แสงเคลื่อนไหวเจิดจรัสสายแล้วสายเล่าแล่นผ่านอากาศ ค่อยๆ ปรากฏชัดเจนห่างออกไปพันลี้
เพียงแต่หลินสวินกลับสีหน้าเคร่งขรึม อารมณ์ประหลาดที่แต่เดิมทั้งตั้งตาคอยและลุ่มลึกพลันมลายหายไปโดยสิ้นเชิง
ในแสงเคลื่อนไกลๆ มีเซียวชิงเหอ และผู้ฝึกปราณแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณในชุดนักพรตสีเหลืองส้มมากมาย เพียงแต่ไม่มีเงาร่างของจ้าวจิ่งเซวียน
อีกอย่าง เงาร่างพวกนั้นไม่เพียงมีจำนวนมากถึงสามสิบกว่าคน หนำซ้ำในนั้นยังมีบุคคลระดับกึ่งราชันหลายคนอีกด้วย
นี่แปลกประหลาดยิ่ง!
หลายปีมานี้หลินสวินผ่านการเข่นฆ่าเคี่ยวกรำมามาก มองปราดเดียวก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ พลันโคจรไอซวนหนีทันที ปกปิดตัวตนเอาไว้โดยไม่ลังเลสักนิด
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น เซียวชิงเหอและผู้ฝึกปราณแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณทั้งหมดก็แหวกอากาศมาถึง
“ทุกท่านไม่ต้องไปส่งแล้ว ในเมื่อแม่นางจ้าวมุ่งหน้าสู่ภูเขาเทพไร้มรณะ เพื่อเตรียมพร้อมประชันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์แล้ว เช่นนั้นข้าค่อยมาเยี่ยมภายหลังก็ได้”
เซียวชิงเหอยืนมั่นกลางห้วงอากาศ ประสานมือกล่าว
“สหายยุทธ์เกรงใจเกินไปแล้ว”
ชายชราไว้เคราแพะ เงาร่างซูบผอมที่อยู่หน้าสุดเอ่ยปากเจือรอยยิ้ม “ก่อนจากไป ข้าขอบังอาจถามสักประโยค ครั้งนี้สหายยุทธ์มาคนเดียวหรือ”
ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา คนอื่นๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
เซียวชิงเหอกวาดตามองทุกคน พูดด้วยสีหน้าสงสัย “ทำไมหรือ ข้ามาเยี่ยมสำนักพวกท่านคนเดียวมีปัญหาหรือ”
ชายชราเคราแพะหัวเราะร่วน “ไม่มีปัญหา เพียงแต่…”
เขาหยุดไป หุบรอยยิ้มบนใบหน้า สายตาเจือแววซักไซ้เพิ่มขึ้นมา “เท่าที่พวกเรารู้ สหายยุทธ์เจ้าไม่ได้มาคนเดียว”
เซียวชิงเหอขมวดคิ้ว “ผู้อาวุโสกงหยางเฉียน ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“เลิกทำไขสือ ใครบ้างไม่รู้ว่าหลายวันก่อนเจ้ากับเทพมารหลินคนนั้นร่วมกันก่อเรื่องในนครหยกขาว”
ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนลั่น
“พวกเราให้เกียรติที่เจ้าเป็นผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา แต่หากเจ้าซ่อนความคิดชั่วร้าย มีเจตนาไม่ดี ก็อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”
“ว่ามา เทพมารหลินคนนั้นมาพร้อมกับเจ้าใช่หรือไม่”
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนอื่นต่างพากันเอ่ยปาก สายตาที่แต่ละคนมองทางเซียวชิงเหอเจือแววเย็นชา
กลางห้วงอากาศ ทะเลเมฆพลิกตลบ บรรยากาศเริ่มเคร่งเครียด
เซียวชิงเหอครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะเยาะกล่าวว่า “ตั้งแต่แรกตอนที่พวกเจ้ายกโขยงมาส่งข้าอย่างเคารพ ข้าก็นึกเอะใจว่าไม่ปกติ ตอนนี้ดูแล้ว เห็นจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
เขาตัวคนเดียว ถูกผู้ฝึกปราณแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณทั้งกลุ่มปิดล้อมกลายๆ แม้เป็นเช่นนี้กลับไม่กริ่งเกรงสักนิด ตรงข้ามกลับเผยแววดูเบาออกมา
“อยากสืบข่าวเทพมารหลินจากตัวข้าหรือ คิดการใหญ่ใจละโมบชัดๆ! ข้าเตือนพวกเจ้ารีบหลีกไปจะดีกว่า!”
กล่าวจบเซียวชิงเหอก็มุ่งตรงไปข้างหน้า
สวบ!
