สองวันต่อมา…
เพตราตื่นขึ้นมาเวลาเช้าตรู่กว่าทุกครั้ง ดวงตากลมโตเลื่อนสายตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังที่บอกเวลาตีสี่กว่าๆ ก่อนจะลุกจากเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนที่นอนอยู่บนเตียง
พรึ่บ! ทว่าร่างเล็กกลับถูกมือหนาคว้าแขนแล้วกระชากลงมานอนที่เดิมโดยไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บจากการกระทำของเขาหรือเปล่า
เพตราพยายามแกะท่อนแขนแกร่งที่โอบรอบเอวเล็กของเธอออกโดยไม่ยอมปริปากพูดอะไรกับคนตัวสูงที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่คำเดียว
“จะไปไหน” คำถามเกิดขึ้นจากปากหนาก่อนที่ใบหน้าคมคายจะซุกลงบนซอกคอระหงแล้วสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเด็กสาวอย่างพึงพอใจ
“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบของเพตรา หญิงสาวยังคงเงียบแต่ก็พยายามดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการของเขา
“กล้าเมินคำพูดของฉันเหรอ” มาเฟียหนุ่มพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเล็กแล้วยกมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นเหนือหัวด้วยมือข้างเดียว ดวงตากลมโตทำเพียงแค่มองหน้าเขานิ่งๆ ก็เท่านั้น
มาเฟียหนุ่มใช้เข่าทั้งสองข้างดันเรียวขาเล็กให้แยกออกจากกันโดยที่มือของอีกข้างหนึ่งก็เลื่อนลงลูบไล้กลีบสาวสีชมพู ทุกครั้งที่เพตราพยายามเว้นระยะห่างและไม่ยอมพูดกับเขา การกระทำแบบนี้มันเป็นการลงโทษเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าไม่ควรพยศกับคนอย่างเขา
“ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่ทำแบบนี้เวลาผู้หญิงไม่สมยอม” เสียงราบเรียบของเพตราถามขึ้นในขณะที่โชแปงกำลังเกี่ยวแพนตี้สีขาวลายลูกไม้ออกจากเรียวขาเล็ก
“ฉันเอาเธอมาอยู่ที่นี่เพราะเรื่องนี้ แล้วฉันต้องรู้สึกอะไรด้วยรึไง” คำตอบของมาเฟียหนุ่มไร้ซึ่งความเห็นใดๆ ที่มีต่อเพตรา บางทีเธออาจจะคาดหวังให้เขาตอบอะไรที่มันดีกว่านี้โดยที่ลืมนึกไปว่าเขามันเป็นคนแย่ขนาดไหน
สุดท้ายแล้วความเงียบงันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพตราหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้โชแปงหาความสุขจากร่างกายของเธอต่อไปโดยที่เธอไม่ขัดขืนอะไรเลยสักนิด หากความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโชแปงมันแย่ลงเรื่อยๆ มันคงจะดีกว่าการที่มีความสัมพันธ์ทางกายไปพร้อมกับความรู้สึกทางใจ
กว่าโชแปงจะยอมปล่อยเพตราให้เป็นอิสระเวลาก็ล่วงเลยไปนานเกือบสามชั่วโมง ทำให้เพตรามาถึงบริษัทของควีนเกือบเป็นคนสุดท้ายโดยมีโชแปงเป็นฝ่ายขับรถมาส่งเธอด้วยตัวเอง
“ไม่คิดจะขอบคุณผู้ชายคนแรกของตัวเองหน่อยเหรอ” เพตราชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูลงเมื่อได้ยินเสียงกระแนะกระแหนของโชแปง
“ฉันไม่ได้ยินดีที่ได้คุณเป็นผู้ชายคนแรก ต้องขอบคุณอะไรด้วยรึไง” เพตราตอบแบบเดียวกันกับที่โชแปงตอบเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา มาเฟียหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มระบายความหงุดหงิด พยายามระงับอารมณ์ที่อยากจะขย้ำเพตราในตอนนี้ลง แถมสรรพนามของหญิงสาวก็ยิ่งสร้างความครุกรุ่นให้กับอารมณ์ของเขามากจนเผลอบีบแขนเรียวแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง
“…”
