Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1040

สรุปบท ตอนที่ 1040 แผนภาพวัฏจักรดารา: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1040 แผนภาพวัฏจักรดารา จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1040 แผนภาพวัฏจักรดารา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1040 แผนภาพวัฏจักรดารา
ในคราแรก เซียวชิงเหอและอาหลู่ไม่ได้นึกเอะใจถึงความไม่ชอบมาพากลอะไร

แต่ต่อมาพร้อมๆ กับที่เข้าสู่ส่วนลึกของทะเลหมากดารา พวกเขาต่างพบว่าแสงดาวเจิดจรัสเป็นสายๆ ที่ร่วงหล่นจากเวิ้งนภานั้น ถึงกับพากันไหลกรูไปทางหลินสวิน ส่องสะท้อนเงาร่างจนรอบตัวเขาเป็นสีเงินยวงดั่งภาพฝันมายา

คราวนี้ทั้งคู่จึงตระหนักว่าเหตุการณ์ไม่เข้าทีอยู่บ้าง

แสงดาวดั่งภาพลวงตา เรืองพิสุทธิ์พรั่งพรู พาให้หลินสวินทวีกลิ่นอายว่าเปล่าเหนือโลกีย์มากขึ้น

แต่ร่างกายเขากลับเป็นดั่งหลุมดำที่ลึกไม่เห็นก้นบึ้ง ไม่ว่าแสงดาวไหลหลั่งไปมากเท่าไร ล้วนถูกกลืนกินจนหมดสิ้น

จนกระทั่งต่อมาเมื่อหลินสวินสูดหายใจเข้าออก ดวงดาวบนเวิ้งนภานั้นดูคล้ายจะสั่นระริกตามไปด้วย แสงดาราที่ร่วงหล่นลงมาดุจกระแสน้ำเชี่ยวไหลทะลัก พาให้ห้วงอากาศแถบนี้เกิดความโกลาหลอลหม่าน ส่องแสงสีเงินยวงทั้งแถบ เจิดจ้าบาดตาไร้ใดเปรียบ

ภาพฉากเช่นนี้สามารถใช้คำว่า ‘สะเทือนฟ้าสะท้านดิน’ มาบรรยายได้โดยสิ้นเชิง!

แต่สิ่งที่แย่ก็คือ เมื่อเป็นเช่นนี้ บนหนทางที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปล้วนถูกแสงดาวปกคลุม แม้จะมีแผนภาพลับนำทางก็ไม่สามารถระบุเส้นทางได้เลย

ภายใต้ความจนปัญญา เซียวชิงเหอจึงไม่อาจไม่ส่งเสียง ขัดจังหวะโชควาสนาอัศจรรย์ครั้งนี้ของหลินสวิน

หลินสวินได้สติขึ้นมา พอกวาดสายตาไปเห็นแสงดาวไหลหลั่งรอบด้าน หนาแน่นดุจหมอก ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

ในใจเขาไหวหวั่นขึ้นมา นึกถึงแผนภาพวัฏจักรดาราในห้วงนิมิต ก่อนโบกแขนเสื้อหนึ่งคราตามจิตใต้สำนึก

ฮูม!

แสงดาวเจิดจรัสเต็มฟ้าย้อนกลับไปตามทิศทางที่ไหลหลั่งมา หวนกลับสู่สี่ด้านแปดทิศ ไม่นานก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทอดสายตาจากไกลๆ ก็เหมือนกับเซียนผู้หนึ่ง เพียงโบกสะบัดแขนเสื้อ แสงดาวก็ทะยานสู่เวิ้งนภา ภาพอันแสนอลังการและงดงามนั้นทำเอาเซียวชิงเหอมองจนตาเบิกโตแล้ว

แบบนี้ก็ได้หรือ

การตอบสนองของอาหลู่นั้นเรียบง่ายมาก โพล่งด้วยความอัศจรรย์ใจ “โคตรสวยเลยจริงๆ สักวันหนึ่งข้าต้องปีนขึ้นเก้าสวรรค์ คว้าดวงดาวมาเล่นเหมือนก้อนหินให้ได้”

“ยังจะคว้าดวงดาวมาเล่นอีก โม้ โม้สุดๆ” เซียวชิงเหอหัวเราะเยาะ

“กบในบ่อแหงนมองฟ้า น่าสงสาร” อาหลู่กลอกตาหนึ่งครา ทำท่าคร้านจะสนใจ

เซียวชิงเหอหงุดหงิดขัดเคืองขึ้นมาทันที สิ่งที่เขาทนไม่ได้มากที่สุดก็คือการกลอกตาของอาหลู่

เจ้าคนบึกบึนหยาบกร้านเหมือนพวกป่าเถื่อน แต่กลับชอบกลอกตา ช่างพาให้ผู้คนไม่อาจอดกลั้นได้จริงๆ!

“ข้าขอเตือนเจ้า อย่าคิดว่าเคยช่วยชีวิตพวกเราหนึ่งครั้งแล้วจะสามารถทำอะไรตามใจชอบได้เชียว!” เซียวชิงเหอกล่าวอย่างฉุนเฉียว

“มีแต่พวกอ่อนแอถึงจะส่งเสียงข่มขู่ ผู้แข็งแกร่งลงมือทำตรงๆ”

สองแขนหยาบหนาปานหินผาของอาหลู่กอดอยู่ตรงหน้าอก รูปร่างเขาสูงใหญ่อย่างที่สุด สูงกว่าเซียวชิงเหอหนึ่งช่วงหัวเต็มๆ ย่อมเจือความเหยียดหยันเอาไว้เป็นธรรมดา

“เจ้า…” เซียวชิงเหออยากลงไม้ลงมือขึ้นมาจริงๆ แล้ว ปากของเจ้าอาหลู่นี่เป็นอาวุธสังหารชิ้นโตที่ชวนคับแค้นชัดๆ ทำให้คนโกรธแทบตายแต่ทำอะไรไม่ได้

“พอแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ” หลินสวินรีบร้อนไกล่เกลี่ย

“เฮอะ หากไม่ใช่เพราะหลินสวินไกล่เกลี่ย ครั้งนี้ข้าต้องสู้กับเจ้าสักครั้งโดยไม่สนใจอะไรแล้ว” เซียวชิงเหอแค่นเสียงเย็น

“เอาแต่พูดไม่ลงมือทำใช้ไม่ได้ ชายทั้งแท่งมีเพียงคำเดียวคือ ทำ!” ดวงตาอาหลู่เปล่งประกาย จ้องเซียวชิงเหอคล้ายจะท้าทาย

หลินสวินปวดหัวตุบๆ เขาเพิ่งพบว่าเซียวชิงเหอและอาหลู่คนนี้เหมือนคู่กัดที่ผูกชะตากันมาชัดๆ ไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย

ภายใต้ความจนปัญญา เขาได้แต่เดินไปเบื้องหน้าก่อน

คราวนี้เองเซียวชิงเหอถึงสะดุ้งตกใจ รีบร้อนพุ่งพรวดขึ้นหน้าร้องว่า “ที่นี่เป็นถึงทะเลหมากดารา อย่าได้วิ่งเพ่นพ่านเชียว!”

ในที่สุดการทะเลาะเบาะแว้งขนาดย่อมครั้งนี้ก็ผ่านไป ทั้งสามมุ่งหน้าเดินทางต่อ

เพียงแต่สีหน้าหลินสวินกลับผิดแปลกน้อยๆ

พร้อมๆ กับที่เดินไปเบื้องหน้า ความเร้นลับทุกอย่างของพื้นที่ใกล้เคียงต่างผุดขึ้นมาในห้วงนิมิต ทำให้เขาสามารถคาดเดาทิศทางทุกเส้นได้ในพริบตา

ที่ใดมีอันตราย ที่ใดเป็นด่านวงกต ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกหลินสวินสอดส่องแจ่มแจ้ง

‘ที่แท้ทะเลหมากดารานี่ก็วิวัฒน์มาจาก ‘ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา’ จริงๆ ด้วย!’

ในใจหลินสวินสั่นไหว รู้สึกเบิกบานโปร่งโล่งคล้ายเมฆเคลื่อนเห็นตะวัน

เขาถึงขั้นสามารถระบุได้ว่า พื้นที่ที่มุ่งหน้าเดินทางอยู่ตอนนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งประตูสวรรค์กลุ่มดาวเขาสัตว์ทางทิศตะวันออกของค่ายกลใหญ่

ที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตหนึ่งในแผนภาพสามร้อยหกสิบค่ายกลมหาวัฏจักรดารา ด้านในซ่อนค่ายกลย่อยสามร้อยหกสิบแห่ง ใจกลางของค่ายกลแต่ละแห่งสอดคล้องกับหมู่เกาะบนผิวทะเลนั่นพอดี

ภายใต้การโคจรพลังค่ายกลใหญ่ หมู่เกาะแต่ละแห่งต่างปกคลุมด้วยอานุภาพที่ต่างกัน มีทั้งผนึกต้องห้ามด่านวงกต ผนึกต้องห้ามมายา ผนึกต้องห้ามพิฆาตเป็นต้น

หากผลีผลามบุกทะลวง ต้องไปแตะกับผนึกต้องห้ามอย่างแน่นอน!

ควรรู้ว่านี่เป็นถึงกระบวนอริยะที่ปกคลุมฟ้าดินแห่งหนึ่ง ดึงผมเส้นเดียวสะท้านทั้งร่าง ถึงตอนนั้นไม่ว่ามีฝีมือยอดเยี่ยมเทียมฟ้าแค่ไหน ก็ย่อมพบกับอันตรายที่คาดเดาไม่ได้!

หลินสวินสันนิษฐานเปรียบเทียบโดยละเอียด พบว่าเส้นทางที่เซียวชิงเหอนำทางมานั้น เป็นหนึ่งในเส้นทาง ‘เป็น’ ที่มีจำนวนไม่มากในพื้นที่แถบนี้

เมื่อนึกถึงจุดนี้ มุมปากหลินสวินก็อดผุดระบายยิ้มขึ้นมาไม่ได้

ทะเลหมากดารานี้ สำหรับผู้ฝึกปราณบนโลกอาจจะเป็นสถานที่อันตรายที่ไม่อาจก้าวล่วง

แต่สำหรับตนที่ครอบครองมรดก ‘ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา’ แล้ว การเข้าสู่ทะเลผืนนี้ก็เหมือนเหยียบย่างบนพื้นราบ!

