Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1020

สรุปบท ตอนที่ 1020 บุรุษใต้ต้นไม้เทพสีมรกต: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1020 บุรุษใต้ต้นไม้เทพสีมรกต จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1020 บุรุษใต้ต้นไม้เทพสีมรกต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1020 บุรุษใต้ต้นไม้เทพสีมรกต
เหนือเวิ้งฟ้าเป็นสีฟ้าสะอาด

แต่เมื่อถูซิวมองขึ้นไป ที่เวิ้งฟ้าว่างเปล่านั้นกลับมีหลุมดำหลุมหนึ่งผุดขึ้นมา

มันใหญ่ราวเหวลึกสุดหยั่ง!

หลุมดำลอยตัวอยู่เช่นนั้น แต่ในใจของถูซิวกลับเกิดความหนาวยะเยือกที่ไม่อาจกดกลั้นไว้ได้ รู้สึกกดดันแทบหายใจไม่ออก

นี่คืออะไรกัน

ถูซิวตาเบิกกว้าง พยายามรับสัมผัสอย่างแข็งขัน เพียงชั่วพริบตา จิตวิญญาณดุจตกลงไปในเหวลึกว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด ไร้พลังนัก

ตัวเขาเป็นดั่งหุ่นเชิดที่ทำจิตวิญญาณหล่นหาย

กระทั่งต่อมาอาภรณ์บนกายของเขาล้วนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อกาฬ หอบหายใจถี่กระชั้น สภาวะจิตเหมือนจะถูกกลิ่นอายของหลุมดำนั้นกลืนกิน รู้สึกถึงความกดดันและสิ้นหวังถึงที่สุด

“อ๊าก!”

ทันใดนั้นถูซิวก็ร้องเสียงดังออกมา จิตวิญญาณกระตุกเกร็งครู่หนึ่ง สีหน้าเจ็บปวดหาใดเทียบ

“นี่ไม่ใช่ถูซิว ศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักกระบี่เทียมฟ้าหรอกหรือ นี่เขาเป็นอะไรไปแล้วล่ะ”

“คงไม่ได้ผีเข้าหรอกกระมัง”

ข้างหูมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นระลอกหนึ่ง เสียงหึ่งๆ ราวเสียงของแมลงวันทำให้ถูซิวกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นเขาพลันนิ่งอึ้ง สายตาที่เดิมว่างเปล่ากระเจิดกระเจิงก็กลับมามีสติอีกครั้ง

เขามองไปรอบทิศ

ก็เห็นว่าเหล่าผู้ฝึกปราณต่างมองเขาด้วยสีหน้าฉงน สายตานั้นเหมือนกับจ้องสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งอยู่

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก แต่กลับค้นพบอย่างตกตะลึงว่าเวิ้งฟ้านั้นยังเป็นสีฟ้าใสดังเดิม เหมือนกับหลุมดำที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นภาพลวงตาภาพหนึ่ง

“ทำไมเป็นเช่นนี้ได้” ถูซิวสีหน้าเหยเก

ด้วยสีหน้าของผู้อื่น ทำให้เขาแน่ใจว่าเมื่อกี้มีเพียงตนที่ได้ประสบกับภาพน่ากลัวหาใดเทียบนั้น!

นี่ทำให้เขายิ่งประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่

……

ถูซิวไม่ได้รู้ว่าภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อกี้นั้น ความจริงแล้วเป็นปรากฏการณ์ประหลาดกลางฟ้าดินครั้งหนึ่งที่หอแจ้งสัจจะฉายออกมา

ก่อนหน้านี้หลินสวินเข้าไปในหอแจ้งสัจจะ ปราดเดียวก็มองทะลุความลับที่อยู่บนป้ายวิญญาณกระจ่างรู้ทั้งสามสิบหกแผ่น ทำลายสถิติตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันทั้งมวล และก่อให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้!

