คนบางคน เพียงแค่มองไปก็รู้ว่าไม่ใช่พวกที่จะอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ ตลอดไป จะต้องซัดสะเทือนเมฆลม อยู่เหนือหมู่เมฆอย่างแน่นอน
ก็เหมือนกับเงาร่างกำยำที่ยืนถือดาบหลังจากบั่นหัวงูเหลือมยักษ์คนนั้น เป็นบุคคลประเภทนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“เซี่ยวชางเทียน!”
เซียวชิงเหอโพล่งอย่างตกใจ “เขาก็มาด้วย!”
ทันใดนั้นหลินสวินก็นึกขึ้นได้ว่าคนผู้นี้คือใคร
ในบรรดาคนรุ่นเยาว์แดนดาราอุดร มีมารกระบี่เยี่ยเฉินที่ ‘เพียงหมุนกายต่อสู้ในแดนดาราอุดร คมกระบี่เดียวหนาวสะท้านไปทั้งเก้าพันแคว้น’
และก็มีดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนที่ ‘กล้าเยาะสวรรค์ดุจสระน้ำ ดาบข้ากวาดผ่านชิงชังฟ้าดิน’!
ทั้งสองได้รับการยกย่องให้เป็น ‘ยอดคู่ดาบกระบี่’ ดุจดั่งดาวคนคู่ เลื่องชื่อลือชาในแดนดาราอุดร เจิดจ้าดั่งอาทิตย์ดวงใหญ่
เห็นได้ชัดว่าเงาร่างกำยำที่อยู่ไกลออกไปสายนั้น จะต้องเป็นดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนอย่างไม่ต้องสงสัย
พรึ่บ!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เซี่ยวชางเทียนที่อยู่ไกลๆ ก็หันมองมา
เครื่องหน้าทั้งห้าดั่งคมดาบ หว่างคิ้วกว้าง อาจหาญกดดันผู้คน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น แคบยาวราวกับดาบ สุกสว่างเจิดจรัส
จังหวะที่เขาหันมองมา นัยน์ตาราวกับมีประกายสายฟ้าคมกริบสายหนึ่งพุ่งยิงออกมา
ร่างกายเซียวชิงเหอรัดเกร็งอย่างยากจับสังเกต พลังขับเคลื่อนทั่วร่างพลุ่งพล่าน เสื้อผ้าโบกสะบัดโดยปราศจากลมเสียงดังพรึ่บๆ
นี่คือการปะทะอันไร้รูปของอานุภาพอย่างหนึ่ง
ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น สายตาของเซี่ยวชางเทียนก็เคลื่อนไปทางหลินสวิน
‘ไม่เสียแรงที่เป็นดาบคลั่ง!’
สีหน้าหลินสวินราบเรียบ เหมือนไม่รู้สึกรู้สา แต่ในใจกลับลอบร้องตกใจอย่างอดไม่ได้
เพราะนิสัยที่ต่างกัน เส้นทางแห่งมหามรรคที่ก้าวเดินจึงต่างกัน บุคลิกและอานุภาพที่ผู้กล้าแต่ละคนสำแดงออกมาก็แตกต่างกันด้วย
บางคนกลิ่นอายเก็บงำ บางคนกลิ่นอายแรงกล้า บางคนกลิ่นอายนุ่มนวล
กลิ่นอายของเซี่ยวชางเทียนก็เหมือนกับอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องสว่างกลางเวิ้งนภาเพียงหนึ่งเดียว ประกายคมผุดพราย แสงคมหมื่นจั้ง ท่วงท่าเด่นสง่าพร่าตาไร้ใดเปรียบ
เผชิญหน้ากับบุคคลเช่นนี้ คนรุ่นเดียวกันส่วนหนึ่งที่จิตใจไม่แข็งแกร่งพอก็จะถูกซัดสะเทือนในทันที แทบไม่มีทางเกิดความคิดต้านทานแม้แต่น้อย
แน่นอน หลินสวินเองก็ประหลาดใจน้อยๆ เช่นกัน
ประหลาดใจที่กลิ่นอายของเซี่ยวชางเทียนคนนี้ เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ที่เขาเคยเจอ
ส่วนเรื่องสะทกสะท้านและเกรงกลัวนั้น ยังไม่อาจพูดถึง
เวลานี้ในใจเซี่ยวชางเทียนที่อยู่ไกลออกไปก็เริ่มพิศวงน้อยๆ เช่นกัน สัญชาตญาณบอกเขาว่าหลินสวินเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาเอามากๆ คนหนึ่ง
หากบอกว่ากลิ่นอายของเขาดั่งอาทิตย์แผดเผา ส่องสะท้อนเวิ้งนภา เช่นนั้นภาพจำที่หลินสวินมอบให้เขาก็เป็นห้วงเหวลึกอันกว้างใหญ่
กว้างจนไร้ปลายทาง ลึกไม่อาจหยั่งถึง!
