หลายวันก่อนในแคว้นหมึกขาวเขาถูกหลินสวินลอบโจมตี ไม่เพียงได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ซ้ำยังต้องแบกคำตราหน้าว่าสมคบคิดกับพวกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอีกด้วย
สิ่งนี้พาให้เขามองว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่เสียหน้าอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้สักนิด เริ่มเสาะหาร่องรอยของหลินสวินในทันใด
หลังผ่านการวิเคราะห์ ในมุมมองของเขา หากหลินสวินหมายจะผงาดในแดนชัยบูรพา ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้ด้วย
ดังนั้นซูคงจึงมาถึงที่นี่ตั้งแต่เนิ่นๆ ซุ่มรออย่างอดทนอดกลั้น
ราชันที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ขั้นสองคนหนึ่ง แต่เพื่อจัดการคนรุ่นหลังกลับไม่อายที่จะทำเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาถูกทำให้โกรธจนกลายเป็นสภาพไหนแล้ว
ความมุมานะไม่ทรยศผู้มีความพยายาม หลินสวินปรากฏตัวแล้ว ซูคงที่คิดแก้แค้นล้างอายไหนเลยจะลังเลอะไรอีก
หนำซ้ำได้ลิ้มรสบทเรียนความเจ็บปวดเมื่อคราวก่อน ครั้งนี้เขาจึงงัดพลังทั้งหมดมาใช้ทันทีที่ลงมือ!
แรงกดดันระดับราชันอันน่าสะพรึงบีบคั้นมาเยือนประหนึ่งภูเขาถล่มคลื่นยักษ์ซัดทลาย ครอบคลุมจักรวาล กดดันจนแม้กระทั่งเคลื่อนไหวหลินสวินและเซียวชิงเหอยังรู้สึกยากลำบาก
ในใจทั้งคู่ไหวสั่น คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าจังหวะที่กำลังจะเข้าสู่ทะเลหมากดารา เจ้าเดรัจฉานเฒ่าซูคงจะถึงกับพุ่งพรวดออกมา
หนำซ้ำทันทีที่ลงมือก็โหมโจมตีสุดกำลัง!
พลังของราชันสังสารวัฏเดิมทีก็เพียงพอจะสังหารผู้ฝึกปราณห้าระดับใหญ่คนใดก็ตามอยู่แล้ว
นับประสาอะไรกับที่ซูคงคนนี้เป็นถึงราชันที่ข้ามอมตะเคราะห์สองครา
พลานุภาพการโจมตีนี้ ต่อให้เปลี่ยนเป็นระดับราชันแท้จริงก็ยังไม่กล้าขวางคมดาบของเขาด้วยซ้ำ!
ทว่าในช่วงคับขันอันตรายไร้ใดเปรียบนี้ ภาพที่คาดไม่ถึงก็บังเกิดขึ้น
กระบองเหล็กสีดำเมื่อมอันหนึ่งหวดอากาศเต็มแรง ดุจดั่งเสาตะกายนภาปรากฏ ทะลวงแดนสรวง เบียดห้วงอากาศแตกระเบิด ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ปานผลาญฟ้าล้างพิภพ
โครม!
กระบองเหล็กทะยานผ่านฟ้า ระเบิดปะทุขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดรุนแรง
อานุภาพศักดิ์สิทธิ์มรรคราชันที่แต่เดิมปกคลุมกลางฟ้าดินแถบนี้ ระเบิดกระจุยโครมครามราวกับเมฆอลหม่าน ส่งเสียงกู่ก้องสะเทือนโสตจวนจะหูหนวกออกมา
และในเวลาเดียวกันนี้ซูคงที่กำลังแสยะยิ้มเย็นชาเย้ยหยันก็อึ้งงันอย่างจัง ดวงตาแทบโปนถลน ตกใจเกือบขวัญหนีวิญญาณกระเจิง
ไม่รอให้เขาตอบสนองด้วยซ้ำ กระบองเหล็กก็ซัดกวาดเข้าร่างเขาเต็มเหนี่ยว
ปัง!
ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตะลึงของหลินสวินและเซียวชิงเหอ ซูคงก็ถูกกระแทกลอยออกไปเสียงดังสวบเหมือนกับกระสอบทรายก็ไม่ปาน
เสียงกระดูกกล้ามเนื้อแตกร้าวดังระงมก้องขึ้น เห็นได้ชัดว่าร่างกายอันทรงพลังไร้ใดเปรียบของซูคงถูกกระแทกจนโค้งงอบิดเบี้ยว กระดูกสันหลังแตกหักจนหมด
ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนที่ทั้งวังเวงและน่าหวาดกลัว เขาลอยไปทางขอบฟ้าทั้งตัว และร่วงตุบลงในบริเวณส่วนลึกของลมหิมะเวิ้งว้าง
“โคตรเจ๋ง!” เซียวชิงเหอปากอ้าตาค้าง
หลินสวินก็รู้สึกพร่าตาน้อยๆ ไม่แพ้กัน ภาพนี้ชวนสะท้านใจเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย ราชันที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ขั้นสองคนหนึ่ง ถึงกับถูกกระบองด้ามหนึ่งกระแทกลอยจนไม่เห็นร่องรอยเหมือนหินอุกกาบาต!