……

“เจ้าฝ่าผ่านการทดสอบการหยั่งรู้ทั้งหมดจริงๆ หรือ”

ระหว่างทางเซียวชิงเหออดไม่ได้เอ่ยถาม

“ข้าจำเป็นต้องหลอกเจ้าหรือ”

หลินสวินเอ่ยปาก

เขากำลังเดินทางไปยังหอสำแดงมรรค

“เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่มีปรากฏการณ์ประหลาดอุบัติขึ้นเล่า”

เซียวชิงเหอซักไซ้ ท่าทางร้อนรนทนไม่ไหวต้องการคำตอบ

“อืม จะมีปรากฏการณ์ประหลาดหรือไม่เหมือนไม่ได้สำคัญกระมัง”

หลินสวินพูดเสียงขรึม แต่ความจริงแล้วในใจเขาออกจะประหลาดใจ

การมองปริศนาบนป้ายวิญญาณกระจ่างรู้ทั้งสามสิบหกแผ่นออกในปราดเดียว ทำให้เขาผิดคาดอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าการหยั่งรู้ของตนจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว

นี่แข็งแกร่งกว่าสถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้ในตอนนั้นมากนัก

แต่เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนหลินสวินก็เข้าใจ

ข้อแรก พลังจิตวิญญาณของเขาแกร่งกล้าถึงที่สุด ยกระดับการหยั่งรู้ของตัวเองถึงขั้นที่น่าตกใจอย่างยิ่งยวดโดยไม่รู้ตัวมาก่อนแล้ว

ข้อต่อมา ในเมื่อการหยั่งรู้เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์และแก่นกระดูก เช่นนั้นย่อมได้รับผลกระทบจากชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดหุบเหวกลืนกิน

ท้ายสุด กุญแจสำคัญที่สุดอยู่ที่ในจิตวิญญาณของเขายังมีประตูสวรรค์บานหนึ่ง ประทับด้วยตัวอักษร ‘เคราะห์’ ลี้ลับที่เก็บซ่อนมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรอยู่ รวมถึงขนนกขาวโพลนลี้ลับที่ได้มาจากโถงมรรคาสวรรค์

ทั้งหมดนี้ทำให้ยามเขารับการทดสอบในหอแจ้งสัจจะก็ไม่พบกับอุปสรรคใดๆ เพียงปราดเดียวก็มองทะลุปริศนาทั้งหมดบนป้ายวิญญาณกระจ่างรู้ทั้งสามสิบหกแผ่น!

ดังนั้นหลินสวินถึงรู้สึกว่าการทดสอบครั้งนี้น่าเบื่อนัก

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้เขาไม่ได้บอกเซียวชิงเหอ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ดูผิดมนุษย์มนาเกินไปจนถูกอีกฝ่ายมองเป็นตัวประหลาดไป

เพียงแต่หลินสวินไม่รู้ว่า เซียวชิงเหอมองว่าเขาเป็นพวกวิปริตและเป็นสัตว์ประหลาดมาตั้งแต่ตอนอยู่ในเมืองนภาม่วงแล้ว

……

ในเวลาเดียวกับที่หลินสวินไปยังหอสำแดงมรรค ข่าวคสารหลากสายก็กระจายจากเมืองนภาคราม ไม่นานก็ถึงหูสำนักกระบี่เทียมฟ้าด้วยความเร็วน่าตกตะลึง!

เขาเก้าทมิฬ

ดินแดนใต้อาณัติของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ทิวเขายิ่งใหญ่ ยอดภูเขาสลับซับซ้อน ถูกหมอกเซียนโอบล้อมตลอดปี งดงามตระการตาราวภาพเขียน

ฟ้าดินของที่นี่ทั้งไพศาล เพริศแพร้วและเกรียงไกร พลังวิญญาณเข้มข้นหนาแน่นอวลไอในอากาศ

มองลงมาจากเวิ้งฟ้า มียอดเขาสูงตระหง่านเก้าลูกตั้งอยู่ ภูเขาสูงทะลุชั้นเมฆ อาบไล้กลางแสงเมฆาไปทั้งลูก ปลดปล่อยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์รางเลือนออกมา

เมื่อพินิจดูเหนือยอดเขาทั้งเก้าลูก แต่ละลูกมีอาคารเก่าแก่ผ่านโลกมานานเรียงรายแน่นขนันเป็นระเบียบดั่งเกล็ดมัจฉา ประหนึ่งวังเซียนอารามสมบัติบนสวรรค์ เจิดจรัสยืนยง ธำรงคู่นิจนิรันดร์

