Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1014

ตอนที่ 1014 ทิ้งชื่อไว้บนแผ่นหยก
แม้ไม่ใส่ใจ แต่สีหน้าเซียวชิงเหอก็จริงจังไม่น้อย

ตั้งแต่ชั้นที่เจ็ดเป็นต้นไป ถึงจะเป็นช่วงเวลาทดสอบพลังของผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติอย่างแท้จริง

ด้วยการสังเกตการณ์ของเขาก่อนหน้านี้ เขาพบว่าแม้หลินสวินเป็นคนแปลกหน้า แต่กลิ่นอายรอบกายกลับไม่ธรรมดานัก ทำให้เขาไม่อาจมองทะลุตื้นลึกหนาบางได้ในปราดเดียว

เช่นเดียวกับเซียวชิงเหอ ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ก็จับตามองเช่นกัน

ชั้นที่เจ็ด

คลื่นผนึกถาโถมควบรวมเป็นเงาร่างนักรบกระบี่เงาหนึ่ง กลิ่นอายทรงพลังถึงที่สุด น่ากลัวกว่าผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์ทั่วไป

ขั้นสุดยอด!

หลินสวินมองปราดเดียวก็ดูออก ในเวลาเดียวกันนี้เขาไม่ได้หยุดนิ่ง ก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ชือน้ำแข็งสีขาวโพลนตัวหนึ่งก็ชูคอเคลื่อนออกไป

เผียะ!

นักรบกระบี่กระโจนมาได้ครึ่งทาง ร่างก็ถูกชือน้ำแข็งตวัดหางกระแทกอย่างรุนแรง แปรสภาพยเป็นละอองแสงฟุ้งกระจาย

ในขณะเดียวกันเสียงสูดหายใจหนาวเยือกก็ดังขึ้นที่โลกภายนอก

“สวรรค์!”

“ฝ่าผ่านชั้นที่เจ็ดเช่นนี้หรือ รวดเร็วจริง!”

นัยน์ตาเซียวชิงเหอหรี่ลงเล็กน้อย พึมพำว่า “น่าสนใจ…”

ชายชราผู้เฝ้าหอลองกระบี่แห่งนี้ก็อึ้งไป ท่าทีแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย

ชั้นที่แปด

ตูม!

เงาร่างของนักรบกระบี่ที่กลิ่นอายเรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าชั้นยอดเคลื่อนออกมา ความแกร่งกล้าของอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับหลี่ชิงฮวน ซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์แล้ว

แต่หลินสวินไม่แม้แต่มอง ยื่นมือขวาออกไป

ซ่า!

ธารดาราเปลวเพลิงสายหนึ่งแผ่ออกมา เกิดเป็นอานุภาพน่าหวาดหวั่นที่สามารถเผาฟ้าทลายดินได้

ระหว่าง ‘ออกเดินทาง’ ช่วงหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ หลินสวินบรรลุ ‘แก่นมรรค’ ของพลังมหามรรคธาตุไฟที่ตนครอบครองอยู่ก่อนแล้ว

และตอนนี้ทันทีที่สำแดงวิชาลับชั้นยอดวิชานี้ ในพริบตาก็เหมือนกำลังหลอมละลายท้องนภาที่แท้จริง ดวงดาราดวงแล้วดวงเล่าแผดเผาระเบิดออกภายในนั้น กลายเป็นปรากฏการณ์ประหลาดน่าตื่นตระหนก

และในชั่วพริบตานั้นเช่นกัน นักรบกระบี่ผู้นี้ก็ถูกเผาวอดวาย

“ตั้งแต่เริ่มจนจบใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน ก็ไม่รู้ว่าชั้นที่เก้านั่นจะเป็นการทดสอบระดับไหนกัน…” หลินสวินสูดหายใจลึกๆ ครู่ต่อมาเงาร่างก็หายไปจากชั้นที่แปด

ในขณะเดียวกัน โลกภายนอกก็อึกทึกครึกโครมโดยสมบูรณ์แล้ว

“บ้าเอ๊ย! ร้ายกาจนัก เพียงชั่วพริบตาก็ฝ่าด่านไปได้อีกแล้ว!”

