ตอนนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋จุดโคมจิตวิญญาณสีม่วงให้สว่างได้สามสิบสามดวง แต่ในสามชั้นจากนั้น กลับจุดได้เพียงโคมจิตวิญญาณสีทองสามดวง
แม้เป็นเช่นนี้ สถิตินี้ก็ยังอยู่ในสามอันดับแรกของอดีตและปัจจุบัน กิตติศัพท์เหลือคนา ลือชื่อสะท้านสี่ทิศ
เวลานี้ สถิตินี้เหมือนจะมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกก้าวข้าม สิ่งนี้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกปราณทุกคน!
แต่เวลาที่หลินสวินเหลือไว้ให้พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองก็ไม่ได้มากมาย
หรือพูดว่า ในขณะที่ใจของทุกคนกำลังตื่นเต้น คาดเดาผลลัพธ์อย่างเฝ้ารอหรือต่อต้านอยู่ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นก่อนแล้ว
ชั้นที่สามสิบสี่ โคมจิตวิญญาณสีม่วงสว่างขึ้น
ชั้นที่สามสิบห้า โคมจิตวิญญาณสีม่วงสว่างขึ้น
ชั้นที่สามสิบหก…
ก็เป็นโคมจิตวิญญาณสีม่วงเช่นกัน!
ชั่วพริบตาทั้งบนล่างของหอหลอมจิตวิญญาณ โคมจิตวิญญาณสีม่วงแต่ละดวงตั้งตรงแน่วราวมังกรใหญ่ ส่องแสงสว่างจ้า!
ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหล้านั้นนิ่งงันอยู่ตรงนั้น สั่นสะท้านจนใจลอย
เซียวชิงเหอกระตุกมุมปาก ร้องอย่างบ้าคลั่งในใจว่า ‘วิปริต! เขาแม่งวิปริตไปแล้ว! ช่าง… ช่างเหนือกฎสวรรค์ไปแล้ว…’
สถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้ตอนนั้น สามารถอยู่ในอันดับสามนับจากอดีตถึงปัจจุบันได้
แต่เท่าที่เซียวชิงเหอรู้มา ผู้ที่อยู่อันดับสองตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็คือ ‘บรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้า’ บรรพจารย์ผู้บุกเบิกสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนนั้น!
ในยุคบรรพกาล สมัยบรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้ามีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติก็เคยมาฝ่าด่านที่นี่ จุดโคมจิตวิญญาณสีม่วงไปสามสิบห้าดวงและโคมจิตวิญญาณสีทองอีกหนึ่งดวง!
นี่เป็นปาฏิหาริย์ที่รู้กันในใต้หล้าครั้งหนึ่ง ต่อให้เป็นสถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้ก็ด้อยกว่าขั้นหนึ่ง
ส่วนสถิติอันดับหนึ่งตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันของหอหลอมจิตวิญญาณนั้น…
กระทั่งตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าสร้างขึ้นมาโดยผู้ใด!
มีข่าวลือว่า สถิตินี้สร้างขึ้นโดยผู้สร้าง ‘หอหลอมจิตวิญญาณ’ คนผู้นั้นเป็นบุคคลไร้เทียมทานที่มีความสามารถอัศจรรย์กว่าบรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้าผู้หนึ่ง
และยังมีข่าวลือว่า สถิตินี้เป็นผู้มากความสามารถที่บรรลุระดับ ‘ราชันอริยะ’ สร้างขึ้นในวัยเยาว์
ในตอนที่เขากลายเป็นราชันอริยะ ตัวตนของเขาก็เปลี่ยนไปประหนึ่งมหามรรคต้องห้าม ไม่ให้คนนอกล่วงรู้
แต่ไม่ว่าอย่างไร สถิติอันดับหนึ่งตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันนี้ อย่างน้อยก่อนวันนี้ก็ยังไม่เคยถูกก้าวข้ามไป
ทว่าตอนนี้…
มันได้ถูกทำลายลงไปแล้ว!
เซียวชิงเหอแข็งทื่อไปทั้งตัว รู้สึกขมปร่าที่ปาก เจ้าหมอนี่เป็นคนอย่างไรกันแน่ ช่างเหมือนสัตว์ประหลาดเย้ยฟ้าที่ผงาดเหนือนภา ขนาดพลังจิตวิญญาณยังแกร่งกล้าปานนี้
……
ชั้นบนสุดของหอหลอมจิตวิญญาณ
หลินสวินนั่งขัดสมาธิ หลังศีรษะปรากฏจักระเทพกลมเกลี้ยงส่องแสงเจิดจ้าสายหนึ่ง
ส่วนในห้วงนิมิตของเขา วิญญาณแห่งพลังจิตก็นั่งขัดสมาธิเช่นกัน ดอกเทพที่บริสุทธิ์ราวหยกขาวดอกหนึ่งคลี่ออกเหนือศีรษะ ละอองแสงคลุมเครือนับหมื่นพันไหววูบลอยละล่องออกมา ส่องสว่างจิตวิญญาณให้ทะลุปรุโปร่ง
ในขณะเดียวกัน แสงเทพสีม่วงสายแล้วสายเล่าก็ถักทอขึ้นเป็นรุ้งเทพ ถาโถมเข้าไปในจิตวิญญาณของหลินสวินจากทั่วสารทิศ
วู้ม!