เพียงมองไปครั้งเดียวก็ทำให้มนุษย์มีความรู้สึกตัวหดเล็กเหมือนมดตัวจ้อย

นี่ก็คือเขาเก้าทมิฬ ระบือนามชั่วนิรันดร์ เป็นที่ตั้งของสำนักกระบี่เทียมฟ้าซึ่งข่มขวัญแดนชัยบูรพา ถูกผู้คนในโลกยกให้เป็น ‘เขาศักดิ์สิทธิ์ฝึกปราณ’!

เพียงแต่หลังจากข่าวแล้วข่าวเล่ากระจายเข้าสู่สำนักกระบี่เทียมฟ้า ทั้งเขาเก้าทมิฬก็เหมือนตื่นตกใจ เงาร่างของผู้ฝึกปราณมากมายพุ่งออกมาจากอาคารเก่าแก่แน่นขนัดนั้น

“อะไรนะ เด็กหนุ่มคนหนึ่งทำลายสถิติของศิษย์พี่อวิ๋นชิ่งไป๋ที่หอลองกระบี่ หอเกลาจิตและหอหลอมจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องหรือ”

“เขาเป็นใคร”

“เป็นไปไม่ได้ แม้สถิตินั้นจะเป็นสิ่งที่ศิษย์พี่อวิ๋นชิ่งไป๋ทิ้งไว้เมื่อสิบปีก่อน แต่ล้วนเรียกได้ว่าเป็นสถิติโดดเด่นสะดุดตาไม่เป็นสองรองใครตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ตลอดสิบปีมานี้ ในแดนชัยบูรพามีบุคคลแห่งยุคไม่รู้เท่าไรลองทำลายสถิตินี้ แต่ทุกคนต่างคว้าน้ำเหลวกลับไปอย่างไม่มีข้อยกเว้น เหตุใดวันนี้ถึงถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่องได้เล่า”

“นี่เป็นเรื่องจริงนะ ตอนนี้ลือกระฉ่อนไปทั้งเมืองนภาม่วงแล้ว!”

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ความรู้สึกตื่นตระหนก งุนงงและทำใจเชื่อได้ยากแผ่ขยายในหมู่ศิษย์สายใน ศิษย์สายนอกและศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ผู้อาวุโสในสำนักนี้ ไม่ว่าจะเป็นสายในสายนอก เวลานี้ก็ต่างละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ สนใจติดตามข่าวเหล่านี้

อวิ๋นชิ่งไป๋ผู้อยู่อันดับหนึ่งใต้ระดับราชัน เป็นความภาคภูมิใจของทั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้า เรียกได้ว่าก้าวเดินลำพังในอดีตและปัจจุบัน โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร!

ตั้งแต่อวิ๋นชิ่งไป๋เข้ามาในสำนักกระบี่เทียมฟ้าจนถึงตอนนี้ ก็แผ่รัศมีที่สามารถสร้างความตื่นตาแก่นิจนิรันดร์ กำราบจนคนในระดับเดียวกันไม่อาจเชิดหน้าขึ้นมาได้

ที่ต้องรู้ก็คือ สำนักกระบี่เทียมฟ้ามีฐานะเป็นสำนักโบราณชั้นยอดของแดนชัยบูรพา บุคคลแห่งยุคในสำนักมีจำนวนไม่น้อย ผู้มีพรสวรรค์พิเศษยิ่งมากมายดั่งขนโค

แต่กระทั่งตอนนี้ ยังไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของอวิ๋นชิ่งไปได้เลย!

เขาเยี่ยมยอดเกินไป โดดเด่นสะดุดตาเกินไปจนแทบสมบูรณ์แบบ ไร้ผู้ใดเทียบเทียมได้ การฝึกปราณร่วมกับเขาถึงขั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหวัง!

แต่ตอนนี้สถิติที่เขาเคยสร้างไว้เองกับมือเมื่อสิบปีก่อนกลับถูกผู้อื่นทำลายลงทีละอัน นี่ทำให้ทุกคนยอมรับได้ยากนัก

“เป็นไปไม่ได้ นี่ต้องไม่จริงแน่ๆ ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตา!”

