ภูเขานี้สูงตระหง่านเด่นหรา คดเคี้ยวราวกับมังกรตัวใหญ่ ทั่วเขาดำสนิทประหนึ่งหยกสีหมึก มีอานุภาพทะยานจากผืนดินขึ้นเทียมฟ้า ตัวเขาทั้งบนล่างไหลเวียนด้วยกลิ่นอายพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งไม่เสื่อมสลาย
ตรงตำแหน่งกึ่งกลาง ยอดเขาสามสิบหกยอดราวกับดอกบัวเบ่งบาน สูงทะลุหมอกเมฆ งดงามทรงพลัง
ไม่ว่าใครมาที่แห่งนี้ ขอเพียงได้เห็นเขาลูกนี้ ในใจต่างก็เกิดภาพจำยิ่งใหญ่ของการ ‘หมุนเวียนชั่วกัลป์ นิจนิรันดร์ไม่ดับสูญ’ กันทั้งสิ้น
มันศักดิ์สิทธิ์และเหนือธรรมดาเกินไป พลังกฎระเบียบฟ้าดินอันไร้รูปที่ส่งผลกระทบต่อเขตหวงห้ามไร้มรณะนี้ ทำให้ที่แห่งนี้อวลบรรยากาศมิ่งมงคล พลังชีวิตเฟื่องฟู ดุจดั่งแดนเทพพิสุทธิ์
“นี่ก็คือภูเขาเทพไร้มรณะหรือ”
หลินสวินเองก็อดใจสะท้านไม่ได้เช่นกัน พลังจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งอย่างที่สุด ชั่วพริบตาก็สามารถสัมผัสได้ว่าภูเขาลูกนั้นเป็นอมตะ คงอยู่ตราบนานเท่านาน เปี่ยมด้วยคลื่นพลังสูงสุดที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้
ตามที่เล่าลือ ทุกครั้งของการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ผู้แข็งแกร่งที่ไต่เท้าขึ้นสู่สามสิบหกอันดับแรกล้วนจะได้รับโชควาสนามหามรรคที่งอกงามบนภูเขาเทพไร้มรณะ
ยิ่งลำดับสูง โชควาสนามหามรรคที่ได้รับก็จะยิ่งมากขึ้น
ไร้โชควาสนาไม่อาจกลายเป็นราชัน โชควาสนามหามรรคนี้เป็นถึงสิ่งที่เลือนรางริบหรี่และสุดแสนล้ำค่าที่สุดบนโลกใบนี้
วาสนาทั่วๆ ไปอาจสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกปราณพัฒนาแบบก้าวกระโดด
แต่โชควาสนามหามรรคกลับสามารถส่งผลต่อมรรคาของผู้ฝึกปราณ ถึงขั้นที่มีผลต่อทิศทางชะตาชีวิตเลยทีเดียว!
ก็เหมือนกับการพุ่งโถมสู่ระดับมกุฎราชัน หากไร้โชควาสนา แม้ว่ารากฐานจะแข็งแกร่งเพียงใด พรสวรรค์โดดเด่นแค่ไหนก็ย่อมไร้วาสนาจะอยู่ในระดับนี้
พูดภาษาบ้านๆ คือ ยิ่งโชควาสนาแกร่งกล้า ยามที่แสวงหามรรคา ไม่แน่ว่าอาจได้รับโชควาสนาบ่อยครั้ง
แม้จะเผชิญหน้าภัยพิบัติอันตราย ก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้
และหากโชควาสนาต่ำเตี้ย ต่อให้ความเร็วในการฝึกปราณจะรวดเร็วเพียงใด หากชะตาขาดระหว่างทาง การเสาะแสวงทั้งหมดก็ย่อมสูญเปล่า
หนึ่งชีวิต สองโชคลาภ สามฮวงจุ้ย ผู้คนต่างรู้ดีถึงหลักการอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วเช่นนี้
เซียวชิงเหอกระแอมในลำคอ กล่าวแนะนำจากด้านข้าง “การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้ ถึงแม้จะต่างจากที่ผ่านมา แต่กฎเกณฑ์ก็ยังคงเหมือนเดิม คร่าวๆ แบ่งออกเป็นสามด่าน”
“ด่านแรกคือ ‘ขึ้นเขา’ ด่านที่สองคือ ‘ครองภูผา’ ด่านที่สามคือ ‘ชิงโชควาสนา’ และถูกมองว่าเป็นการแข่งขันจัดอันดับด้วย”
“ขึ้นเขาเป็นด่านแรก เมื่อการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้เปิดม่าน กลุ่มผู้แข็งแกร่งต่างก็จะพากันวิ่งกรูขึ้นไปบนยอดเขาเทพไร้มรณะตั้งแต่จังหระแรก สิ่งที่มุ่งเน้นก็คือว่าเร็ว ใครสามารถเบียดขึ้นเป็นอันดับแรก ก็จะได้เปรียบในด่านครองภูผา”
อาหลู่กล่าวอย่างไม่แยแส “นี่มันยากตรงไหน ตอนข้าอายุสิบสี่ก็สามารถหิ้วภูเขาพันจั้งมาเล่นในมือได้แล้ว”
“ปัญญาอ่อน!”
เซียวชิงเหอไม่เกรงใจอย่างยิ่ง รู้สึกว่าในที่สุดก็สบโอกาสโจมตีอาหลู่เสียที
เขาหัวเราะเสียงเย็นกล่าวว่า “นั่นเป็นถึงภูเขาเทพไร้มรณะ คงกระพันมาเนิ่นนาน หากเจ้าฉกหินก้อนหนึ่งมาจากที่นั่นได้ ก็ถือว่าข้าแพ้”
ไม่รอให้อาหลู่แย้งเขาก็กล่าวต่อไปว่า “ระหว่างที่ขึ้นเขาอยู่นั้นย่อมจะดึงดูดศึกโกลาหล ดังนั้นการเลือกเส้นทางจึงสำคัญยิ่ง”
“พวกเจ้าเองก็เห็นแล้ว ด้านบนภูเขาเทพไร้มรณะมียอดเขาสามสิบหกยอด ซึ่งหมายความว่ามีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้นจึงจะสามารถกำชัยชนะได้”
“ดังนั้นเมื่อพวกวิปริตคนอื่นๆ เลือกเดินเส้นทางเดียวกัน จะต้องเกิดความขัดแย้งอันคาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ปะทุขึ้น ผลที่ตามมาก็ยากจะคาดเดาแล้ว”
“ในการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่ผ่านมา บุคคลชั้นยอดที่ร้ายกาจที่สุดกลุ่มหนึ่งส่วนใหญ่จะไม่เลือกเส้นทางเดียวกันตอนที่ขึ้นเขา เพราะอาจบาดเจ็บ ได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่ายได้ง่ายยิ่ง”
หลินสวินพยักหน้า หากให้บุคคลชั้นยอดอย่างเซี่ยวชางเทียนมาปีนป่ายขึ้นยอดเขาลูกเดียวกันจริงๆ แทบไม่ต้องคิดเลยว่าคงถูกกำจัดทิ้งไปหลายคนตั้งแต่รอบแรก
ถึงตอนนั้น แม้จะมีพลังต่อสู้จัดอยู่ในอันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ก็คงไม่ช่วยอะไร
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะขึ้นเขา จำเป็นต้องไตร่ตรองและพิจารณาเกี่ยวกับเส้นทางขึ้นเขาก่อนสักเที่ยว หาก ‘ราชันไม่พบราชัน’ ได้นั่นย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เห็นได้ชัดว่าเซียวชิงเหอก็กังวลจุดนี้มากที่สุดไม่แพ้กัน
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านโดยสิ้นเชิง บุคคลชั้นยอดโดดเด่นไร้เทียมทานแห่กันมามากมาย ยอดเขาแค่สามสิบหกยอดนั้นแบ่งกันไม่พอสักนิด
และนี่ก็ถูกลิขิตแล้วว่าระหว่างทางขึ้นเขา การแข่งขันแย่งชิงจะยิ่งลำบากและโหดเหี้ยมยิ่งกว่าครั้งไหนๆ!
“บนภูเขาเทพไร้มรณะมีข้อจำกัดและอันตรายอะไรหรือไม่” หลินสวินเอ่ยถาม
เซียวชิงเหอส่ายหน้า “อันตรายน่ะไม่มีหรอก มีแต่ผนึกต้องห้ามมหามรรคหนึ่งชั้น ส่งผลให้ยามขึ้นเขาไม่สามารถเหาะเหินได้ แถมต้องต้านพลังกดดันด้วย คงได้แต่อาศัยพลังกายในการป่ายปีนเท่านั้นแล้ว”
“นอกจากนี้หากอายุเกินสามสิบปี ปราณอยู่สูงกว่าระดับกระบวนแปรจุติล้วนถูกคัดออก ไม่สามารถเข้าร่วมได้”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือยามที่ปีนขึ้นภูเขาเทพไร้มรณะ อาวุธระดับสมบัติอริยะ รวมถึงวิธีการต้องห้ามที่น่าหวาดกลัวส่วนหนึ่ง หรือสมบัติลับที่พิษสงร้ายแรงไร้ใดเปรียบก็จะถูกยับยั้งโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถนำมาใช้งานได้!”
จนถึงตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจกฎกติกาการขึ้นเขาแล้ว
“แน่นอน นี่เป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น เว้นแต่โชควาสนาเลวร้ายสุดๆ หรือมีความคับแค้นที่แก้ไม่ขาดกับคู่ต่อสู้บางคน โดยทั่วไปล้วนสามารถปีนสู่ยอดเขาได้”
“บททดสอบที่แท้จริงคือด่านที่สอง ‘ครองภูผา’ ต่างหาก!”
กล่าวถึงตรงนี้สีหน้าเซียวชิงเหอเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย “ยอดเขาสามสิบหกยอด ท้ายที่สุดจะถูกบุคคลชั้นยอดเพียงสามสิบหกคนครอบครอง ต่อให้ครอบครองยอดเขาหนึ่งยอดแล้ว ก็ยังอาจพบเจอการแย่งชิงจากผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อยู่ดี สุดท้ายแล้วก็ต้องดูว่าเจ้าสามารถ ‘ครองภูผา’ ได้หรือไม่!”
“ถึงตอนนั้นจึงจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเริ่มต่อสู้อย่างแท้จริง”
“จงจำไว้ยามที่แก่งแย่งยอดเขา เมื่อพ่ายแพ้จะถูกคัดออกจากการแข่งขันทันที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์