สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1041 กฎเกณฑ์ไร้มรณะ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 1041 กฎเกณฑ์ไร้มรณะ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ภูเขานี้สูงตระหง่านเด่นหรา คดเคี้ยวราวกับมังกรตัวใหญ่ ทั่วเขาดำสนิทประหนึ่งหยกสีหมึก มีอานุภาพทะยานจากผืนดินขึ้นเทียมฟ้า ตัวเขาทั้งบนล่างไหลเวียนด้วยกลิ่นอายพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งไม่เสื่อมสลาย
ตรงตำแหน่งกึ่งกลาง ยอดเขาสามสิบหกยอดราวกับดอกบัวเบ่งบาน สูงทะลุหมอกเมฆ งดงามทรงพลัง
ไม่ว่าใครมาที่แห่งนี้ ขอเพียงได้เห็นเขาลูกนี้ ในใจต่างก็เกิดภาพจำยิ่งใหญ่ของการ ‘หมุนเวียนชั่วกัลป์ นิจนิรันดร์ไม่ดับสูญ’ กันทั้งสิ้น
มันศักดิ์สิทธิ์และเหนือธรรมดาเกินไป พลังกฎระเบียบฟ้าดินอันไร้รูปที่ส่งผลกระทบต่อเขตหวงห้ามไร้มรณะนี้ ทำให้ที่แห่งนี้อวลบรรยากาศมิ่งมงคล พลังชีวิตเฟื่องฟู ดุจดั่งแดนเทพพิสุทธิ์
“นี่ก็คือภูเขาเทพไร้มรณะหรือ”
หลินสวินเองก็อดใจสะท้านไม่ได้เช่นกัน พลังจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งอย่างที่สุด ชั่วพริบตาก็สามารถสัมผัสได้ว่าภูเขาลูกนั้นเป็นอมตะ คงอยู่ตราบนานเท่านาน เปี่ยมด้วยคลื่นพลังสูงสุดที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้
ตามที่เล่าลือ ทุกครั้งของการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ผู้แข็งแกร่งที่ไต่เท้าขึ้นสู่สามสิบหกอันดับแรกล้วนจะได้รับโชควาสนามหามรรคที่งอกงามบนภูเขาเทพไร้มรณะ
ยิ่งลำดับสูง โชควาสนามหามรรคที่ได้รับก็จะยิ่งมากขึ้น
ไร้โชควาสนาไม่อาจกลายเป็นราชัน โชควาสนามหามรรคนี้เป็นถึงสิ่งที่เลือนรางริบหรี่และสุดแสนล้ำค่าที่สุดบนโลกใบนี้
วาสนาทั่วๆ ไปอาจสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกปราณพัฒนาแบบก้าวกระโดด
แต่โชควาสนามหามรรคกลับสามารถส่งผลต่อมรรคาของผู้ฝึกปราณ ถึงขั้นที่มีผลต่อทิศทางชะตาชีวิตเลยทีเดียว!