ผู้เฒ่าเคราแพะกงหยางเฉียนร่างพริบไหว ขวางอยู่ข้างหน้าเซียวชิงเหอ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเฉยเมยและเย็นชา “สหายยุทธ์ หากเจ้ารั้นยึดตนเป็นใหญ่ เช่นนั้นพวกข้าก็ได้แต่งัดวิธีอื่นมาใช้เท่านั้นแล้ว”
ยามเอ่ยคำ ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างล้อมรอบรุกหน้าขึ้นมา กลิ่นอายทั่วร่างพลุ่งพล่าน ทำท่าเหมือนจะลงมืออย่างหนักหากไม่ยอมให้ความร่วมมือ
เซียวชิงเหอสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวเสียงเย็น “ข้าก็อยากถามสักประโยค นี่พวกเจ้าคิดจะเปิดศึกกับพวกเราตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรางั้นหรือ”
กงหยางเฉียนเปลือกตากระตุก กล่าวเรียบๆ “หาใช่ขนาดนั้น เพียงแต่อยากให้สหายยุทธ์พูดความจริงกับพวกเราหน่อยก็เท่านั้น เมื่อได้รับคำตอบ พวกข้าย่อมส่งสหายยุทธ์จากไป จะไม่ขัดขวางใดๆ อีกเป็นอันขาด”
ชิ้ง!
ฝ่ามือเซียวชิงเหอปรากฏทวนศึกเหล็กนิลเล่มหนึ่ง รอบตัวคละคลุ้งด้วยแสงเรืองทองอร่าม กลิ่นอายทั้งตัวไต่ทะยานถึงขีดสุดในพริบตา
“เลิกพูดพล่ามระยำเสียที ถ้ากล้าก็เข้ามา!” เขาตะโกนลั่น สายตาสาดประกายเย็นเยียบ
“เฮ้อ สหายยุทธ์ไยจึงโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ เวลานี้รั้งม้าริมหน้าผา กลับตัวยังทัน” กงหยางเฉียนถอนใจเบาๆ สายตากลับเปี่ยมแววเย็นชาและอึมครึม
“ไอ้แก่ ข้าจะบอกเจ้าให้ว่า วันนี้ต่อให้พวกเจ้าสังหารข้า ก็อย่าคิดจะได้ข้อมูลเทพมารหลินจากปากข้าแม้แต่นิดเดียว ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ลองดู!”
กลิ่นอายเซียวชิงเหอก้องกระหึ่มดั่งสายฟ้า ทั่วร่างเรืองอร่าม กระชับทวนศึกยืนตระหง่านกลางทะเลเมฆ ท่วงท่าเหมือนหนึ่งคนเฝ้าด่าน หมื่นทหารมิอาจกราย
กงหยางเฉียนสายตาคุโชน จู่ๆ ก็ยิ้มน้อยๆ “เจ้าว่า หากพวกเราลงมือกับเจ้า เทพมารหลินนั่นจะเห็นคนใกล้ตายไม่ช่วยหรือไม่”
เซียวชิงเหอหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ กล่าวว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“สหายยุทธ์ ล่วงเกินแล้ว!” กงหยางเฉียนตะโกนลั่น ร่างซูบผอมเหยียดตรงขึ้นมา สาวเท้ากลางอากาศ ฟาดฝ่ามือหนึ่งไปทางเซียวชิงเหอ
ตูม!
ฝ่ามือนี้ดั่งฟ้าถล่มเขาวิญญาณ แสงเรืองศักดิ์สิทธิ์สีม่วงพลุ่งพล่าน บดขยี้ห้วงอากาศแตกกระจุย พลังมหาศาลหนักหน่วง น่าสะพรึงไร้ขอบเขต
เซียวชิงเหอกวาดทวนศึกเข้าปะทะ ภายในเสียงกระหึ่มน่าสะพรึง การโจมตีนี้ของกงหยางเฉียนถูกสลายอย่างง่ายดาย
“อาศัยแค่เจ้าก็คู่ควรต่อสู้กับข้าด้วยหรือ”
เซียวชิงเหอดูเบา หว่างคิ้วเปี่ยมด้วยความภาคภูมิ ราชันกึ่งระดับคนหนึ่ง ไม่สามารถสร้างภัยคุกคามยิ่งใหญ่มาสู่เขาได้จริงๆ
“หากนับรวมพวกเราด้วยล่ะ”
เวลานี้เงาร่างสามสี่สายพุ่งปราดออกมาต่อเนื่อง มีทั้งชายหญิง ล้วนอยู่ระดับกึ่งราชันทั้งสิ้น
ในเวลาเดียวกันผู้ฝึกปราณแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนอื่นๆ ต่างก็เรียกสมบัติของแต่ละคนออกมา ป้องขวางรอบทิศ ตั้งท่าเตรียมพร้อมอย่างเข้มงวด
“คนมากรังแกคนน้อยหรือ บุคคลชั้นนำแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตายกันหมดแล้วรึ”
เซียวชิงเหอกล่าวเสียดสี
“สหายยุทธ์ ระวังปากพาซวย!”
กงหยางเฉียนสาวเท้ามาถึง ร่างซูบผอมระเบิดอานุภาพเสียดฟ้าออกมาประหนึ่งอสนีคลั่งรุนแรง พุ่งสังหารออกไป
และเวลานี้เอง ราชันกึ่งระดับคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มลงมือจากต่างทิศทาง
ตึง!
หญิงกลางคนผู้หนึ่งเรียกกลองศึกหนังสัตว์ออกมา เพียงตีเบาๆ เสียงกลองดุจดั่งเทพมารกู่ร้อง สะเทือนฟ้าสะท้านดิน
ฉัวะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์