ผู้ฝึกปราณบางส่วนที่ยังไม่ทันเริ่มเคลื่อนไหวบนชายฝั่งทะเลหมากดาราต่างพากันสูดหายใจเฮือก ท่าทางเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ
ตูม!
กระบองเหล็กสีดำเมื่อมที่ซัดออกมาถูกเก็บไปแล้ว ตกสู่กลางมือเงาร่างสูงใหญ่กำยำปานภูเขาลูกหนึ่ง จากนั้นก็อันตรธานลับไป
เพียงชั่วอึดใจ กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์บีบคั้นผู้คนที่ลอยคลุ้งกลางอากาศก็หายลับตามไปด้วยเช่นกัน
เงาร่างสูงใหญ่นี่คือชายหนุ่มคนหนึ่ง ผิวสีทองแดง ใบหน้าหยาบกระด้าง คิ้วหนาราวกับหมึก ดวงตาใหญ่และทอประกาย
สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งคือเขาสวมชุดหนังสัตว์ เรือนผมยาวดกดำยุ่งเหยิง ผิวบริเวณไหล่แขนที่โผล่เปลือยออกมาราวกับหินผาก้อนแล้วก้อนเล่าก็ไม่ปาน!
เขายืนอยู่ตรงนั้น ดุจดั่งคนป่าเถื่อนจากถิ่นทุรกันดารดั้งเดิม แฝงกลิ่นอายบ้าระห่ำที่พาให้ผู้คนใจสั่นออกมา
เวลานี้สายตาทุกคู่ล้วนไปอยู่ที่ร่างชายหนุ่มชุดหนังสัตว์คนนี้ สีหน้าเจือแววตกใจแกมสงสัย อยากรู้อยากเห็น และเคร่งขรึม
หลินสวินและเซียวชิงเหอย่อมไม่ต่างกัน
ครั้งนี้พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงภัยได้ ยังต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากชายหนุ่มชุดหนังสัตว์คนนี้อย่างมาก
เพียงแต่ไม่รอให้พวกเขาแสดงความขอบคุณ ชายหนุ่มเงาร่างสูงใหญ่นั้นก็ปลดปล่อยกลิ่นอายป่าเถื่อนบ้าคลั่งทั่วร่าง เอ่ยปากกล่าวเสียงดังกระหึ่ม “ข้าชื่ออาหลู่ อยากไปเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ หากในมือพวกเจ้ามีแผนภาพลับนำทางก็พาข้าไปด้วย หากไม่มีก็ช่างเถิด”
เสียงของเขาก้องกระหึ่มดั่งฟ้าคำราม คำพูดไม่มีอ้อมค้อม ตรงไปตรงมายิ่ง
“เจ้าก็อยากเข้าร่วมการประลองกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ด้วยหรือ”
เซียวชิงเหอเบิกตากว้าง ยากจะเชื่อได้ เจ้าหมอนี่ใช้กระบองเดียวก็สามารถกระแทกราชันอมตะเคราะห์ขั้นสองลอยลิ่วแล้ว ยังต้องวิ่งแจ้นมาร่วมสนุกถึงที่นี่ด้วยหรือ
อาหลู่เกาหัวแกรกๆ กล่าวด้วยความสงสัยว่า “ปีนี้ข้าเพิ่งอายุสิบเก้า ทำไมจะเข้าร่วมไม่ได้”
สิบเก้า!?
เสียงสูดหายใจเฮือกดังขึ้นแถวนั้นอีกครั้ง พูดตามตรง ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างคิดกันว่าเจ้าคนบึกบึนคนนี้เป็น ‘ผู้อาวุโส’ คนหนึ่งเสียอีก ไหนเลยจะคาดคิดว่าจะยังเด็กถึงเพียงนี้!
และเวลานี้หลังจากกลับสู่ความเยือกเย็น หลินสวินเพิ่งสังเกตว่าถึงแม้กลิ่นอายรอบตัวอาหลู่คนนี้จะกร้าวแกร่งยิ่ง แต่ยังไม่ก้าวเหนือระดับกระบวนแปรจุติ บนตัวก็ไม่ได้มีอานุภาพเฉพาะตัวอันเป็นส่วนหนึ่งของระดับราชันด้วยซ้ำ
“แต่เมื่อครู่เหตุใดใช้กระบองเดียวเจ้าก็ซัด…” เซียวชิงเหออึ้งงัน รู้สึกว่าสมองใช้งานไม่ค่อยได้อยู่บ้าง
ไม่รอให้พูดจบอาหลู่ก็กลอกตา แสยะปากยิ้มกล่าวว่า “เจ้านี่ช่างปัญญาอ่อนเสียจริง นั่นคืออานุภาพ ‘กระบองกระดูกมังกร’ ของข้า ไม่ใช่พลังของตัวข้าเองเสียหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์