ก็เหมือนกับการพุ่งโถมสู่ระดับมกุฎราชัน หากไร้โชควาสนา แม้ว่ารากฐานจะแข็งแกร่งเพียงใด พรสวรรค์โดดเด่นแค่ไหนก็ย่อมไร้วาสนาจะอยู่ในระดับนี้
พูดภาษาบ้านๆ คือ ยิ่งโชควาสนาแกร่งกล้า ยามที่แสวงหามรรคา ไม่แน่ว่าอาจได้รับโชควาสนาบ่อยครั้ง
แม้จะเผชิญหน้าภัยพิบัติอันตราย ก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้
และหากโชควาสนาต่ำเตี้ย ต่อให้ความเร็วในการฝึกปราณจะรวดเร็วเพียงใด หากชะตาขาดระหว่างทาง การเสาะแสวงทั้งหมดก็ย่อมสูญเปล่า
หนึ่งชีวิต สองโชคลาภ สามฮวงจุ้ย ผู้คนต่างรู้ดีถึงหลักการอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วเช่นนี้
เซียวชิงเหอกระแอมในลำคอ กล่าวแนะนำจากด้านข้าง “การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้ ถึงแม้จะต่างจากที่ผ่านมา แต่กฎเกณฑ์ก็ยังคงเหมือนเดิม คร่าวๆ แบ่งออกเป็นสามด่าน”
“ด่านแรกคือ ‘ขึ้นเขา’ ด่านที่สองคือ ‘ครองภูผา’ ด่านที่สามคือ ‘ชิงโชควาสนา’ และถูกมองว่าเป็นการแข่งขันจัดอันดับด้วย”
“ขึ้นเขาเป็นด่านแรก เมื่อการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้เปิดม่าน กลุ่มผู้แข็งแกร่งต่างก็จะพากันวิ่งกรูขึ้นไปบนยอดเขาเทพไร้มรณะตั้งแต่จังหระแรก สิ่งที่มุ่งเน้นก็คือว่าเร็ว ใครสามารถเบียดขึ้นเป็นอันดับแรก ก็จะได้เปรียบในด่านครองภูผา”
อาหลู่กล่าวอย่างไม่แยแส “นี่มันยากตรงไหน ตอนข้าอายุสิบสี่ก็สามารถหิ้วภูเขาพันจั้งมาเล่นในมือได้แล้ว”
“ปัญญาอ่อน!”
เซียวชิงเหอไม่เกรงใจอย่างยิ่ง รู้สึกว่าในที่สุดก็สบโอกาสโจมตีอาหลู่เสียที
เขาหัวเราะเสียงเย็นกล่าวว่า “นั่นเป็นถึงภูเขาเทพไร้มรณะ คงกระพันมาเนิ่นนาน หากเจ้าฉกหินก้อนหนึ่งมาจากที่นั่นได้ ก็ถือว่าข้าแพ้”
ไม่รอให้อาหลู่แย้งเขาก็กล่าวต่อไปว่า “ระหว่างที่ขึ้นเขาอยู่นั้นย่อมจะดึงดูดศึกโกลาหล ดังนั้นการเลือกเส้นทางจึงสำคัญยิ่ง”
“พวกเจ้าเองก็เห็นแล้ว ด้านบนภูเขาเทพไร้มรณะมียอดเขาสามสิบหกยอด ซึ่งหมายความว่ามีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้นจึงจะสามารถกำชัยชนะได้”
“ดังนั้นเมื่อพวกวิปริตคนอื่นๆ เลือกเดินเส้นทางเดียวกัน จะต้องเกิดความขัดแย้งอันคาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ปะทุขึ้น ผลที่ตามมาก็ยากจะคาดเดาแล้ว”
“ในการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่ผ่านมา บุคคลชั้นยอดที่ร้ายกาจที่สุดกลุ่มหนึ่งส่วนใหญ่จะไม่เลือกเส้นทางเดียวกันตอนที่ขึ้นเขา เพราะอาจบาดเจ็บ ได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่ายได้ง่ายยิ่ง”
หลินสวินพยักหน้า หากให้บุคคลชั้นยอดอย่างเซี่ยวชางเทียนมาปีนป่ายขึ้นยอดเขาลูกเดียวกันจริงๆ แทบไม่ต้องคิดเลยว่าคงถูกกำจัดทิ้งไปหลายคนตั้งแต่รอบแรก
ถึงตอนนั้น แม้จะมีพลังต่อสู้จัดอยู่ในอันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ก็คงไม่ช่วยอะไร
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะขึ้นเขา จำเป็นต้องไตร่ตรองและพิจารณาเกี่ยวกับเส้นทางขึ้นเขาก่อนสักเที่ยว หาก ‘ราชันไม่พบราชัน’ ได้นั่นย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เห็นได้ชัดว่าเซียวชิงเหอก็กังวลจุดนี้มากที่สุดไม่แพ้กัน
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านโดยสิ้นเชิง บุคคลชั้นยอดโดดเด่นไร้เทียมทานแห่กันมามากมาย ยอดเขาแค่สามสิบหกยอดนั้นแบ่งกันไม่พอสักนิด
และนี่ก็ถูกลิขิตแล้วว่าระหว่างทางขึ้นเขา การแข่งขันแย่งชิงจะยิ่งลำบากและโหดเหี้ยมยิ่งกว่าครั้งไหนๆ!