มีคนร้องตะโกนเสียงหลง

“หรือเจ้าหมอนั่นก็เป็นบุคคลวิปริตที่เหยียบย่างบนมกุฎมรรคาผู้หนึ่ง”

มีคนพึมพำเสียงสั่นเครือ

ทั้งยังมีคนสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่ว่างเว้น ใบหน้าชาร้อน ก่อนหน้านี้พวกเขาดูแคลนนัก เคยสบประมาทและเย้ยหยันหลินสวิน คิดว่าเขาไม่ประเมินพลังตัวเอง ต้องอับอายขายหน้าแน่

แต่ตอนนี้ความจริงกลับพลิกพลันอย่างรวดเร็วยิ่งนัก เหมือนถูกตบปากฉาดใหญ่อย่างไร้เสียง

“คนผู้นี้เป็นใครกัน หรือจะเป็นหนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่ขอบเขตมกุฎของแดนชัยบูรพา ไม่สิ เขาไม่น่าจะเย้ยฟ้าได้ปานนั้น ในหมู่สิบยักษ์ใหญ่ไม่มีคนเช่นนี้อยู่!”

“หรือว่าเขาจะเป็นพวกร้ายกาจบน ‘กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์’ เพียงแต่ในหมู่ยอดมกุฎสามสิบหกคนในปัจจุบัน เหมือนจะไม่มีคนที่มีคุณสมบัติไปในทางเดียวกับคนผู้นี้เลย”

“หรือว่า… เขาอยู่เหนือยอดมกุฎ… เป็นไปไม่ได้! คนพวกนั้นแต่ละคนล้วนสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกันได้ ด้วยฐานะของพวกเขาแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาปรากฏตัวที่นี่!”

คราวนี้ซูชิงเหอไหวหวั่นแล้ว ชั่วพริบตา สายตาก็มีรังสีอสนีสาดซัด ในใจไม่สงบนัก

ก่อนหน้านี้ยามเขาฝ่าด่านที่แปด แม้จะสบายมาก แต่ก็ใช้ความสามารถระดับหนึ่ง จึงชักช้าไปบ้าง

เมื่อเทียบกันแล้ว ความสามารถที่หลินสวินแสดงออกมาดูสะดุดตาอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย!

แม้ตอนเริ่มจะต่างกันเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์กลับห่างกันไกล

เวลาที่ใช้ฝ่าชั้นที่แปดเหมือนจะต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ความแตกต่างในนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจเพิกเฉยได้

‘ไม่ว่าเขาเป็นใคร ก็ต้องดูว่าเขาจะทำลายสถิติของอวิ๋นชิ่วไป๋ในตอนนั้นได้หรือไม่แล้ว’ เซียวชิงเหอสูดลมหายใจลึก ในส่วนลึกของจิตใจ เขาทั้งตั้งตาคอนและต่อต้าน

สำหรับผู้กล้ารุ่นเยาว์ในโลกแล้ว อวิ๋นชิ่งไป๋ก็เหมือนเงามืดชั้นหนึ่งที่กดทับเหนือเวิ้งฟ้า ความรู้สึกที่มีชีวิตอยู่ใต้เงามืดแค่คิดก็รู้ว่าน่าอึดอัดแค่ไหน

ถ้ามีคนสามารถทำลายสถิติที่เขาสร้างไว้เมื่อสิบปีก่อนได้ นี่ย่อมเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่า ตำนานของอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นสิ่งที่ถูกทำลายลงได้!

