โดยเฉพาะระดับกึ่งราชันขั้นสูงสุด พลังต่อสู้ยิ่งกร้าวแกร็งอย่างที่สุด
แต่สำหรับบุคคลชั้นยอดอย่างหลินสวิน ระดับกึ่งราชันที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่ต่างอะไรกับไก่โคลนสุนัขกระเบื้อง
ตูม!
ภายใต้การกำราบลงมาของประทับปี้อั้นที่เจิดจ้าดั่งอาทิตย์ดวงโต ชายอ้วนเตี้ยซึ่งถือโซ่สีเงินยวงนั้นฝืนต้านสุดแรงเกิด แต่สุดท้ายก็ยังถูกสังหาร ร่างอ้วนเตี้ยถูกบดขยี้ เลือดเนื้อปลิวว่อนไปทั่ว
ไกลออกไปเสียงกรีดร้องของผู้หญิงถือกลองหนังสัตว์หยุดชะงักทันควัน ทั่วใบหน้าเปี่ยมแววตกใจกลัว
ชายชราชุดเทาที่โถมเข้ามาหยุดฝีเท้าทันใด ทั้งร่างแข็งทื่อ
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแถวนั้นต่างเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึงงันและไม่อยากเชื่อ
เพิ่งเปิดศึกก็พ่ายยับเหมือนภูเขาทรุด!
ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนสักนิด
“ฆ่าระดับกึ่งราชันเหมือนตัดหญ้า อวิ๋นชิ่งไป๋ในปีนั้นกลัวแต่ว่าคงด้อยกว่าสามส่วน!” เซียวชิงเหอร้องชื่นชม
“พอแล้ว!”
เมื่อเห็นหลินสวินโจมตีอีกครั้ง เสียงตะโกนหนักเข้มและเย็นชาสายหนึ่งพลันดังขึ้นทันควัน
บนร่างผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนหนึ่งซึ่งมีปราณเพียงระดับกระบวนแปรจุติ ถึงกับระเบิดอานุภาพน่าสะพรึงออกมาในยามนี้ สั่นสะเทือนเลือนลั่นทุกทิศทาง
นี่คือพลังแห่งระดับราชัน!
นัยน์ตาหลินสวินหดรัด ก็เห็นชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยคนนั้น พริบตาพลันกลายร่างเป็นชายชราหนวดเคราขาวขุ่น ดวงหน้าเด็ดเดี่ยว รูปร่างอาจองทรงพลังไร้เทียมทาน
รอบตัวเขาอวลแสงมรรค สว่างไสวดั่งแสงอรุณ เมื่อดวงตาคู่นั้นกะพริบเปิด ประดุจมีสายฟ้าพลุ่งพล่านอยู่ในนั้น น่าสยองไร้ใดเปรียบ
นี่คือบุคคลน่าสะพรึงซึ่งเหยียบย่างสู่ระดับราชันคนหนึ่ง ก่อนหน้าเอาแต่ปลอมตัวปกปิดฐานะแท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผู้อาวุโสซูคง!”
ในที่นั้นผู้บำเพ็ญมรรคแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณที่แต่เดิมตะลึงอึ้งค้าง ยามนี้กลับเปี่ยมด้วยแววฮึกเหิม
ซูคง นี่เป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าน่าสะพรึงที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ขั้นสองเชียว!
‘ท่าไม่ดี!’
เซียวชิงเหอหน้าเปลี่ยนสี จำตัวตนของซูคงได้ รีบร้อนสื่อจิตบอกหลินสวิน
ยามนี้ดวงตาของหลินสวินก็หดรัดลงเช่นกัน เขากำลังตั้งท่าจะเริ่มสังหารครั้งใหญ่ ไม่คิดเลยว่าจะมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งโผล่ออกมา สิ่งนี้ทำให้เขาออกจะตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง
สถานการณ์พลิกผันเหนือคาดในยามนี้!
ระดับราชันที่เหยียบย่างมรรคาอมตะผู้หนึ่ง หาใช่ระดับราชันทั่วไปจะเทียบเทียมได้ ไม่ว่าเจ้าจะเย้ยฟ้าในระดับกระบวนแปรจุติเพียงใด เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลระดับนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับหุ่นฟางแสนเปราะบาง
“ไปเร็ว!” เซียวชิงเหอลุกลนยิ่ง
หลินสวินย่อมรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ร้ายแรง จึงเรียกยานขนส่งอวกาศออกมาโดยไม่จำเป็นต้องร้องเตือนสักนิด
วู้ม!
ยานสมบัติสีเงินมีแสงแวววาวศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน หลินสวินคว้าเซียวชิงเหอแล้วตั้งท่าเผ่นหนี
แต่เวลานี้เองซูคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ตูม!