“ช่วยปล่อยแขนฉันด้วยค่ะ” ร่างเล็กปลายตามองมือที่บีบต้นแขนตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตามองใบหน้าคมคายโดยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย แม้แต่ความเจ็บปวดราวกับกระดูกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เธอก็ไม่แสดงมันให้อีกฝ่ายได้เห็น
พรึ่บ! ร่างสูงปล่อยมือตามที่คนตัวเล็กต้องการ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับกระชากใบหน้าสะสวยเข้ามาประกบจูบแนบชิดอย่างแรง ส่งผลให้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปากของทั้งคู่ เรียวลิ้นสากแทรกเข้าไปตวัดควานหาความหวานอยู่นานหลายนาที ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนจูบออกโดยที่เพตราไม่ขัดขืนปล่อยให้โชแปงทำตามใจต้องการ
ยิ่งเขาทำเธอรุนแรงมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งปิดกั้นความรู้สึกตัวเองที่มีต่ออีกฝ่าย อย่างน้อยมันก็การันตรีได้ว่าความรู้สึกของเธอจะไม่ถลำลึกกับผู้ชายที่ต้องหลับนอนและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันราวกับเป็นแฟนอย่างโชแปง
“พอหรือยังคะ…ถ้าพอแล้วฉันจะได้ไปสักที” เพตรายกมือปาดน้ำลายออกจากริมฝีปากตัวเอง และเห็นว่าเลือดมันผสมปนเปมาด้วย เธอเม้มปากเบาๆ เพราะคิดว่าเลือดสีแดงน่าจะมาจากริมฝีปากของเธอ
“ทำธุระนิดหน่อย”
(ธุระที่บอกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องฉันใช่ไหม)
“หึ เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
(ทำอะไรเกรงใจกันบ้างก็ดีนะแปง ถึงเพตราจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ฉันก็เอ็นดูมาก)
“ฉันก็เลยให้น้องเธอดูเอ็นฉันแทนไง ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้” มาเฟียหนุ่มกดวางสายแล้วเปิดกระจกทิ้งบุหรี่ลงไปบนพื้นถนนอย่างไม่ใสใจ เขาไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องระหว่างเขากับเพตราตามที่เธอต้องการอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดจะป่าวประกาศเพราะเพตราไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนของเขา หากวันไหนเขาเบื่อเธอก็แค่ปล่อยเธอกลับไปอยู่ในที่เดิมก็เท่านั้น
เพตราเดินตามทีมงานหลายๆ คนเข้ามาในโรงแรมหรูในจังหวัดภูเก็ต หลังจากลงเครื่องมาได้เกือบสองชั่วโมงแต่เลือกที่จะแวะกินข้าวกันก่อนจะมาที่นี่
“โชคดีเนอะที่ออกกองครั้งนี้คุณควีนให้งบมาเยอะ แล้วก็ยังให้เราพักที่นี่กันคนละห้องอีกต่างหาก” เสียงทีมงานคนหนึ่งพูดในขณะที่เพตรายืนฟังเงียบๆ เพราะการมาทำงานครั้งนี้เธอยังไม่รู้จักใครดีนัก แถมยังมีคนที่ไม่กินเส้นกับเธอมาด้วยอีกต่างหาก
“แล้วทำไมถึงปล่อยให้เด็กฝึกงานที่เพิ่งมาทำงานวันที่สองมาด้วยแบบนี้…จะช่วยอะไรได้บ้างรึเปล่าเนี่ย” เพตราปลายตามองเจ้าของคำพูดที่ไม่ค่อยถูกกับเธอนักเล็กน้อย เพียงแค่นั้นก็ทำให้อีกฝ่ายรู้ได้ทันทีว่าเพตราก็แข็งข้อขึ้นมาบ้างแล้ว
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าอยากรู้ฉันจะลองถามคนที่น่าจะรู้ให้แล้วกันนะคะ” เพตราชูโทรศัพท์ของตัวเองที่มีชื่อของควีนกำลังขอโทรเข้ามาปรากฎอยู่บนหน้าจอมือถือให้หล่อนดู ก่อนจะกดรับสายแล้วแสดงสีหน้าที่เหนือกว่า เธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนอ่อนแอให้กับคนที่แสดงว่าเป็นศัตรูกับเธอก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: BAD NIGHT คืนร้ายคืนรัก