หลายปีต่อมา ซูซิงเฟิงไต่เต้าขึ้นสู่รายชื่อศิษย์แกนหลักแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างราบรื่น เดิมทีคิดว่าเพียงพอจะล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ได้แล้ว
แต่ที่ทำให้เขาไม่อาจยอมรับคือ หลินสวินในตอนนี้คือเทพมารหลินที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร!
เขาไม่ยอม ไม่เต็มใจ ไม่ยินดีจะถูกหลินสวินบดบังรัศมีอีกครั้ง
ดังนั้นครั้งนี้เมื่อรู้ข่าวว่าหลินสวินปรากฏตัวที่แคว้นหมึกขาว ก็ตั้งใจไปดูศัตรูคู่แค้นที่ทำให้เขาแค้นฝังใจ ให้เห็นกับตาตัวเองว่าจะแข็งแกร่งขึ้นถึงขั้นไหนกันแน่
แต่ยามนี้ในที่สุดซูซิงเฟิงก็เห็นความน่ากลัวของหลินสวินเองกับตัว!
การโจมตีเพียงสามครั้ง เขาก็ถูกสยบโดยตรง ไร้ซึ่งความอนาทร ยิ่งไม่มีพลังขัดขืน ถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิง!
เมื่อเทียบกับหลายปีก่อน หลินสวินในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนชัดๆ ฝีมือต่อสู้กร้าวแกร่ง อานุภาพอหังการ พาให้ซูซิงเฟิงยังรู้สึกหมดหวัง
ควรรู้ว่าเขาก็เองก็เหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้วเหมือนกัน แต่ยามที่เผชิญหน้ากับหลินสวิน สิ่งที่แลกมาก็ยังเป็นจุดจบที่ถูกกำราบตามเคย!
และเวลานี้ ในที่สุดซูซิงเฟิงก็เพิ่งประจักษ์แจ้งว่าในช่วงหลายปีมานี้ที่ตนแข็งแกร่งขึ้น หลินสวินเองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน แถมยังแกร่งจนห่างชั้นกันลิบลับ!
เขายังสงสัยว่าทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เกรงว่าคงมีแต่เยี่ยนจั่นชิวลงมือด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะมีโอกาสกำราบหลินสวิน
เพียงแต่ไม่รอให้ซูซิงเฟิงคิดมากก็ถูกหลินสวินซัดสลบเหมือด
และจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอีกสิบหกคนที่เหลือต่างก็ถูกกำราบ ไม่มีใครรอด และไม่มีใครหลบหนีได้สักคน
……
เมืองเนินยุทธ์
สียามค่ำคืนเหมือนสายน้ำ แต่ในเมืองกลับสว่างไสว
ผู้ฝึกปราณตัวเปื้อนฝุ่นธุลีคนหนึ่งเพิ่งมาถึงนอกเมือง เตรียมจะเข้าไปในเมือง แต่พอช้อนสายตาขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจก็ปากอ้าตาค้างทันที
บนผนังกำแพงสูงตระหง่าน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่มีเงาร่างคนแล้วคนเล่าแขวนห้อยอยู่ ล้วนถูกมัดตัวแน่นหนา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เรียงแถวหน้ากระดาน
และบนนั้นก็เขียนอักษรเลือดตัวใหญ่ที่แสนอุกอาจสะดุดตาแถวหนึ่ง
‘ผู้สืบทอดสำนักใหญ่อันทรงเกียรติส่วนหนึ่ง กลับไม่สนศักดิ์ศรี สมคบคิดกับพวกสวะหมาทมิฬ พฤติกรรมต่ำช้า พาให้ผู้คนเคืองขุ่น ธรรมชาติเกินรับไหว!’
เมื่อเห็นฉากนี้ผู้ฝึกปราณก็สูดหายใจเฮือก ในใจสั่นสะท้าน
ไม่นานนักผู้ฝึกปราณที่รวมตัวกันนอกประตูเมืองก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองเห็นภาพฉากนี้ต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี ตื่นตระหนกไม่สิ้น
“เป็นใครกันถึงกับกล้าแขวนผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไว้ตรงนี้ ประกาศศักดาต่อธารกำนัล”
ผู้คนมากมายต่างใจสะท้านสะเทือน
เมืองเนินยุทธ์นี้เป็นเมืองที่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณมากที่สุด แต่ยามนี้ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณกลับถูกมัดตัวแน่นหนา แขวนประจานอยู่บนกำแพงเมือง นี่ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังตอกหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอยู่!
“สมคบคิดกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหรือ หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เจ้าพวกนี้ก็ไร้ยางอายยิ่งแล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าพวกหมาทมิฬเหล่านี้เป็นเผ่าหนึ่งที่ผู้ฝึกปราณในใต้หล้าชิงชังมากที่สุด”
และมีคนร้องอุทาน ข่าวที่ตัวอักษรเลือดแถวนั้นเปิดโปงช่างพาให้ผู้คนตกใจเสียจริง หากพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจะต้องแปดเปื้อนอย่างแน่นอน
“ต้องเป็นฝีมือเทพมารหลินแน่นอน! ก็มีแต่เจ้าหมอนี่ที่ใจกล้าทำเรื่องผิดมนุษย์มนาขนาดนี้!”
“ถูกต้อง หลายวันมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไม่ได้ล่าตัวเจ้านั่นตลอดเลยหรือ เห็นชัดๆ ว่าทุกอย่างตรงหน้าก็คือการแก้แค้นจากเจ้านั่น”
ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ต่างเดาถึงชื่อนี้ออกมาได้โดยไม่ได้นัดหมายตั้งแต่จังหวะแรก ในใจก็ว้าวุ่นไม่หยุด ไม่อาจสงบสติอารมณ์
ก่อนหน้านี้ยามที่ได้ยินข่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณล่าตัวหลินสวิน ยังมีผู้ฝึกปราณไม่น้อยตั้งใจจะชมเรื่องสนุก คิดว่าครั้งนี้เกรงว่าเทพมารหลินคงต้องตกที่นั่งลำบากเท่านั้นแล้ว
แต่ใครเลยจะคิดว่าคืนนี้เอง เทพมารหลินสวินก็สำแดงการตอบโต้!
หนำซ้ำการตอบโต้เช่นนี้ยังไม่ได้ปกปิดใดๆ เผด็จการเป็นที่สุด!
“พอเรื่องนี้แพร่ออกไป แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคงไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่ หากไม่เหนือคาด ทั่วทั้งแคว้นหมึกขาวจะเริ่มเปิดฉากมรสุมลูกใหญ่ในคืนนี้…”
มีคนทอดถอนใจ สังหรณ์ใจว่าเรื่องในคืนนี้จะต้องสร้างคลื่นลมที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน
ไกลออกไปหลินสวินและเซียวชิงเหอเก็บสายตากลับมา ต่างฝ่ายต่างสบตากันปราดหนึ่ง พากันหัวเราะอย่างเงียบๆ
“เมื่อของขวัญชิ้นโตนี้ส่งออกไป ทั้งบนล่างแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต้องเดือดดาลด้วยเหตุนี้เป็นแน่ และเจ้าเดรัจฉานเฒ่าซูคงที่สมคบคิดกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ไม่เพียงต้องแบกรับคำครหา แถมต้องให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอีกด้วย หาไม่ ผลกระทบนี้ก็จะเลวร้ายเกินไป”
เซียวชิงเหอหัวเราะร่วนเอ่ยคำ
เขามาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เข้าใจพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของสำนักโบราณเหล่านี้เป็นที่สุด เพื่อศักดิ์ศรีและกิตติศัพท์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลือกร่วมมือกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างโจ่งแจ้ง หาไม่คงถูกคนทั่วหล้าปรามาสแน่นอน
“แต่น่าเสียดาย ครั้งนี้ไม่ได้พบแม่นางจ้าวจิ่งเซวียนเลย”
เซียวชิงเหอชำเลืองมองหลินสวินปราดหนึ่ง
“ไม่ได้บอกว่านางมุ่งหน้าไปภูเขาเทพไร้มรณะแล้วหรือ พอดีเลย พวกเราก็ต้องไปร่วมศึกประลอง ‘กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์’ ด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นค่อยเจอกันก็ไม่เป็นไร”
สีหน้าหลินสวินราบเรียบ ความจริงแล้วในใจก็รู้สึกเสียดายน้อยๆ เช่นกัน
ครั้งนี้มุ่งหน้ามาแคว้นหมึกขาว เป้าหมายแรกเริ่มของเขาก็แค่อยากพบหน้าค่าตาจ้าวจิ่งเซวียน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะดึงดูดระลอกคลื่นเช่นนี้ขึ้นมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์