พริบตานั้นฟ้าดินสั่นสะเทือน ภูเขาละแวกนี้พังครืนอย่างไร้สุ้มเสียง ต้นไม้ใบหญ้าแหลกกระจุย ห้วงอากาศอลหม่านปั่นป่วน
“เคลื่อนไหวอุกอาจหน้าประตูภูเขาแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเรา หากปล่อยพวกเจ้าหนีรอด ข้าซูคงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
เงาร่างกร้าวแกร่งของซูคงดั่งเทพไท้ พาดผ่านห้วงอากาศ เขายื่นมือใหญ่ออกมาข้างหนึ่ง แผ่คลุมลงมาดุจดั่งครอบงำผืนฟ้า
ดูเหมือนเนิบนาบราบเรียบ แต่ทันทีที่ฝ่ามือนี้โผล่ออกมากลับคล้ายหัตถ์สวรรค์ ลวดลายแต่ละข้อนิ้วล้วนชัดแจ้ง ราวกับประทับร่องรอยมหามรรคไว้บนนั้น
และกลางฝ่ามือนั่นปรากฏลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึง ทั้งตะวันดิ่งฮวบจันทราร่วงหล่น ห้วงอากาศผันเปลี่ยน เทพมารกู่ร้องเป็นต้น แต่ละลักษณ์ประหลาดต่างเป็นตัวแทนของเคราะห์สังหารอย่างหนึ่ง
ลักษณ์ประหลาดมากมายเช่นนี้รวมอยู่กลางฝ่ามือ แผ่ลงมาประหนึ่งครอบฟ้าคลุมดิน ภาพนี้น่าสะพรึงอย่างที่สุด
นี่ก็คือระดับราชันที่เหยียบย่างมรรคาอมตะ!
และถูกมองว่าเป็น ‘ผู้เป็นอมตะ’ พลังมหามรรคที่ครอบครองอยู่เหนือกว่าขอบเขตที่ผู้ฝึกปราณทั่วไปจะทำความเข้าใจได้ตั้งนานแล้ว สามารถชักนำฟ้าดิน เปลี่ยนมหามรรคทั้งปวงมาใช้ได้เอง!
เผชิญหน้ากับบุคคลระดับนี้ ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาเผชิญหน้าเทพเซียน
ความเร็วของยานขนส่งอวกาศรวดเร็วยิ่ง แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของซูคงเร็วยิ่งกว่า ไม่ให้โอกาสหลินสวินและเซียวชิงเหอหลบหนีสักนิด
เมื่อฝ่ามือนี้แผ่ครอบลงมา ทั้งสองเพิ่งจะเหยียบขึ้นยานสมบัติอย่างทุลักทุเล คิดหนีก็สายเกินไปเสียแล้ว
ในช่วงอันตรายไร้ใดเปรียบนี้ หลินสวินเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด เตรียมใช้งานขวดมหามรรคไร้ขอบเขต!
แต่เหนือความคาดหมาย ยามนี้เซียวชิงเหอถึงกับยืนจังก้าขวางเบื้องหน้าเขา ชูมือเรียกยันต์สีม่วงออกมา
บนยันต์นั้นประทับลวดลายปริศนาอริยมรรคที่บิดเบี้ยวเหมือนไส้เดือน เรืองแสงหลากสีสันเจิดจ้ากลางอากาศ สว่างไสวจนราวกับอาทิตย์สีม่วงดวงใหญ่ส่องสะท้อนสรรพสิ่ง!
ปึง!
อานุภาพแผ่ครอบของมือใหญ่ถูกยันต์สีม่วงสกัดไว้ ส่งเสียงระเบิดกระแทกสะเทือนโสต
ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ ต่างร่างสั่นเทิ้ม ประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด แทบกระอักเลือดออกมาอย่างทุรนทุราย การปะทะของพลังระดับนี้น่าหวาดกลัวและยิ่งใหญ่เกินไป ทำให้พวกเขาก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
“ยันต์ที่เขียนโดยอริยะหรือ เฮอะ! น่าเสียดายปราณเจ้าต่ำเกินไป ไม่เพียงพอจะใช้พลังของสมบัติชิ้นนี้แม้แต่น้อย! ทำลายมันให้ข้า!”
ซูคงตกตะลึงก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นจึงหัวเราะเสียงเย็น มือใหญ่ปานครอบฟ้านั้นร้องคำราม บดขยี้ห้วงอากาศร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ
โครม!
พลังศักดิ์สิทธิ์ของยันต์สีม่วงถึงกับส่อเค้าว่าจะต้านไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์