ยถัง "!"

น้ำเสียงของโม่อวิ๋นจิ่งที่ฟังดูเศร้าโศกราวกับสะใภ้ตัวเล็กๆ ประกอบกับสายตาที่ฉายแววน่าสงสาร พลันปลุกกระตุ้นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะปกป้องในใจของอันเสวี่ยถังขึ้นมาทันที

นางคิดว่าตนเองอาจจะคลั่งคนหล่อเข้าแล้ว

ใบหน้าเช่นนี้ช่างหล่อเหลามากเสียจนนางไม่อาจทนเขาทำหน้าตาน่าสงสารเช่นนั้นได้

"พี่ใหญ่ ให้นางอยู่มิได้เชียวนะ!" อวิ๋นลิ่วรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้พาหมาป่าเข้าบ้านมาเสียแล้ว

อันเสวี่ยถังไม่คิดจะพูดคุยกับอีกฝ่าย ทว่าเอาแต่มองมาที่โม่อวิ๋นจิ่งด้วยสายตาขรึมเคร่ง "อาจิ่ง ท่านอยากให้ข้าอยู่จริงๆ หรือ?"

โม่อวิ๋นจิ่งพยักหน้า "ใช่แล้ว"

อวิ๋นลิ่วสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอันมาก เขากำลังจะโต้แย้งอันใดสักอย่าง แต่กลับถูกสายตาของโม่อวิ๋นจิ่งห้ามปรามเอาไว้

อันเสวี่ยถังกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นว่าโม่อวิ๋นจิ่งค่อนข้างจริงจังทีเดียว นางก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแล้วเดินเข้ามาหาเขา "ท่านมิเกรงว่าข้าจะมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตของท่านจริงๆ หรอกหรือ?"

"ข้าเชื่อมั่นในตัวถังถัง"

อันเสวี่ยถังเลิกคิ้ว "ถ้าท่านอยากให้ข้าอยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้ แต่ข้าต้องบอกกับท่านให้แน่ชัดว่า ข้าอันเสวี่ยถังจะไม่ยอมเป็นเครื่องให้กำเนิดบุตรเป็นอันขาด"

เครื่องให้กำเนิดบุตรหรือ?

ทั้งโม่อวิ๋นจิ่งกับอวิ๋นลิ่วต่างรู้สึกสับสนกับคำพูดเช่นนี้

"อ้อ เครื่องให้กำเนิดบุตรหมายถึงสตรีที่ได้แต่ตั้งครรภ์ไม่หยุดหย่อนแล้วให้กำเนิดบุตรโดยไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีชีวิตอยู่เพื่อเพื่อให้กำเนิดบุตรเท่านั้น"

ดวงตาสีดำสนิทโม่อวิ๋นจิ่งฉายแววลึกล้ำ "วางใจเถิดนะ ถังถัง ข้าจะไม่บีบบังคับให้เจ้าทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ"

อวิ๋นลิ่ว "!" นายท่านของเขาพูดเรื่องบ้าบออันใดกัน? เกิดอันใดขึ้นกับเขากันแน่?

ไฉนเขาถึงได้อ่อนโยนกับสตรีผู้นี้จนถึงขั้นเชื่อฟังนางเสียด้วยซ้ำไป!

เมื่ออันเสวี่ยถังครุ่นคิดเรื่องนั้นอย่างจริงจัง ก็พบว่าตอนนี้ให้นางอยู่ที่นี่ก็ดี

ในเมื่อไม่มีเงินทองและที่อยู่อาศัย อีกทั้งนางก็ไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลอันได้ ฉะนั้นยามนี้นางได้แต่อยู่ที่นี่เท่านั้นแล้ว

หลังจากชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อเสีย อันเสวี่ยถังก็ลากเก้าอี้ไม้มานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโม่อวิ๋นจิ่ง "เช่นนั้นข้าก็มีเรื่องที่ต้องหารือกับท่าน"

"ได้สิ เชิญถังถังว่ามาเถิด"

อันเสวี่ยถังรู้สึกคิ้วกระตุกริกๆ ทุกครั้งที่นางได้ยินเขาเรียกตนเองว่า ถังถัง เสียสนิทสนมขนาดนั้น นางก็รู้สึกมัวเมาอยู่บ้าง

"อะแฮ่ม" เมื่ออันเสวี่ยถังรู้สึกตัวก็กระแอมไอเพื่อให้ลำคอโล่ง "ข้าอยู่ต่อก็ได้ เพียงแต่พวกเราต้องรักษาระยะห่างกันได้หรือไม่?"

"ถังถังลืมไปแล้วหรือว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากัน? พวกเราจะรักษาระยะห่างเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?"

อันเสวี่ยถังถึงกับสำลัก "แล้วอย่างไรเล่า... พวกเรายังมิได้เข้าพิธีแต่งงานกันสักหน่อย ฉะนั้นจึงไม่นับ"

"ถังถังไม่ชอบข้าหรือ?"