‘น่าสนใจ การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้ น่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังมากเกินไปแล้ว’
เซี่ยวชางเทียนเก็บสายตา หัวเราะอย่างไร้เสียง เผยให้เห็นเรียวฟันเรียงสวยขาวกระจ่าง จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
ถึงแม้หลินสวินจะไม่ธรรมดา ทำให้เขารู้สึกเหนือคาดน้อยๆ แต่กลิ่นอายก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเท่านั้น
มีหลายปัจจัยที่ทดสอบว่าผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเก่งกาจหรือไม่ ไม่ใช่แค่กลิ่นอายกร้าวแกร่ง พลังต่อสู้ก็ยิ่งต้องแข็งแกร่ง
เซี่ยวชางเทียนเงาร่างกำยำ ผมสีแดงดั่งเปลวเพลิง ชุดคลุมสีขาวทั้งตัว ย่างเท้าก้าวไปในสายลมหิมะอย่างเชื่องช้า เพียงแค่เงาหลังก็เห็นชัดว่าเจิดจ้าถึงเพียงนั้น
เซียวชิงเหอทอดถอนใจ “ข้าสู้เขาไม่ได้”
จะให้ผู้กล้าคนหนึ่งที่เหยียบย่างมกุฎมรรคายอมรับว่าตนสู้ไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องใช้ความกล้ายิ่งยวด
หลินสวินตบไหล่เขา “แค่ห่างกันนิดหน่อยเท่านั้น เบื้องหน้าก็เป็นแค่การแข่งขันชั่วครั้งคราว หนทางแห่งมหามรรคเป็นถึงการแข่งขันชั่วชีวิต”
เซียวชิงเหอไหวไหล่ หัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “วางใจน่า ตั้งแต่ตอนอยู่นครหยกขาวข้าถูกเจ้าโจมตีสะเทือนไปหนึ่งยก ได้เคี่ยวกรำจนกระดูกหนาหนังเหนียวตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะถูกซัดโจมตีอีกครั้งได้”
ทั้งคู่มุ่งหน้าต่อไป ตลอดทางเลาะตามเส้นทางที่เซี่ยวชางเทียนสัญจร กลายเป็นว่าลมสงบคลื่นเงียบงัน ได้อานิสงส์ไปไม่น้อยทีเดียว
เนื่องจากสัตว์ปีศาจระหว่างทางนี้ถูกเซี่ยวชางเทียนใช้หนึ่งคนหนึ่งดาบสังหารหมดเกลี้ยงตั้งแต่แรก ตอนที่หลินสวินและเซียวชิงเหอมาถึง บนพื้นก็เหลือแต่ซากศพเละเทะกองหนึ่ง
ทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้นกว้างใหญ่เหนือกว่าที่หลินสวินจินตนาการเอาไว้มาก ตลอดทางลมหิมะคละคลุ้ง รอบด้านเวิ้งว้าง สภาพแวดล้อมย่ำแย่อย่างที่สุด
ผู้ฝึกปราณทั่วไปล้วนทนต่อสภาพแวดล้อมหนาวเหน็บกรีดกระดูกเช่นนี้ไม่ได้สักนิด
แม้จะเป็นหลินสวินและเซียวชิงเหอ เมื่อเข้าไปลึกขึ้น ก็ไม่อาจไม่ขับเคลื่อนปราณมาต้านทานกระแสลมหนาวที่ดังหวีดหวิวปานดาบในห้วงอากาศ
ฮูม!
ทันใดนั้นลมกระโชกแรงก็หอบม้วนจากด้านหลังไกลๆ ก่อให้เกิดพายุหิมะน้ำค้างแข็งคลุ้งฟ้า
นั่นเป็นหงส์ปีกสีทองอร่ามตัวหนึ่ง สองปีกสยายความยาวเต็มร้อยจั้งโฉบบินกลางห้วงอากาศ อานุภาพชวนสะพรึง
บนหลังหงส์สีทองมีชายหญิงวัยหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ ชายรูปงามหญิงชวนพิศ บุคลิกแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา มองปราดเดียวก็รู้ว่าพื้นเพเหนือคนทั่วไป
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็สังเกตเห็นหลินสวินและเซียวชิงเหอ เพียงแต่ไม่ได้สนใจ โดยสารหงส์หิรัณย์จากไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เอกภาคีก็มากันแล้ว”
ดวงตาเซียวชิงเหอหรี่ลงน้อยๆ “ก็ไม่รู้ว่าหลิ่วฉางเฟิงมาหรือยัง เจ้าหมอนั่นเป็นพวกวิปริตคนหนึ่ง ช่วงห้าปีก่อนเหลืออีกก้าวเดียวก็จะไต่เต้าขึ้นรายชื่อกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์