‘ไม่เจอกันเกือบสิบปี ศิษย์พี่อวิ๋นเปลี่ยนเป็นน่ากลัวยิ่งขึ้นแล้ว…’ ข่งหลิงจิตใจเลื่อนลอย ยังคงลืมภาพชั่วขณะที่สบตากับอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อครู่ไม่ลง
กระทั่งตอนนี้ ความเครียดดเกร็งที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปจากใจยังรัดพันอยู่ในจิตใจของนาง!
สิบปีก่อน นางยังเป็นเพียงศิษย์สืบทอดแท้จริงผู้หนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้า
ส่วนอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้น สังหารราชันกึ่งระดับในดินแดนรกร้างโบราณไปมากกว่าร้อยคน พาให้ใต้หล้าตื่นตระหนก มองเขาเป็นบุคคลอันดับหนึ่งใต้ระดับราชันไปแล้ว
อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นสามารถทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็เคารพยำเกรง ประหนึ่งภูเขาเทพที่สูงจนไม่อาจป่ายปีนลูกหนึ่ง ไม่มีทางถูกสั่นคลอนได้
วันนี้ในสิบปีต่อมา ข่งหลิงอาศัยพรสวรรค์พิเศษของเผ่านกยูงห้าสี เติบโตขึ้นเป็นศิษย์แกนหลักของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ชื่อเสียงสะท้านเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันในรุ่นเยาว์ของแดนชัยบูรพา
ตอนนี้ นางยังถูกจัดอันดับอยู่ใน ‘ยอดมกุฎรุ่นเยาว์’ ด้วย!
เดิมข่งหลิงคิดว่าตนสามารถเข้าใกล้อวิ๋นชิ่งไป๋มากขึ้นได้บ้าง
แต่การพบกันในวันนี้กลับทำให้นางได้สติโดยสมบูรณ์ สิบปีมานี้ตนอาจจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ศิษย์พี่อวิ๋นก็ไม่ใช่ศิษย์พี่อวิ๋นเมื่อสิบปีก่อนมานานแล้วเช่นกัน!
‘เพียงแค่แววตาเท่านั้น ก็ทำให้ข้าหวาดหวั่นและกระวนกระวาย หากลงมือเกรงว่าข้าจะไม่มีกำลังตั้งกระบวนท่าด้วยซ้ำ…’ ข่งหลิงทอดถอนใจในใจ
อยู่ในระดับพลังปราณเดียวกันกับเขาต้องเป็นโชคร้ายอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย
ภายใต้รัศมีของเขา คนร่วมระดับที่ไม่ว่าจะโดดเด่นสะดุดตาเพียงใด เกรงว่าต่างต้องหม่นหมองจืดชืด
ดุจดังไข่มุกเท่าเมล็ดข้าว จะแข่งรัศมีกับสุริยันจันทราได้อย่างไร
‘แม้พลังปราณของศิษย์พี่อวิ๋นจะไม่ได้บรรลุอีกในช่วงที่ปิดด่านหลายปีมานี้ แต่การตกตะกอนและสั่งสมนานปีนี้ทำให้เขามีรากฐานพลังแข็งแกร่ง สามารถผงาดเหนือผู้กล้าในปัจจุบันได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว ยามมหายุคมาเยือน ศิษย์พี่อวิ๋นออกจากด่าน ทั้งดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้… คงสั่นสะท้านเพราะเขากระมัง’
ข่งหลิงทอดถอนใจในใจ
ทันใดนั้นนางก็เก็บความรู้สึกนึกคิด แววตางดงามกระจ่างราวเพชรใส
‘แม้ศิษย์พี่อวิ๋นไม่สนใจเรื่องสถิติของตนเมื่อสิบปีก่อนถูกผู้อื่นทำลายลง แต่ข้าก็อยากไปดูเสียหน่อยว่านี่เป็นเรื่องที่อริยเทพที่ไหนทำกันแน่…’
ข่งหลิงรู้ถึงความอัศจรรย์ของสิบสองหอเป็นอย่างดี ทั้งรู้ดีว่าหมายจะทำลายสถิติในตอนนั้นของอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นเรื่องยากลำบากและไม่น่าเชื่อปานใด
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างนี้กลับเปลี่ยนไปแล้ว!
นี่ทำให้ข่งหลิงเหมือนเห็นตำนานที่ตนชื่นชมยกย่องเรื่องหนึ่งถูกทำลาย ในใจจึงไม่อาจยอมรับได้
สวบ!
ไม่นานนักนางก็แปลงร่างเป็นนกยูงที่มีปีกงามเด่นสะดุดตา พุ่งทะลุเมฆาออกไปจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า เคลื่อนตัวไปยังเมืองนภาม่วง
……
เมืองแสงเขียว หอสำแดงมรรค
ต้นหญ้าขึ้นเต็ม ตะไคร่เขียวขึ้นเป็นลายพร้อย
หนึ่งในสิบสองหอแห่งนี้กลับมีทัศนียภาพเงียบเหงาไร้ร่องรอยมนุษย์
หลินสวินอึ้งไป “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
เซียวชิงเหอเอ่ยทอดถอนใจ “ปกตินัก หอนี้ตั้งแต่ถูกสถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างขึ้นเมื่อสิบปีก่อนยึดครอง ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรกร้างแล้ว”
ตามคำพูดของเขา มีเพียงผู้ที่ทำลายสถิติสูงสุดของหอสำแดงมรรคแห่งนี้เท่านั้น ถึงมีโอกาสได้วาสนาที่ซ่อนอยู่ในหอนี้ไปครอง
สิบปีก่อนอวิ๋นชิ่งไป๋เหยียบเข้ามาในหอสำแดงมรรคแห่งนี้ แล้วขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ในครั้งเดียว
ความสูงของสถิติที่เขาสร้างไว้ย่อมเรียกได้ว่ายากพบเห็นในอดีต ทำให้ผู้ที่มาทีหลังคว้าน้ำเหลวกลับไป ไม่ได้อะไรติดมือเลย
มิหนำซ้ำเพื่อเข้าไปในหอสำแดงมรรค จะต้องจ่ายแกนวิญญาณขั้นสูงถึงห้าหมื่นก้อนเต็มๆ ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่บนโลกเห็นสถานการณ์เช่นนี้ต่างถอยกลับไป
“สำหรับผู้ฝึกปราณที่ระดับต่ำกว่าระดับราชันแล้ว สถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้ที่หอสำแดงมรรคก็เหมือนมหาบรรพตที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ลูกหนึ่ง อีกทั้งจะขึ้นหอก็ต้องเสียแกนวิญญาณก้อนยักษ์ ใครจะกล้ามาฝ่าด่านกัน”
เซียวชิงเหอสีหน้าซับซ้อน
หอสำแดงมรรคยิ่งรกร้างและเงียบเหงา ก็ยิ่งขับเน้นว่าอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อสิบปีกก่อนไม่ธรรมดาปานไหน กำราบจนผู้ฝึกปราณต่างไม่กล้ามาท้าทาย เรียกได้ว่าพลานุภาพราวดวงระวี ส่องสว่างเหนือเวิ้งฟ้าเพียงดวงเดียว!
“แกนวิญญาณขั้นสูงห้าหมื่นชิ้น”
มุมปากหลินสวินก็กระตุกขึ้นอย่างยากสังเกต
เพียงแค่ขึ้นหอก็ต้องจ่ายแกนวิญญาณก้อนใหญ่ยักษ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติทั่วไปเลย เกรงว่าต่อให้เป็นผู้สืบทอดของสำนักโบราณก็รู้สึกเปลืองแรงและเข้าเนื้อกันทั้งสิ้น
“แน่นอนว่าถ้าหากสามารถทำลายสถิติของอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ เช่นนั้นคุณประโยชน์ก็มหาศาล ลือกันว่าบนชั้นบนสุดของหอสำแดงมรรคนั่นมีเบาะรองนั่งมหามรรคในระดับต่างๆ กันเก้าแบบ”
“เบาะรองนั่งมหามรรคทุกแบบ ต่างสามารถช่วยเหลือและยกระดับการบำเพ็ญมหามรรคของผู้ฝึกปราณไม่มากก็น้อย”
ดวงตาเซียวชิงเหอเจือแววประหลาด “ในอดีต ที่หอสำแดงมรรคแห่งนี้เคยมีเบาะรองนั่งมหามรรคแบบต่างๆ เช่นสีดำ สีขาว สีเหลือง สีชาด… กระทั่งอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อสิบปีก่อนขึ้นหอไป ก็ปรากฏเบาะรองนั่งมหามรรคสีม่วงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
“ตามการคาดเดา เบาะรองนั่งมหามรรคสีม่วงนี้เป็นเบาะรองนั่งที่มีคุณภาพดีที่สุด นั่งสมาธิบนนั้นสามารถทำให้พลังมหามรรคของผู้ฝึกปราณแปรสภาพ!”
หลินสวินก็รู้ข้อมูลเหล่านี้มาก่อน แต่รู้เพียงคร่าวๆ และตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเซียวชิงเหอทำให้ใจเขาสั่นสะท้านแรงกล้า
ทำให้พลังปราณมหามรรคแปรสภาพ!
นี่ต้องเป็นสิ่งล่อใจที่ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนไหนต่างไม่อาจปฏิเสธได้
มหามรรคยาก บำเพ็ญมรรคยิ่งยากกว่า โดยเฉพาะพลังหยั่งรู้มหามรรคยิ่งยากเสียยิ่งกว่ายาก!
ด้วยการหยั่งรู้และรากฐานพลังของหลินสวิน ตอนนี้ก็ทำได้เพียงบรรลุระดับแก่นมรรคของมหามรรคแห่งธาตุน้ำและไฟ
ส่วนการควบคุมมรรคดับดารากลืนกิน ยังเพิ่งถึงระดับท่วงทำนองแห่งมรรค ห่างจากระดับเจตจำนงแห่งมรรคอีกไม่น้อย ระดับแก่นมรรคยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่วาสนาที่ซ่อนอยู่ในหอสำแดงมรรคแห่งนี้กลับสามารถทำให้พลังปราณมหามรรคของผู้ฝึกปราณแปรสภาพได้ นี่ย่อมดูเหลือเชื่อนักอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าเรื่องที่ต้องทำให้ได้ก่อนได้วาสนามาครองก็คือ ต้องทำลายสถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้เมื่อสิบปีที่แล้วให้ได้ก่อน!
ซ่า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์