“บนภูเขาเทพไร้มรณะมีข้อจำกัดและอันตรายอะไรหรือไม่” หลินสวินเอ่ยถาม
เซียวชิงเหอส่ายหน้า “อันตรายน่ะไม่มีหรอก มีแต่ผนึกต้องห้ามมหามรรคหนึ่งชั้น ส่งผลให้ยามขึ้นเขาไม่สามารถเหาะเหินได้ แถมต้องต้านพลังกดดันด้วย คงได้แต่อาศัยพลังกายในการป่ายปีนเท่านั้นแล้ว”
“นอกจากนี้หากอายุเกินสามสิบปี ปราณอยู่สูงกว่าระดับกระบวนแปรจุติล้วนถูกคัดออก ไม่สามารถเข้าร่วมได้”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือยามที่ปีนขึ้นภูเขาเทพไร้มรณะ อาวุธระดับสมบัติอริยะ รวมถึงวิธีการต้องห้ามที่น่าหวาดกลัวส่วนหนึ่ง หรือสมบัติลับที่พิษสงร้ายแรงไร้ใดเปรียบก็จะถูกยับยั้งโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถนำมาใช้งานได้!”
จนถึงตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจกฎกติกาการขึ้นเขาแล้ว
“แน่นอน นี่เป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น เว้นแต่โชควาสนาเลวร้ายสุดๆ หรือมีความคับแค้นที่แก้ไม่ขาดกับคู่ต่อสู้บางคน โดยทั่วไปล้วนสามารถปีนสู่ยอดเขาได้”
“บททดสอบที่แท้จริงคือด่านที่สอง ‘ครองภูผา’ ต่างหาก!”
กล่าวถึงตรงนี้สีหน้าเซียวชิงเหอเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย “ยอดเขาสามสิบหกยอด ท้ายที่สุดจะถูกบุคคลชั้นยอดเพียงสามสิบหกคนครอบครอง ต่อให้ครอบครองยอดเขาหนึ่งยอดแล้ว ก็ยังอาจพบเจอการแย่งชิงจากผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อยู่ดี สุดท้ายแล้วก็ต้องดูว่าเจ้าสามารถ ‘ครองภูผา’ ได้หรือไม่!”
“ถึงตอนนั้นจึงจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเริ่มต่อสู้อย่างแท้จริง”
“จงจำไว้ยามที่แก่งแย่งยอดเขา เมื่อพ่ายแพ้จะถูกคัดออกจากการแข่งขันทันที”
“ยายมันเถอะ จำนวนคนที่ร่วมการแข่งขันครั้งนี้มากกว่าที่ผ่านมาอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว!” เซียวชิงเหอสูดหายใจหนาวเยือก
เพียงพริบตาเดียวเขาก็จำเงาร่างคุ้นตาจำนวนไม่น้อยได้ทันที ล้วนเป็นบุคคลชั้นยอดที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเขาทั้งสิ้น!
