“เทพมารหลิน เจ้ากล้ากดขี่พวกเราถึงตอนนี้เชียวหรือ”
“น่าชังนัก!”
สองคนนี้ก็คือเสวี่ยเชียนเหินและจางเจิงศิษย์แกนหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่ถูกหลินสวินจับตัวมาจากแคว้นกู่ชางในตอนแรก
ตอนเห็นหลินสวินที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ด่าอย่างระอุ ในสายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เซียวชิงเหอที่อยู่ข้างๆ อึ้งไป เทพมารหลินงั้นหรือ เป็นเขา?
ในใจเขาสะท้าน ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าเจ้าคนที่ถูกเขามองว่าเป็นคนวิปริตนี้เป็นอริยเทพจากไหนแล้ว
ในฐานะบุคคลขอบเขตมกุฎของคนรุ่นเยาว์แห่งแดนชัยบูรพา แน่นอนว่าไม่มีทางที่เซียวชิงเหอจะไม่เคยได้ยินชื่อหลินสวินที่มาจากแดนฐิติประจิม
แต่เซียวชิงเหอก็ยังคิดไม่ถึงว่า คนหนุ่มที่ดูเหมือนหล่อเหลาสะอาดสะอ้านโดดเด่นตรงหน้า กลับเกี่ยวข้องกับฉายา ‘เทพมารหลิน’
“หลินสวิน จะฆ่าจะแกงกันเจ้าก็เข้ามาเลย แต่หากคิดใช้วิธีแบบนี้หยามหน้าพวกเราก็ฝันไปเถอะ!”
จางเจิงโกรธจนหน้าเขียว กัดฟันพูด
ไม่ว่าใครที่ถูกกดข่มมานานขนาดนี้ ก็ย่อมต้องไฟสุมอก
แม้เสวี่ยเชียนเหินจะพูดน้อย แต่สีหน้าก็อึมครึมอย่างที่สุด เป็นถึงศิษย์แกนหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ตอนนี้กลับถูกลดฐานะเป็นนักโทษ ความรู้สึกเช่นนี้ทรมานอย่างที่สุด
ทว่าไม่ว่าจะเป็นจางเจิงหรือเสวี่ยเชียนเหินต่างมั่นใจว่า หลินสวินไม่กล้าฆ่าพวกเขา
เหตุผลง่ายมาก ฐานะของพวกเขาก็เห็นๆ กันอยู่ หากฆ่าพวกเขา ชาตินี้หลินสวินย่อมหนีการถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ตามฆ่าไม่พ้นแน่!
ขอเพียงแค่เป็นคนฉลาดก็จะรู้ว่าควรเลือกอย่างไร
ไม่เช่นนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่เขาหลินสวินจะกดขี่พวกเขาจนถึงตอนนี้ แต่ยังไม่กล้าพรากชีวิตพวกเขาเสียที
“ทั้งสองท่าน ข้าเข้าใจความคิดของพวกเจ้า คงคิดว่ามีแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หนุนหลังพวกเจ้า ข้าจึงไม่กล้าล่วงเกินพวกเจ้าเกินไป”
สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบราบเรียบ เหลือบมองลงมายังทั้งสอง “น่าเสียดายพวกเจ้าเดาผิดแล้ว ที่ก่อนหน้านี้ไม่ฆ่า เพราะพวกเจ้ายังมีผลประโยชน์ หากถูกผู้ยิ่งใหญ่สำนักเจ้าไล่ตามมา ก็สามารถเอาพวกเจ้ามาเป็นตัวประกันสร้างคุณค่าสักหน่อย”
หยุดไปครู่เขาจึงพูดต่อ “แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้แม้คุณค่าเพียงเท่านี้พวกเจ้าก็ไม่มีแล้ว ข้ารอมาหนึ่งเดือนกว่าก็ไม่เห็นว่าคนใหญ่คนโตในสำนักของพวกเจ้าจะตามมาช่วยพวกเจ้า เช่นนี้…”
“ข้าเก็บพวกเจ้าไว้แล้วจะมีประโยชน์อะไร”
เสียงที่สบายๆ ลอยอยู่ในพื้นที่ภูเขาท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาลนี้ กลับราวกับกระแสเย็นทำให้เสวี่ยเชียนเหินและจางเจิงต่างตัวแข็งค้าง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“หรือ… เจ้าจะ…” จางเจิงหน้าถอดสี ซีดขาวอย่างที่สุด
“เจ้ารู้จุดจบของการทำเช่นนี้หรือไม่” เสวี่ยเชียนเหินพยายามข่มกลั้นความตื่นตระหนกในใจ เสียงเหมือนลอดออกจากไรฟัน
“คำพูดข่มขู่เช่นนี้ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในแดนฐิติประจิมข้าก็เคยได้ยินมาหลายรอบแล้ว พวกเจ้าคิดว่าหากข้าเป็นคนกลัวปัญหาจริงๆ จะถูกคนในโลกเรียกว่า ‘เทพมาร’ หรือ”
ดวงตาดำของหลินสวินลึกล้ำและเยียบเย็น ไม่มีคลื่นความรู้สึกเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
“จำไว้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของพวกเจ้าทำไม่ดีกับข้าก่อน เพื่อตามฆ่าข้า แคว้นกู่ชางทั้งแคว้นถูกพวกเจ้าปิดล้อม ตอนนั้นหากข้าตกอยู่ในมือของพวกเจ้า เช่นนั้นผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”
จางเจิงและเสวี่ยเชียนเหินขวัญหนีดีฝ่อแล้ว เสียงของหลินสวินยิ่งราบเรียบและนิ่งสงบ ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกระวนกระวายและหวาดกลัว
ไม่มีใครไม่กลัวตาย
แม้เป็นอริยะ เมื่อเผชิญกับความตายก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกรู้สา!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่ใช่อริยะ พวกเขาอายุยังน้อย ยังมีอนาคตอีกยาวไกล ยังปรารถนาจะลืมตาอ้าปากในมหายุคที่กำลังจะมาเยือน จะยอม… ร่วงหล่นเช่นนี้ได้อย่างไร
“หลินสวิน หากเจ้าปล่อยพวกเราไป ข้าสัญญาว่าจะขอความเมตตากับสำนักให้บุญคุณความแค้นในอดีตจบเพียงเท่านี้ ไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีก!”
จางเจิงร้อง เขารู้สึกกลัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เสวี่ยเชียนเหินเองก็พยักหน้า “ไม่ผิด หากเจ้าฆ่าพวกข้า มีแต่จะก่อพิบัติภัยที่ใหญ่กว่า เมื่อเทียบกันแล้วปล่อยพวกเราไปเสีย ยังสามารถคลี่คลายเคราะห์สังหารให้เจ้าได้”
มุมปากของหลินสวินเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย พยักหน้าพูด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะถอยสักก้าว ไว้ชีวิตพวกเจ้า”
จางเจิงและเสวี่ยเชียนเหินโล่งอกโดยพร้อมเพรียง
แต่ประโยคถัดไปของหลินสวินกลับทำให้พวกเขาอึ้งงันอย่างสิ้นเชิงราวกับถูกฟ้าผ่า
“โทษตายละเว้นได้ แต่โทษเป็นยากจะหนี ไว้ชีวิตพวกเจ้าสักครั้งก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องชดใช้สักหน่อย”
เสียงอันเรียบเฉยยังไม่ทันจบ หลินสวินก็ลงมือแล้ว
ปัง! ปัง!
พร้อมกับเสียงนั่น ทั้งสองยังไม่ทันได้ตอบสนอง จุดตันเถียนชี่ไห่ก็ถูกระเบิด แปรจุติมหามรรคที่หล่อเลี้ยงอยู่ในร่างกายยุบสลายไปตามกัน พลังปราณในร่างกายพลันถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง!
“หลินสวิน เจ้าสมควรตาย!”
“เจ้า! เหี้ยม! มาก…!”
เสวี่ยเชียนเหินและจางเจิงในตอนนี้ล้วนมีความรู้สึกล่มสลายและบ้าคลั่งไปแล้ว พลังปราณถูกกำจัด ทรมานยิ่งกว่าฆ่าพวกเขาเสียอีก!
ไม่มีพลังปราณก็เท่ากับสูญเสียฐานะ ตำแหน่งและพลัง กลายเป็นคนไร้ประโยชน์!
ความกระทบกระเทือนเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งพังทลาย เรียกว่าตายทั้งเป็นก็ไม่เกินไป
แม้แต่เซียวชิงเหอที่เห็นภาพนี้ในใจก็ยังไม่สามารถสงบได้ คิดไม่ถึงเลยว่าหลินสวินที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนพูดคุยง่ายมาก วิธีการกลับโหดเหี้ยมและเย็นชาเพียงนี้
พูดตามจริงเขาเองก็ตกใจกับเรื่องนี้!
“เมื่อครู่นี้พวกเจ้ายังพูดอยู่เลยว่าจะกลับสำนักไปขอความเมตตา คลี่คลายบุญคุณความแค้นกับข้า ตอนนี้ข้ารับปากแล้วว่าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า พวกเจ้ากลับมีท่าทีเช่นนี้ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อ พลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมา “ไสหัวไปซะ หวังว่าพวกเจ้าจะสามารถออกจากเทือกเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจนี้ได้”
ครืนโครม!
เสวี่ยเชียนเหินและจางเจิงราวกับใบไม้ที่ถูกสายลมพัด ถูกส่งไปอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาอันกว้างใหญ่นี้ทันที
ในที่นั้นเงียบสงัดในชั่วขณะ เซียวชิงเหอเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็หยุดไป
หลินสวินพูด “มีอะไรเดี๋ยวค่อยพูด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์