อันเสวี่ยถัง "..." ผู้ใดก็ได้ช่วยบอกนางทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้ำเสียงที่ฉายแววเศร้าโศกและน่าสงสารของเขา?

"ที่จริงก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ถังถังจะมิชอบ อย่างไรเสียข้าก็ขาพิการไปแล้ว อยู่ด้วยกันก็รังแต่จะเป็นภาระให้ถังถัง"

"ไม่ ไม่ ไม่ใช่นะ" อันเสวี่ยถังทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางรีบเอื้อมมือออกไปปิดปากเขา "ข้าหาได้มิชอบท่านนะ ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้น"

แววตาเป็นประกายของโม่อวิ๋นจิ่งจ้องมองมาที่อันเสวี่ยถัง ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้เข้ามาอีกนิด อันเสวี่ยถังรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นระรัวและใบหน้าร้อนซู่

นางผละจากเขาด้วยท่าทีเก้อกระดากแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าขอพูดกับท่านอย่างเป็นการเป็นงานก็แล้วกัน ข้าช่วยถอนพิษให้ท่านได้"

อวิ๋นลิ่วรู้สึกตกตะลึงราวกับถูกอสุนีบาตผ่าฟาดเข้าใส่ "จะ... เจ้าพูดจริงหรือ?"

โม่อวิ๋นจิ่งเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่กลับอยากรู้อยากเห็นมากกว่า

บรรดาหมอทั้งหลาย หลางจง หมอหลวงหรือแม้แต่จ้าวหุบเขาแพทย์เทวะได้ถอนพิษในร่างกายของเขาแล้ว พวกเขาเองก็พยายามถอนพิษให้เขาเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ

อันเสวี่ยถังตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วรีบบอกให้เขาลุกขึ้น "ที่เจ้าบอกว่าจะทำตามคำสั่งของข้าหมายความว่าอันใดกัน? ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่คุ้นเคยกับการให้ผู้อื่นมาคุกเข่าให้"

อวิ๋นลิ่วไม่ยอมลุกขึ้น "เรื่องที่วางยาเมื่อคืนนี้เป็นความผิดของข้าเอง พี่สะใภ้อยากจะลงโทษข้าอย่างไรก็สุดแท้แต่ท่านเลย ข้าเพียงขอร้องให้ท่านช่วยพี่ใหญ่ของข้าก็พอ"

"เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าได้แก้เผ็ดเรื่องเมื่อคืนไปแล้ว เรื่องนี้ข้าจะถือว่าเลิกแล้วต่อกันไป อย่าได้เอ่ยถึงอีกเลย"

อันเสวี่ยถังมองโม่อวิ๋นจิ่ง เพราะหมายจะให้เขาบอกอวิ๋นลิ่วให้ลุกขึ้น นางไม่ชอบให้ผู้ใดมาคุกเข่าให้เลยจริงๆ

การที่นางมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอันแสนล้ำหน้า ทำให้นางชิงชังพฤติกรรมคุกเข่าไปเสียทุกทีอย่างสุดซึ้ง

ในที่สุดโม่อวิ๋นจิ่งก็เอ่ยขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของนาง "เจ้ารู้ตัวว่าผิดก็พอแล้ว ลุกขึ้นเถอะ"

อวิ๋นลิ่วยังไม่ยอมลุกขึ้น เขาเอาแต่มองมาที่อันเสวี่ยถัง "ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้องพี่สะใภ้"

"เจ้าว่ามาสิ"

เมื่อรีบกล่าวให้จบแล้วก็ลุกขึ้น

"ข้าจะหาทางไปตามหาดอกเป้ยหมู่เอง ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ ข้าขอร้องให้พี่สะใภ้ช่วยดูแลพี่ใหญ่ของข้าด้วย"

อันเสวี่ยถังเลิกคิ้ว "เจ้าหมายความว่าเจ้าจะไปแดนใต้เองหรือ?"

"ใช่ พิษของพี่ใหญ่มิอาจล่าช้า"

"มิอาจล่าช้าได้จริงๆ นั่นแหละ" อันเสวี่ยถังครุ่นคิดอยู่สักครู่ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพียงหนทางเดียวแล้ว "ข้าไม่รู้ว่าแดนใต้จะเรียกดอกเป้ยหมู่ว่าอันใด เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้าจะวาดรูปให้เจ้า แล้วเจ้าก็จะได้ใช้ภาพร่างเพื่อไปตามหา"

"ได้ ข้าย่อมต้องหาทางตามหาดอกเป้ยหมู่ให้พบอยู่แล้ว" ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ อวิ๋นลิ่วหาได้มีชีวิตชีวาเท่ายามนี้

โม่อวิ๋นจิ่งมองอวิ๋นลิ่วด้วยดวงตาลึกล้ำดำมืด แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวสิ่งใด

เขารู้ว่าความพยายามที่จะรักษาเขาหาใช่เพียงความใฝ่ฝันของอวิ๋นลิ่วเท่านั้น แต่ยังเป็นความใฝ่ฝันของทั้งทัพเป่ยเจียงอีกด้วย

???

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา