‘สถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้เมื่อสิบปีก่อน ถูกคนหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและเป็นเหมือนปีศาจยิ่งกว่าเขาในตอนนั้นทำลาย!’
‘หลายปีมานี้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนทั่วหล้าต่างตั้งคำถามว่า อวิ๋นชิ่งไป๋ที่ถูกมองว่าเป็นอันดับหนึ่งใต้ระดับราชัน จะถูกเอาชนะได้หรือไม่’
‘ตอนนี้การปรากฏตัวอย่างโดดเด่นของเทพมารหลิน ได้เปิดเผยคำตอบให้เราแล้ว!’
‘เทพมารหลิน คนรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่ไร้พรรคไร้สำนัก กลับป่วนแดนฐิติประจิม ฝ่าฟันสังหารออกจากการการปิดล้อมอย่างหนาแน่นของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ตอนนี้ก็มาเจิดจรัสในนครหยกขาวอีกครั้ง! เส้นทางแห่งตำนานของเขาจะดำเนินต่อไปได้หรือไม่’
‘เรามาตั้งหน้าตั้งตารอกัน!’
นี่ก็คือข่าวที่ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้า ถูกเผ่าวาทวาโยใช้คำพูดฮึกเหิมบรรยายออกมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ
ในลานฮือฮาอย่างที่สุดไปแล้ว ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตกอยู่ในความโกลาหล
อย่างที่ในข่าวบอก คนรุ่นเยาว์ที่ไร้ที่พึ่งคนหนึ่ง กลับสามารถลืมตาอ้าปากในดินแดนรกร้างโบราณที่ผู้กล้านับหมื่น ผู้มีความสามารถมากมาย สร้างตำนานครั้งแล้วครั้งเล่า เขียนเกียรติยศที่เป็นของตน นี่เป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ!
สิ่งที่ยากจะเชื่อที่สุดคือ ภายใต้การกดข่มของสำนักโบราณมากมาย เทพมารหลินนี่ยังคงสามารถลืมตาอ้าปากอย่างแข็งกร้าว ไม่เคยหม่นมัวและเงียบหาย น่าแปลกใจเกินไปแล้ว
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าชื่นชมเพียงเทพมารหลิน!”
ผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์หลายคนต่างตื่นเต้น สีหน้าเผยความยกย่อง
“หึ ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น ตอนนี้ต่อให้เทพมารหลินสะดุดตาแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ได้เติบใหญ่ขึ้นมาอย่างแท้จริง ไม่แน่ว่าอาจจะหักโค่นได้ทุกเมื่อ!”
และมีคนแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ น้ำเสียงแฝงความอิจฉา
“ให้ตาย ข้าชอบการกระทำของเทพมารหลินนัก ตัวคนเดียวกล้าขัดแย้งกับสำนักโบราณมากมาย เพียงแค่ความกล้าหาญ ทอดสายตามองไปทั่วหล้า ใครจะเทียบได้”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในที่นั้นดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
หลินสวินปวดหัวขึ้นมาระลอกหนึ่ง ทันทีที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สำนักกระบี่เทียมฟ้าหรือเหล่าขุมอำนาจที่เคยมีความแค้นกับตน กลัวว่าคงจะมองตนเป็นหนามยอกอก หมายจะกำจัดตนให้สาแก่ใจ
ในทำนองเดียวกับการยิงนกที่ยื่นหัวออกมา ตอนนี้ตนดูเหมือนแข็งแกร่งโดดเด่น แต่กับกลายเป็นการดึงดูดความสนใจจากสายตามากมาย
ในสายตาพวกนี้ ไม่มีทางมีเพียงความหวังดีอย่างแน่นอน!
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้ฝึกปราณในโลกถึงทั้งรักทั้งชังเผ่าวาทวาโย…” หลินสวินยิ้มขื่น
ขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้า ย่อมสามารถทำให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายออกไปอีก เป็นที่รู้จักของคนทั่วหล้า
นี่เป็นกิตติคุณอย่างหนึ่ง
แต่เช่นเดียวกัน ในระหว่างนี้ก็จะดึงดูดความไม่ประสงค์ดีมามากมาย!
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ใต้หล้านี้ยังจะมีใครไม่รู้จักเจ้า” เซียวชิงเหอยิ้มอย่างสดใสอยู่ข้างๆ
หลินสวินพูดอย่างไม่อภิรมย์ “หยุดพูดไร้สาระ รีบไป”
“เฮ้อ เหตุใดเจ้าจึงไม่มีความสุขเช่นนี้ หากเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ สามารถมีชื่อเสียงอย่างเจ้าในวันนี้คงจะดีใจจนคลั่งไปแล้ว แต่ดูเจ้าสิ ท่าทางไม่เต็มใจ กังวลว่าจะเดือดร้อนเพราะชื่อเสียงหรือ”
เซียวชิงเหอยิ้มพูด
หลินสวินกลับไม่มีกะจิตกะใจล้อเล่น ขมวดคิ้วพูด “ไร้ที่พึ่งพิงก็เหมือนแหนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ พอมีคลื่นโหมซัดสาดก็จะถูกม้วนเข้าไป สำหรับข้าในตอนนี้ชื่อเสียงนี้อันตรายมากกว่าจะเป็นผลดี”
พูดจบเขาก็ก้าวไปทางนอกเมืองแล้ว
‘ดูเหมือนเจ้าหมอนี่ไม่ได้หน้ามืดตามัวกับความสำเร็จที่ได้รับในตอนนี้… นี่อาจจะเป็นผู้กล้าที่แท้จริง เห็นชื่อเสียงเป็นเมฆที่ลอยล่องไร้ความหมาย มุ่งมั่นอยู่กับมรรคาของตนเท่านั้น…’
เซียวชิงเหอพลางใคร่ครวญ พลางไล่ตามฝีเท้าของหลินสวิน
……
นอกเมืองเนินยุทธ์ เทือกเขาเรียงรายเป็นลูกคลื่นราวกับไม่มีที่สิ้นสุด สภาพรกร้างทั้งแถบ
เขาสามกระจ่างซึ่งเป็นที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ อยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาอันกว้างใหญ่ไพศาลผืนนั้น
“เจ้าจะไปเยี่ยมเยียนสหายเก่าสภาพนี้หรือ”
ระหว่างทางเซียวชิงเหออดถามไม่ได้
แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณก็เป็นสำนักโบราณแห่งหนึ่ง ไม่ว่าวิชาแปลงกายของหลินสวินจะแนบเนียนเพียงใด แต่ถ้ากล้าปรากฏตัวในเขาสามกระจ่าง จะต้องถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจับได้อย่างแน่นอน
“เพราะฉะนั้นข้าจะให้เจ้าช่วยอะไรข้าสักหน่อย” หลินสวินยิ้มเอ่ย
“ข้าหรือ” เซียวชิงเหออึ้ง
“ใช่ ข้าไม่สะดวกปรากฏตัว จึงต้องขอให้เจ้าไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณสักหน่อย”
“แต่…”
เซียวชิงเหอพูดอย่างลังเล “ให้ข้าไปก็ได้ แต่เจ้าก็ต้องบอกสิว่าสหายเก่าคนนั้นของเจ้าเป็นใคร”
“จ้าวจิ่งเซวียนผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ”
พอคำพูดนี้ของหลินสวินดังออกมา สีหน้าของเซียวชิงเหอแปลกประหลาดขึ้นมากะทันหัน ร้องว่า “ที่แท้ก็เป็นนาง!”
คราวนี้หลินสวินกลับแปลกใจขึ้นมา “ทำไมหรือ เจ้ารู้จักนางหรือ”
สีหน้าของเซียวชิงเหอยิ่งแปลกพิกล จ้องหลินสวินแล้วพูดว่า “บอกข้าก่อนได้หรือไม่ว่า เจ้า… กับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน”
“สหาย” หลินสวินพูดอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“แค่สหายจริงๆ หรือ” เซียวชิงเหอพูดเพื่อความแน่ใจอีกขั้น
หลินสวินรับรู้ได้อย่างมีไหวพริบว่าคำถามเช่นนี้ของเซียวชิงเหอดูไม่ปกตินัก เขาพิจารณาครู่หนึ่งจึงพูด “ใช่ เป็นสหาย”
เรื่องบางเรื่อง ไม่สามารถอธิบายให้เซียวชิงเหอเข้าใจได้
“งั้นก็ดี”
เซียวชิงเหอแอบโล่งอก เอ่ยว่า “จ้าวจิ่งเซวียนที่เจ้าพูดถึงข้าเองก็รู้จัก แต่ไม่ใช่เพราะนางงดงามและสะดุดตา แต่เพราะคนผู้หนึ่ง”
“ใคร?” หลินสวินมุ่นคิ้ว
“เยี่ยนจั่นชิว!” เซียวชิงเหอพูดออกมาทีละคำ
ชื่อนี้ราวกับมีพลังเวทมนตร์แปลกประหลาด ทำให้ตอนเซียวชิงเหอพูด สีหน้าเคร่งขรึมและจริงจังขึ้นมา
“คนผู้นี้คือใคร” หลินสวินอดถามไม่ได้
“เจ้าเพิ่งมาแดนชัยบูรพาได้ไม่นาน ไม่รู้จักเยี่ยนจั่นชิวก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่สำหรับผู้ฝึกปราณท้องถิ่นแดนชัยบูรพา เยี่ยนจั่นชิวเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎที่เป็นดั่งตำนานคนหนึ่ง”
เสียงของเซียวชิงเหอหนักอึ้ง ราวกับเพียงแค่ชื่อเยี่ยนจั่นชิวนี้ ก็สามารถนำพาความกดดันอันใหญ่หลวงอย่างมากให้เขา
“เขาเป็นบุตรเทพยุคปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ถือกำเนิดในตระกูลเยี่ยนที่เป็นตระกูลอริยมรรคบรรพกาล จัดอยู่ในอันดับที่สามของสิบยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎแห่งแดนชัยบูรพา!”
“ตอนที่คนผู้นี้ถือกำเนิด บนหลังมีภาพ ‘ลายมรรคเกล็ดมังกร’ ครอบครองพลังมหามรรค ‘มังกรฟ้าแปดภาคี’ แต่กำเนิด ฝึกปราณในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจนถึงปัจจุบัน อายุยังไม่ถึงสามสิบปีก็มีสมญานามว่า ‘มังกรไร้พ่ายแล้ว’”
“ข้าเคยได้ยินเฒ่าดึกดำบรรพ์ในสำนักพูดว่า ในร่างกายของเยี่ยนจั่นชิวคนนี้มี ‘เลือดเจินหลง’ ไหลเวียนอยู่ เผ่าฝั่งมารดาของเขามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกี่ยวข้องกับเผ่าเจินหลงบรรพกาล!”
หลินสวินฟังถึงตรงนี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้
ฟังดูแล้วเยี่ยนจั่นชิวคนนี้ไม่เพียงแค่พลังต่อสู้โดดเด่น แม้แต่ชาติกำเนิดก็ยังเรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างที่สุด เขามาจากตระกูลเยี่ยนที่เป็นตระกูลอริยมรรค อีกทั้งฝั่งมารดาก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกี่ยวข้องกับเผ่าเจินหลง
แม้แต่ตัวเขา ตอนนี้ก็กลายเป็นบุตรเทพรุ่นปัจจุบันของสำนักโบราณอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแล้ว เพียงแค่ชาติกำเนิดและที่มาก็สามารถทำให้บุคคลระดับผู้กล้าส่วนใหญ่ในโลกจืดจางลงแล้ว
“เมื่อประมาณหกปีที่แล้ว ศิษย์พี่ของข้าหมีเหิงเจินเคยต่อสู้กับเยี่ยนจั่นชิวครั้งหนึ่ง ขั้นตอนนั้นไม่มีใครรู้ และผลลัพธ์ก็ไม่มีใครรู้เช่นกัน แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น ศิษย์พี่ของข้าเคยส่งเสียงถอนหายใจเบาๆ บอกว่า เยี่ยนจั่นชิวคนนี้เรียกได้ว่าเป็นคนที่เหมือนเจินหลงจริงๆ ทำให้เขาไม่ยอมรับไม่ได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์