เคล็ดเวทบริกรรมโคจร ทำให้จิตวิญญาณของหลินสวินอาบไล้ไปด้วยแสงเทพสีม่วง ได้รับการหล่อเลี้ยงและเสริมความแข็งแกร่งไม่ว่างเว้น อัศจรรย์หาใดเทียบ
ครู่ใหญ่ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดนี้ถึงมลายหายไป
หลินสวินลืมตาขึ้นโดยพลัน กลิ่นอายทั้งตัวเขาเหมือนได้แปรสภาพและขัดเกลา ยิ่งว่างเปล่าและหลุดพ้นโลกีย์ แต่ยังมีความอหังการทรงอำนาจยากคาดคิดอยู่รางๆ สูงส่งราวมรรคสวรรค์ และน่าหวั่นใจดั่งเหวลึก
แต่ไม่นานนักกลิ่นอายทั้งหมดก็เก็บกักสู่ภายใน กลับสู่ความเรียบสงบดุจคืนสู่ธรรมชาติ
“ระดับดอกเทพรวมยอดขั้นที่หนึ่งสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว…” หลินสวินพึมพำ
เขาสัมผัสได้ว่าหกรับรู้ของตนทะลุปรุโปร่งและแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน เพียงในใจไหวเคลื่อน ก็เกิดความคิดนับหมื่นพันออกมา
ประสบการณ์ทั้งหมดในอดีตของตนล้วนแจ่มชัดขึ้นมา ฉายขึ้นในใจอย่างละเอียดหมดจด ประสบการณ์ทุกครั้งต่างแสดง ‘ลักษณ์จริงแท้’ อย่างปรุโปร่ง
เมื่อได้เห็นความจริงแท้ในอดีต ความยากแค้น การได้รับและสูญเสีย เกียรติยศและความอับอาย ความรักและความเกลียดชังทั้งหมด…ต่างเป็นร่องรอยมรรคของข้า หล่อเลี้ยงกายาข้า ปลุกรากฐานปัญญาข้า!
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น หลินสวินก็มีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งว่านับแต่นี้ไป โซ่ตรวนในวันวานจะไม่อาจผูกมัดมรรคาในตัวเขาได้อีก
ตรงกันข้าม โซ่ตรวนเหนี่ยวรั้งเช่นนี้จะกลายเป็นประสบการณ์และการเคี่ยวกรำอันล้ำค่าที่หายากอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมได้อย่างหนึ่ง ทำให้ตนได้ตระหนักรู้และเติบโต สามารถเดินบนวิถีแห่งมหามรรคได้อย่างมั่นคงและสุขุมเยือกเย็นยิ่งขึ้น!
นี่ก็คือพลังขั้นสมบูรณ์ของขั้นเห็นอดีตซึ่งเป็นขั้นที่หนึ่งของระดับดอกเทพรวมยอด
ระดับขั้นจิตวิญญาณ แบ่งออกเป็นหกระดับใหญ่ได้แก่ ‘รับรู้’ ‘อนุสติ’ ‘วิญญาณเทพ’ ‘ดอกเทพรวมยอด’ ‘ถอดจิตลอยล่อง’ และ ‘แปรเทพเปลี่ยนอริยะ’
ในระดับเหล่านี้ ระดับดอกเทพรวมยอดแบ่งออกเป็นสามขั้นย่อยได้แก่ ‘เห็นอดีต’ ‘เห็นปัจจุบัน’ และ ‘เห็นอนาคต’
โดยทั่วไป ระดับดอกเทพรวมยอดมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับราชันเท่านั้นถึงครอบครองพลังจิตวิญญาณได้ แต่เห็นได้ชัดว่า สภาพทั่วไปเช่นนี้เอามาใช้กับหลินสวินไม่ได้!
อย่างน้อยในระดับกระบวนแปรจุติ แม้พลังจิตวิญญาณของเขาไม่ได้เป็นที่หนึ่ง แต่อย่างน้อยก็สามารถขนานนามได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่หาตัวจับได้ยากแล้ว
นี่ก็เป็นพลังอันเป็นที่พึ่งที่ทำให้หลินสวินสามารถฝ่าขึ้นไปบนหอหลอมจิตวิญญาณทั้งสามสิบหกชั้น จุดโคมจิตวิญญาณสีม่วงสามสิบหกดวงได้อย่างราบคาบ
‘แต่ก่อนเมื่อนานมากแล้ว ข้าก็ฝึกวิชาเคล็ดเวทบริกรรม จากนั้นก็จุดโคมวิญญาณพิเศษที่สามารถทำให้ทั้งอดีตและปัจจุบันเงียบงันดวงหนึ่งให้สว่างได้ในเทศกาลโคมกถามรรค ส่งผลให้ข้าชิงบรรลุระดับดอกเทพรวมยอดได้ก่อน…’
‘จิตวิญญาณคือประทีป ส่องสว่างตัวข้า ทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญในการหลอมมรรคเป็นราชัน ยามเลื่อนขั้นสู่ระดับราชัน พลังจิตวิญญาณจะไม่ใช่โซ่ตรวนของข้าอีก…’
หลินสวินยืดกายลุกขึ้น สายตาเรียบสงบ ในใจมีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างไม่เคยมีมาก่อน
โครม!
ป้ายหินป้ายหนึ่งปรากฏขึ้นกะทันหัน ตั้งตรหง่านกลางห้วงอากาศ มั่นคงหนักแน่นดั่งภูผา
บนนั้น มีชื่อแล้วชื่อเล่าประทับไว้
บนตำแหน่งอันดับสาม มีชื่อของอวิ๋นชิ่งไป๋สลักอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์