เหมิงหรงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
นางทำความเข้าใจสิ่งที่หลินสวินทำหลังจากเข้ามาในดินแดนรกร้างโบราณอย่างละเอียด รู้ดีว่าเด็กทารกที่ควรตายตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้น่ากลัวถึงเพียงใดแล้ว
เขาถูกมองว่าเป็นเทพมารหลิน ป่วนแดนฐิติประจิมจนวุ่นวายไปหมด
จนกระทั่งเข้ามาในแดนชัยบูรพา เขาป่วนแคว้นกู่ชาง ฆ่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไปไม่รู้เท่าไหร่ แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งยังตายอย่างอนาถในมือเขา!
อีกทั้งในข่าวลือ เขายังครอบครองสมบัติอริยะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่ง เพียงพอที่จะทำให้ตำหนักอมตะแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะ และทวนทองผลาญตะวันแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ต่างรับมือไม่ไหว
คนรุ่นเยาว์ที่รากฐานมั่นคงและครอบครองสมบัติอริยะเช่นนี้ หากมาแก้แค้น นั่นย่อมเป็นภัยเงียบที่ไม่อาจมองข้ามอย่างแน่นอน เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนกินไม่ได้นอนไม่หลับ!
“เขาต้องตายสถานเดียว!”
เหมิงหรงส่งเสียงแหลมอย่างเสียการควบคุม นางยิ่งคิดก็ยิ่งกระวนกระวาย ราวกับมีอะไรอัดอั้นอยู่ในใจ
เสียงอันแหลมคมดังขึ้นภายในตำหนักอันว่างเปล่า เหมิงชิวจิ้งไม่ได้กล่าวโทษ พลันพยักหน้าพูด “เจ้าพูดถูก เด็กนี่ต้องตายสถานเดียว!”
“ท่านพ่อ ท่านมีแผนแล้วใช่หรือไม่”
จู่ๆ เหมิงหรงก็สังเกตว่าเหมิงชิวจิ้งสงบและนิ่งกว่าที่นางคิด
เหมิงชิวจิ้งเอ่ยว่า “สำนักกระบี่เทียมฟ้าทั้งสำนัก บวกกับเจ้า อย่างมากที่สุดก็ไม่เกินห้าคนที่รู้ว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่”
“แม้แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ เขาก็คงคิดไม่ถึงว่าทารกในตอนนั้นกลับรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์”
เหมิงหรงอดพูดแทรกไม่ได้ “อวิ๋นชิ่งไป๋ยังไม่รู้หรือ”
“เขาปิดด่านตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว จะรู้ได้อย่างไร”
เหมิงชิวจิ้งพูดเรียบๆ “ตอนนั้นยามเขาช่วงชิงศุภโชครอบนั้น แม้แต่เด็กทารกคนนั้นชื่ออะไรยังไม่รู้ ตอนนี้… เหอะๆ ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่าหากหลินสวินยืนอยู่ตรงหน้าเขา เกรงว่าเขาก็คงจำไม่ได้”
ดวงตาของเหมิงหรงวาบประกาย เอ่ยว่า “นี่… จะต้องบอกเขาตอนนี้เลยหรือไม่ หากให้เขาลงมือได้ การสังหารเด็กหนุ่มคนนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!”
“ไม่”
เหมิงชิวจิ้งปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว สีหน้าลึกลับ “หรงเอ๋อร์ เรื่องนี้ไม่เพียงไม่สามารถบอกอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ และจะบอกใครไม่ได้เด็ดขาด!”
“เพราะเหตุใด” เหมิงหรงชะงัก
“เพื่อศุภโชคใหญ่ครั้งหนึ่ง!” นัยน์ตาของเหมิงชิวจิ้งพลันสาดประกายน่ากลัวออกมา ร้อนแรงราวกับสุริยันดวงโตลุกโชนอยู่ในดวงตา
“ทุกคนต่างรู้ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นคนที่พรสวรรค์โดดเด่นอยู่แล้ว แก่นกระดูกเหนือกว่าอัจฉริยะผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าที่หมื่นปีก็ยากจะได้เห็น”
พูดถึงตรงนี้เหมิงชิวจิ้งก็เปลี่ยนเรื่อง สีหน้าแฝงความเย็นเยียบ
“แต่ถ้าไม่มีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่ถูกเขาชิงมาในตอนนั้น เขาก็ไม่มีทางก้าวสู่มรรคาระดับสูงสุดที่อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนต่างใฝ่ฝันได้ไวขนาดนี้!”
เหมิงหรงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ในใจไม่สามารถกดความตะลึงที่พลุ่งพล่านขึ้นมาได้ “ท่านพ่อ หรือท่านคิดจะ…”
เหมิงชิวจิ้งยิ้มก่อนจะพูดว่า “หรงเอ๋อร์ ตอนนี้จิ่งเจินเบียดตัวเข้าไปอยู่ในอันดับชั้นยอดของระดับกระบวนแปรจุติได้แล้ว แต่ถ้าอยากก้าวสู่มกุฎมรรคาก็ยังขาดอีกเล็กน้อย เจ้าคิดว่าหากมีโอกาสช่วยเขาเปลี่ยนชีวิตพลิกโชคชะตา ครอบครองพลังขอบเขตมกุฎในคราเดียวก่อนที่มหายุคจะมาเยือน เจ้า… จะลองหรือไม่”
“ข้า…” ในใจเหมิงหรงเต้นแรง รู้สึกคอแห้งขึ้นมาระลอกหนึ่ง
นางคิดไม่ถึงเลยว่า บิดากลับหมายตา ‘ศุภโชค’ ในตัวหลินสวินเหมือนอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้น!
“ไม่ต้องกังวลขนาดนี้ เด็กนี่ยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับราชัน แม้จะมีชื่อเสียงดุดันแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ยังไม่สามารถทำให้ข้าเกรงกลัวได้”
เหมิงชิวจิ้งสายตาลุ่มลึกเย็นเยียบ “อีกอย่าง ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่า หากเราไม่แย่ง กู้ตงถิงก็จะแย่ง!”
“ผู้อาวุโสสายในกู้ตงถิงหรือ”
“ไม่ผิด เจ้าเฒ่านั่นเคยลงไปเยือนโลกชั้นล่างเมื่อหลายปีก่อน เคยเห็นความไม่ธรรมดาของหลินสวินกับตา มีความคิดเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”
“เขาเป็นถึงราชันที่ทะลวงอมตะเคราะห์ขั้นสองแล้ว ยังอยากได้… ‘ศุภโชค’ เช่นนี้อีกหรือ”
“เขาเตรียมไว้เพื่อชิงเจ๋อ”
พูดถึงตรงนี้เสียงของเหมิงชิวจิ้งแฝงความดูถูก “เจ้าเฒ่านั่นเคยรับปากว่าจะช่วยชิงเจ๋อช่วงชิงศุภโชคระดับนี้ให้ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน เผ่ากระเรียนเขียวที่ชิงเจ๋ออยู่จะเปิดแดนศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าให้กู้ตงถิงเข้าไปทะลวงอมตะเคราะห์”
“พูดง่ายๆ ก็คือ นี่เป็นการแลกเปลี่ยนเท่านั้น หากไม่เป็นเช่นนี้ ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีกู้ตงถิงจะสามารถทะลวงอมตะเคราะห์ถึงสองครั้งได้อย่างไร”
เหมิงหรงถึงเพิ่งรู้เอาตอนนี้ว่า คนที่กังวลเรื่องของหลินสวินยังมีกู้ตงถิงและชิงเจ๋อ!
“ถ้าหากเราทำเช่นนี้จริง ก็เป็นการแข่งกับกู้ตงถิงไม่ใช่หรือ” เหมิงหรงขมวดคิ้วพูด
เหมิงชิวจิ้งพูดเรียบๆ “ไม่ ก่อนที่จะฆ่าหลินสวินและช่วงชิงศุภโชคในตัวเขา เราทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน”
“ส่วนหลังจากฆ่าเขาแล้ว ใครจะช่วงชิงศุภโชคไปได้ จะเป็นสิทธิ์ของพวกคนรุ่นหลังอย่างจิ่งเจินและชิงเจ๋อในการจัดการ”
“จัดการอย่างไร”
“ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดจัดการ”
“ต่อสู้หรือ”
นัยน์ตาเหมิงหรงหดรัดลง รีบพูดว่า “ชิงเจ๋อนั่นเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักมาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว พรสวรรค์โดดเด่น เท่าที่ข้ารู้ เขาในตอนนี้มีพลังต่อสู้ที่สามารถเบียดตัวเข้าไปอยู่ในสิบสามกระบี่ได้แล้ว นี่จะให้จิ่งเจินสู้กับเขาได้อย่างไร”
เหมิงชิวจิ้งสีหน้าอึมครึม พูดอย่างไม่ชอบใจ “หรงเอ๋อร์ หากชิงเจ๋อคนเดียวยังสู้ไม่ได้ ยังต้องพูดถึงเรื่องจะช่วงชิงมหามรรคในมหายุคอะไรอีก ทั้งจะมีสิทธิ์อะไรไปแข่งกับผู้กล้าทั่วหล้า”
“ในฐานะหลานของเหมิงชิวจิ้ง หากด่านนี้เขาจ้าวจิ่งเจินยังผ่านไม่ได้ ข้าว่าชาตินี้เขาอย่าคิดล้างแค้นอีกเลย!”
คำพูดเผยความขุ่นเคืองในความไม่เอาไหนของอีกฝ่าย
สีหน้าของเหมิงหรงอึมขรึมสับสน ครู่ใหญ่จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง พลันกัดฟันพูด “ท่านพ่อ เรื่องนี้จัดการตามนี้ก็แล้วกัน ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อยกระดับพลังต่อสู้ของจิ่งเจินอย่างเร็วที่สุด!”
เคร้ง!
เหมิงชิวจิ้งสะบัดแขนเสื้อ หยกประดับรูปกระบี่โฉบออกมา ส่งเสียงปานกระบี่ครวญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์