ผู้สืบทอดที่เคารพบูชาอวิ๋นชิ่งไป๋อย่างยิ่งบางคนรับไม่ได้ ทันใดนั้นก็บังคับแสงกระบี่ทะยานฟ้าออกไปเสียงดัง

“หากเรื่องนี้เป็นความจริง เช่นนั้นเด็กหนุ่มนั่นจะเป็นใครกัน แดนชัยบูรพามีคนเก่งกาจเช่นนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร”

“ไป พวกเราไปดูด้วยกัน!”

หลายปีนี้ที่เขาฝึกปราณในสำนักกระบี่เทียมฟ้า แม้กล่าวว่ามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่กลับไม่มีเวลาใดที่ไม่อยากกลับไปโลกชั้นล่างเพื่อไปคิดบัญชีกับหลินสวิน!

และตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าหลินสวินปรากฏตัวที่แดนชัยบูรพา เขาจะยังทนอยู่ได้อย่างไร

……

ยอดเขาเทียมฟ้า

ที่นี่คือเขตหวงห้ามของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ในสถานการณ์ทั่วไปมีเพียงเจ้าสำนักและผู้อาวุโสชั้นสูงถึงสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ

บริเวณไหล่เขาเขาเทียมฟ้า มีต้นไม้เทพสีมรกตที่ดำรงอยู่ตั้งแต่ยุคบรรพกาลจวบจนตอนนี้ กิ่งก้านแผ่ไพศาล ใบไม้เขียวชอุ่ม แสงเขียวเต็มฟ้า

ใต้ต้นไม้เทพสีมรกต ชายผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ผมยาวดำหนาสยายลงมาถึงเอว ดวงตาทั้งสองปิดสนิท แสงมรรคสีทองอ่อนหนาแน่นอบอวลอยู่รอบกายเขา ทำให้รูปลักษณ์ของเขาเลือนรางไม่ชัดเจน มองทะลุโฉมหน้าที่แท้จริงได้ยาก

แต่เขาซึ่งนั่งขัดสมาธินิ่งเงียบเช่นนี้ กลับคล้ายเทพไท้ มีกลิ่นอายที่โอหังผงาดเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

นกยูงงดงามที่ปีกหลากสีเพริศแพร้วตัวหนึ่งลอยละล่องมาถึง แตะเท้าลงเบื้องหน้าต้นไม้เทพสีมรกต แล้วพลันกลายร่างเป็นหญิงสาวชุดหลากสีที่เงาร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รูปลักษณ์สวยสะคราญหาใดเทียบผู้หนึ่ง

ศีรษะที่เชิดสูงขึ้นอยู่เดิมค้อมลงเล็กน้อย ยามสายตามองไปยังชายที่นั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้เทพสีมรกต ปรากฏความยำเกรงและเคารพชื่นชมจากใจอย่างไม่อาจสะกดกลั้นไว้ได้

เสียงของนางกังวานรื่นหู เอ่ยว่า “ศิษย์พี่อวิ๋น เมื่อครู่ในสำนักมีข่าวกระจายมาว่า…”

นางบรรยายเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองนภาม่วงอย่างกระชับเรียบง่ายรอบหนึ่ง

เมื่อเสียงพูดเงียบลง โดยรอบเงียบเชียบไร้เสียง มีเพียงยามลมภูเขาพัดมาถึงเกิดเสียงแซ่กๆ จากการเสียดสีของก้านกิ่งใบไม้บนต้นไม้เทพสีมรกต

ใต้ต้นไม้เทพ ดวงตาของชายผู้นั้นปิดสนิท แสงมรรครอบกายอบอวลพวยพุ่งเหมือนภาพมายา เขาไม่ตอบสนองแม้สักนิดประดุจภิกษุเข้าสู่ฌาณ

เมื่อหญิงสาวชุดหลากสีเห็นดังนี้ก็อึ้งไป คล้ายอยากพูดแต่ก็หยุดไว้ ทว่าท้ายที่สุดก็อดกลั้นเอาไว้ เหมือนกลัวว่าจะไปรบกวนการฝึกปราณของอีกฝ่าย

เพียงแต่ก็ในตอนที่นางจะออกไป ในโสตประสาทก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ลำบากศิษย์น้องข่งมาบอกด้วยตัวเองแล้ว”

เสียงนี้ราวมหามรรค ดูเหมือนเรียบเฉย แต่กลับมีพลังเข้าถึงก้นบึ้งจิตใจคน!

