อวิ๋นลิ่ว อันเสวี่ยถัง "!"
น้ำเสียงของโม่อวิ๋นจิ่งที่ฟังดูเศร้าโศกราวกับสะใภ้ตัวเล็กๆ ประกอบกับสายตาที่ฉายแววน่าสงสาร พลันปลุกกระตุ้นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะปกป้องในใจของอันเสวี่ยถังขึ้นมาทันที
นางคิดว่าตนเองอาจจะคลั่งคนหล่อเข้าแล้ว
ใบหน้าเช่นนี้ช่างหล่อเหลามากเสียจนนางไม่อาจทนเขาทำหน้าตาน่าสงสารเช่นนั้นได้
"พี่ใหญ่ ให้นางอยู่มิได้เชียวนะ!" อวิ๋นลิ่วรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้พาหมาป่าเข้าบ้านมาเสียแล้ว
อันเสวี่ยถังไม่คิดจะพูดคุยกับอีกฝ่าย ทว่าเอาแต่มองมาที่โม่อวิ๋นจิ่งด้วยสายตาขรึมเคร่ง "อาจิ่ง ท่านอยากให้ข้าอยู่จริงๆ หรือ?"
โม่อวิ๋นจิ่งพยักหน้า "ใช่แล้ว"
อวิ๋นลิ่วสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอันมาก เขากำลังจะโต้แย้งอันใดสักอย่าง แต่กลับถูกสายตาของโม่อวิ๋นจิ่งห้ามปรามเอาไว้
อันเสวี่ยถังกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นว่าโม่อวิ๋นจิ่งค่อนข้างจริงจังทีเดียว นางก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแล้วเดินเข้ามาหาเขา "ท่านมิเกรงว่าข้าจะมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตของท่านจริงๆ หรอกหรือ?"
"ข้าเชื่อมั่นในตัวถังถัง"
อันเสวี่ยถังเลิกคิ้ว "ถ้าท่านอยากให้ข้าอยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้ แต่ข้าต้องบอกกับท่านให้แน่ชัดว่า ข้าอันเสวี่ยถังจะไม่ยอมเป็นเครื่องให้กำเนิดบุตรเป็นอันขาด"
เครื่องให้กำเนิดบุตรหรือ?
ทั้งโม่อวิ๋นจิ่งกับอวิ๋นลิ่วต่างรู้สึกสับสนกับคำพูดเช่นนี้
"อ้อ เครื่องให้กำเนิดบุตรหมายถึงสตรีที่ได้แต่ตั้งครรภ์ไม่หยุดหย่อนแล้วให้กำเนิดบุตรโดยไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีชีวิตอยู่เพื่อเพื่อให้กำเนิดบุตรเท่านั้น"
ดวงตาสีดำสนิทโม่อวิ๋นจิ่งฉายแววลึกล้ำ "วางใจเถิดนะ ถังถัง ข้าจะไม่บีบบังคับให้เจ้าทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ"
อวิ๋นลิ่ว "!" นายท่านของเขาพูดเรื่องบ้าบออันใดกัน? เกิดอันใดขึ้นกับเขากันแน่?
ไฉนเขาถึงได้อ่อนโยนกับสตรีผู้นี้จนถึงขั้นเชื่อฟังนางเสียด้วยซ้ำไป!
เมื่ออันเสวี่ยถังครุ่นคิดเรื่องนั้นอย่างจริงจัง ก็พบว่าตอนนี้ให้นางอยู่ที่นี่ก็ดี
ในเมื่อไม่มีเงินทองและที่อยู่อาศัย อีกทั้งนางก็ไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลอันได้ ฉะนั้นยามนี้นางได้แต่อยู่ที่นี่เท่านั้นแล้ว
หลังจากชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อเสีย อันเสวี่ยถังก็ลากเก้าอี้ไม้มานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโม่อวิ๋นจิ่ง "เช่นนั้นข้าก็มีเรื่องที่ต้องหารือกับท่าน"
"ได้สิ เชิญถังถังว่ามาเถิด"
อันเสวี่ยถังรู้สึกคิ้วกระตุกริกๆ ทุกครั้งที่นางได้ยินเขาเรียกตนเองว่า ถังถัง เสียสนิทสนมขนาดนั้น นางก็รู้สึกมัวเมาอยู่บ้าง
"อะแฮ่ม" เมื่ออันเสวี่ยถังรู้สึกตัวก็กระแอมไอเพื่อให้ลำคอโล่ง "ข้าอยู่ต่อก็ได้ เพียงแต่พวกเราต้องรักษาระยะห่างกันได้หรือไม่?"
"ถังถังลืมไปแล้วหรือว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากัน? พวกเราจะรักษาระยะห่างเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?"
อันเสวี่ยถังถึงกับสำลัก "แล้วอย่างไรเล่า... พวกเรายังมิได้เข้าพิธีแต่งงานกันสักหน่อย ฉะนั้นจึงไม่นับ"
"ถังถังไม่ชอบข้าหรือ?"
อันเสวี่ยถัง "..." ผู้ใดก็ได้ช่วยบอกนางทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้ำเสียงที่ฉายแววเศร้าโศกและน่าสงสารของเขา?
"ที่จริงก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ถังถังจะมิชอบ อย่างไรเสียข้าก็ขาพิการไปแล้ว อยู่ด้วยกันก็รังแต่จะเป็นภาระให้ถังถัง"
"ไม่ ไม่ ไม่ใช่นะ" อันเสวี่ยถังทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางรีบเอื้อมมือออกไปปิดปากเขา "ข้าหาได้มิชอบท่านนะ ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้น"
แววตาเป็นประกายของโม่อวิ๋นจิ่งจ้องมองมาที่อันเสวี่ยถัง ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้เข้ามาอีกนิด อันเสวี่ยถังรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นระรัวและใบหน้าร้อนซู่
นางผละจากเขาด้วยท่าทีเก้อกระดากแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าขอพูดกับท่านอย่างเป็นการเป็นงานก็แล้วกัน ข้าช่วยถอนพิษให้ท่านได้"
อวิ๋นลิ่วรู้สึกตกตะลึงราวกับถูกอสุนีบาตผ่าฟาดเข้าใส่ "จะ... เจ้าพูดจริงหรือ?"
โม่อวิ๋นจิ่งเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่กลับอยากรู้อยากเห็นมากกว่า
บรรดาหมอทั้งหลาย หลางจง หมอหลวงหรือแม้แต่จ้าวหุบเขาแพทย์เทวะได้ถอนพิษในร่างกายของเขาแล้ว พวกเขาเองก็พยายามถอนพิษให้เขาเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ้านอาจิ่งมีหมอเทวดา
ลงต่อไหมคะ...