หนำซ้ำขอเพียงตนยินดี ก็สามารถหยิบยืมพลังของค่ายกลนี้มาใช้ประโยชน์ได้

หลินสวินฟังจบก็สะอึกไปชั่วขณะ สภาพจิตใจไม่อาจสงบลง

เขามั่นใจแล้วว่า อาหลู่ที่อยู่ต่อหน้าเดินบนมรรคาที่ลำบากตรากตรำที่สุดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั่นคือ… ‘กายหยาบบรรลุอริยะ’!

และ ‘เฒ่าสารเลว’ ที่อาหลู่พูดถึงต้องเป็นยอดฝีมือที่น่าทึ่งคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ยิ่งกว่านั้น จากคำพูดของอาหลู่ก็ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า อาหลู่ดูเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาลึก แต่ความจริงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

มีทั้งทายาทวานรมารหกแขน ทายาทนกแหดารา ทายาทเผ่าเสียงคำราม ทายาทคชสารมังกร…

นี่ไหนเลยจะเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งกัน เป็นสถานที่นอกพิภพที่สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าในสมัยบรรพกาลอาศัยอยู่ชัดๆ!

พอลองคิดดูแล้ว ‘กระบองกระดูกมังกร’ ในมืออาหลู่เป็นถึงสมบัติอริยะที่สามารถซัดสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างซูคงปลิวลอยได้อย่างง่ายดาย แค่นี้ก็สามารถมองออกว่า ‘โลกลึกลับ’ ที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เด็กแห่งนั้นเหนือธรรมดาเพียงใด

และหลังจากเซียวชิงเหอได้ฟังทุกอย่างนี้ก็พลันจนวาจาไปทันที ในใจลอบผรุสวาทว่าวิปริต

เดิมทีคิดว่าเทพมารหลินก็วิปริตพอแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าอาหลู่คนนี้ถึงกับไม่ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย!

……

“ถึงแล้ว”

หลังจากเดินทางข้ามทะเลหมากดารามาเนิ่นนาน หลังจากที่มาถึงหมู่เกาะแห่งหนึ่ง พร้อมๆ กับที่เกลียวคลื่นแปลกประหลาดระลอกหนึ่งพัดเข้ามา พวกหลินสวินก็ถูกย้ายมาสู่โลกที่เวิ้งว้างไร้ใดเปรียบแห่งหนึ่ง

เวิ้งนภาสีฟ้าครามดั่งชะล้าง บนผืนดินกว้างอวลกลิ่นหอมต้นไม้ใบหญ้า กลางอากาศพรั่งพรูพลังวิญญาณที่แสนบริสุทธิ์เป็นมงคล

ที่แห่งนี้แปลกประหลาดยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเถาวัลย์ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ หรือจะเป็นดอกไม้สีสันสดใสบานสะพรั่ง ต่างเจือพลังวิญญาณพิสุทธิ์ไร้ที่ติ

ทันทีที่มาถึงพวกหลินสวินราวกับเข้าสู่แดนพิสุทธิ์เทพในตำนาน ปากจมูกเปี่ยมด้วยไอวิญญาณบริสุทธิ์มงคล พลังจิตก็พลอยไหวสั่น หัวใจสดชื่นเบิกบานตามไปด้วย

ที่นี่ก็คือ ‘เขตหวงห้ามไร้มรณะ’ ซึ่งถูกแดนชัยบูรพามองว่าเป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!

มองปราดเดียวก็เห็นว่าบริเวณที่ไกลลิบๆ มีภูเขาเทพลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ทั่วตัวเขาดำสนิทดุจหมึก บนนั้นมียอดเขาสามสิบหกยอด ราวกับดอกบัวเบ่งบาน ค้ำยันเวิ้งนภาแถบนั้น

“นั่นก็คือภูเขาเทพไร้มรณะ ถือกำเนิดมาพร้อมกับโชควาสนาฟ้าดิน ครอบครองคุณสมบัติไม่เสื่อมสลาย อยู่รอดเรื่อยมานับแต่อดีตจนปัจจุบัน ประหนึ่งไม่ดับสูญชั่วนิจนิรันดร์”

“ลือกันว่าที่ตรงนั้นก็เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดมหามรรคที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณเช่นกัน บนนั้นเคยมีเทพไท้สมัยดึกดำบรรพ์ที่เกิดในแดนแรกกำเนิดอาศัยอยู่…”

สีหน้าเซียวชิงเหอฉายแววร้อนเร่า “ตำนานปรัมปราที่เกี่ยวกับมันมีมากเกินไป จากอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบัน ยังไม่เคยมีใครสามารถส่องทะลวงปริศนาทั้งหมดภายในนั้นได้”

“แต่สำหรับพวกเราแล้วเรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์กำลังจะเปิดฉากบนภูเขาเทพไร้มรณะลูกนั้น!”

………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์