หญิงสาวชุดหลากสีพลันหันกาย ก็เห็นว่าชายซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ผู้นั้นลืมตาที่ปิดสนิทขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

นี่เป็นดวงตาเช่นไรกัน

ลึกล้ำประหนึ่งเหวลึกคู่หนึ่ง สงบนิ่งราวราตรีนิรันดร์ แต่เมื่อได้สบตาเข้า กลับเหมือนทำให้จิตวิญญาณของผู้คนจมจ่อมลงไปภายในนั้น รู้สึกหวาดผวาและกดดันหาใดเทียบ!

น่ากลัวนัก!

หญิงสาวชุดหลากสีมีนามว่าข่งหลิง มาจากเผ่านกยูงห้าสี พรสวรรค์พิเศษอัศจรรย์ ทั้งตอนนี้ยังเป็นหนึ่งในศิษย์แกนหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ชื่อเสียงของนางดังก้องแดนชัยบูรพาอยู่ก่อนแล้ว เป็นผู้กล้าหญิงที่จัดอยู่ใน ‘กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์’

แต่ตอนนี้ ภายใต้การจับจ้องของดวงตาสีดำคู่นี้ กลับทำให้นางรู้สึกสงบเสงี่ยมอย่างยิ่ง ร่างแบบบางแข็งทื่อ จิตใจมีเค้าลางยุ่งเหยิง!

“ศิษย์น้องข่ง มหายุคกำลังจะมาเยือน แม้ตอนนี้พลังของเจ้าไม่ธรรมดา แต่ยังคงขาดความชำนาญและการตกตะกอนไปบ้างเหมือนเดิม วันนี้ข้าได้หยั่งรู้พอดี ในด้านวิถีกระบี่พัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ก็มอบกระบี่นี้ให้เจ้าแล้วกัน”

ชายหนุ่มพูดพลางส่งกระบี่วิญญาณพิสุทธิ์วาวใสราวราตรีเล่มหนึ่งให้

“นี่…”

ข่งหลิงตกใจยกใหญ่ นางจะจำกระบี่เล่มนี้ไม่ได้ได้อย่างไร นี่เป็นถึงหนึ่งในกระบี่คู่กายของศิษย์พี่อวิ๋น มีนามว่า ‘แสงราตรี’ เคยกรำศึกเคียงข้างศิษย์พี่อวิ๋นมานานปี สังหารฟาดฟันศัตรูผู้แข็งแกร่งมาแล้วไม่รู้เท่าไร!

“เอาไปเถอะ กระบี่นี้สำหรับข้าในตอนนี้แล้วกลับเป็นภาระ”

ชายหนุ่มเสียงสงบนิ่ง มีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนไม่อาจขัดขืนได้

“ขอบคุณศิษย์พี่!”

ข่งหลิงรับกระบี่นี้มาอย่างนอบน้อบแล้วเก็บไปอย่างระวัง ในใจกลับแปรเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มขึ้นมา นี่เป็นถึงยอดศาสตรามรรคราชันที่อุดมไปด้วยสีสันแห่งตำนานเล่มหนึ่ง!

ก่อนจากไปข่งหลิงอดไม่ได้เอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่อวิ๋น ท่านไม่สนใจจริงๆ หรือ”

ดวงตาดำของชายผู้นั้นราวเหวลึก กล่าวด้วยสีหน้าเฉยชาว่า “ข้าอวิ๋นชิ่งไป๋ปิดด่านหลายปีมานี้ สิ่งเดียวที่สนใจก็คือโอกาสได้กลายเป็นราชันในมหายุค เป็นพลังที่สามารถกดทับนิรันดร์กาล อยู่เหนือธรรมบาลได้ นอกเหนือจากนี้ บนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่ทำให้ข้าใส่ใจได้อีก”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์