“เยอะมากจริงๆ” หลินสวินก็อดอึ้งงันไม่ได้เช่นกัน
จากสายตาของเขา บรรดาชายหญิงที่อยู่ในลานเหล่านั้นไม่ขาดบุคคลชั้นยอด กลิ่นอายผิดแผกแปลกประหลาด บุคลิกโดดเด่นเป็นหงส์ในหมู่กา สั่นสะเทือนโลกหล้าอยู่เนืองๆ
นอกจากนี้ชายหนุ่มหญิงสาวคนอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเจิดจ้าเช่นกัน ถือเป็นบุคคลชั้นนำในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แต่ละคนล้วนมีรัศมีและกลิ่นอายของตน
สิ่งนี้พาให้หลินสวินก็ไม่อาจไม่ทอดถอนใจ ผู้โดดเด่นที่เจิดจ้าที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ทั่วโลก ปรากฏตัวอยู่ที่นี่แล้วอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง!
อันที่จริงเมื่อคิดอยากละเอียดแล้ว นี่เป็นเรื่องปกตินัก
สี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณ แต่ละแห่งต่างเรียกได้ว่ากว้างขวางไร้ขอบเขต มีเมืองจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้ฝึกปราณนับหมื่นนับแสน รวมถึงขุมอำนาจฝึกปราณทุกรูปแบบ
ต่อให้ในบรรดาผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์หนึ่งแสนคนจะเลือกสรรบุคคลชั้นยอดออกมาได้เพียงคนเดียว เมื่อทอดสายตาทั่วสี่แดนวิภู ก็เพียงพอจะคัดเลือกบุคคลโดดเด่นที่คล้ายคลึงกันได้เป็นกลุ่มใหญ่!
นับประสาอะไรกับบรรดาขุมอำนาจสำนักโบราณจำพวกเรือนกระบี่เร้นปุจฉา แดนพิสุทธิ์อมตะ สำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แต่ไหนแต่ไรล้วนไม่เคยขาดแคลนบุคคลแห่งยุคที่แท้จริงเลย!
“คนพวกนี้ก็คือผู้กล้าที่โลกนี้เรียกกันหรือ จากความเห็นข้า ยังไม่แข็งแกร่งเท่าทายาทนกแหดาราใกล้ๆ หมู่บ้านข้าเลย ชวนมองไม่ชวนสู้”
อาหลู่เบิกตากว้าง กวาดสายตาสำรวจกลุ่มคนในลานรอบหนึ่ง ท้ายที่สุดก็คล้ายผิดหวังน้อยๆ อดบ่นอุบหนึ่งประโยคไม่ได้
เซียวชิงเหอดีดตัวขึ้นมาเสียงดึงผึง ปิดปากอาหลู่เอาไว้ในหมับเดียว กล่าวลอดไรฟันว่า “ที่นี่คือที่ไหน เจ้ามาเย้ยหยันได้อย่างไร ไม่กลัวดึงดูดความโกรธจากผู้คน ตกเป็นเป้าธารกำนัลหรือไร!”
“ไม่ได้ความ!”
อาหลู่ดันมือเซียวชิงเหอออก กลอกตาหนึ่งครากล่าวว่า “ตราบใดที่หมัดใหญ่พอ ยังต้องกลัวพวกอ่อนหัดด้วยหรือ”
สีหน้าเซียวชิงเหอมืดทะมึน ปวดหัวไปหมด เจ้าเหลือขอคนนี้ปากพล่อยสิ้นดี พูดสองสามคำก็เพียงพอจะจาบจ้วงคนหมู่มากได้แล้ว!
ถึงแม้เสียงอาหลู่ไม่ดังมาก แต่ในลานล้วนมีแต่ผู้แข็งแกร่งที่หูตาฉับไวกันทั้งนั้น เพียงพริบตาเดียวก็มีสายตามากมายมองเข้ามาทางนี้
ปัญหามาเยือนจนได้!
เซียวชิงเหอสังเกตเห็นภาพนี้ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เขาไม่ได้กลัวมีเรื่อง แต่ไม่อยากก่อปัญหาที่ไม่จำเป็นด้วยเรื่องนี้
ตอนนี้กลับดีนัก พออาหลู่อ้าปากก็เหยียดเยาะสำเร็จ เรียกสายตาเพ่งเล็งได้เป็นจำนวนมาก
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์