แน่นอนว่าเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อสิบปีก่อน…

แต่ในขณะเดียวกัน เซียวชิงเหอกลับไม่หวังให้สถิตินี้ถูกหลินสวินทำลายลง เหมือนกับถ้าเป็นเช่นนี้จะต้องก้มหัวลงต่อหน้าหลินสวิน

ความรู้สึกเช่นนี้ชอบกลนัก ทั้งยังย้อนแย้งมาก

ในเวลานั้นคนอื่นๆ ก็จ้องเขม็งไปยังชั้นที่เก้าของหอลองกระบี่ จิตใจจดจ่อจนลืมหายใจ ดวงตาไม่กะพริบแม้สักครั้ง

ไม่เหมือนกันเซียวชิงเหอ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างเคารพนับถืออวิ๋นชิ่งไป๋ยิ่งนัก ดังนั้นในใจจึงไม่ต้องการให้สถิตินี้ถูกผู้อื่นทำลายลง!

……

ชั้นที่เก้า

หลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดันในที่สุด

นักรบกระบี่ฝั่งตรงข้ามมีคลื่นจิตมรรคตลบอบอวลทั้งร่าง พลานุภาพราวดวงตะวันแรงกล้าบนเวิ้งนภา รังสีเปล่งประกาย เขายืนถือกระบี่ ดั่งมหาบรรพตที่ไม่อาจสั่นคลอน

ผู้ฝึกปราณทั่วไปเมื่อเห็นดังนี้ เกรงว่ายังไม่ทันลงมือจิตวิญญาณก็ถูกทำให้หวาดผวา สูญเสียเจตจำนงต่อสู้

เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

สำหรับหลินสวิน กลิ่นอายของนักรบกระบี่ผู้นี้ เทียบเท่ากับบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างซุ่นไป๋เซวียน อวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา

อวี่หลิงคงเคยถูกเขากำราบไปครั้งหนึ่ง ซุ่นไป๋เซวียนก็เคยเพลี่ยงพล้ำให้แก่เขาไปหนึ่งครั้ง แม้ไม่เคยประมือกับจี้ซิงเหยา แต่หลินสวินรู้ดีว่า แม้หญิงผู้นี้แข็งแกร่งกว่าสองคนนี้ ก็ไม่อาจเอาชนะตนได้!

นับประสาอะไรกับหลินสวินในตอนนี้ที่ไม่เหมือนแต่ก่อนนานแล้ว

เขาบรรลุระดับกระบวนแปรจุติขั้นปลาย พลังต่อสู้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูกอยู่ก่อนแล้ว เวลานี้ยามได้เผชิญหน้ากับนักรบกระบี่ผู้นี้ แม้จะรู้สึกกดดันแต่กลับไม่มีทางข่มขวัญเขาได้

ชิ้ง!

พูดแล้วเหมือนช้าแต่ทุกอย่างรวดเร็วนัก นักรบกระบี่ยกกระบี่ขึ้นฟันลงมา

ชั่วพริบตาเหมือนอสนีบาตสายหนึ่งฟาดลงมาจากเหนือเก้าชั้นฟ้า ดุดันและอหังการ มีท่วงท่าสังหารจักรวาล

ในขณะเดียวกันหลินสวินก็ออกโจมตี มือกำหมัด พลังหมัดราวถล่มฟ้าสะเทือนดินพุ่งซัดออกมา ห้วงอากาศใกล้เคียงพลันยุบลงไปอย่างอึกทึกครึกโครม

ผนึกของหอลองกระบี่แห่งนี้พิเศษยิ่ง ยามฝ่าด่านไม่สามารถยืมพลังจากสิ่งของภายนอก ทำได้เพียงอาศัยพลังที่แท้จริงภายในกายเข้าต่อสู้

หากไม่เป็นเช่นนี้ เกรงว่าสถิติของอวิ๋นชิ่งไป๋คงถูกทำลายไปนานแล้ว อย่างไรเสียบนโลกนี้ก็ไม่ได้มีแค่หลินสวินเท่านั้นที่ครอบครองสมบัติอริยะ

ปึงๆๆ!

การต่อสู้ปะทุขึ้น เจตกระบี่กับพลังหมัดเข้าปะทะ เกิดเป็นคลื่นน่าหวาดหวั่นแผ่กระจายออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์