ชิงเหวินเจวี้ยนคับแค้นอับอายจนอยากตาย หน้าเขียวไปหมด
เขาคือบุตรเทพคนปัจจุบันของเผ่าหงส์เขียว ฐานะสูงส่ง ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ ถูกเลี้ยงดูให้เป็นผู้นำในอนาคต ไหนเลยจะเคยประสบความอัปยศเช่นนี้มาก่อน
ภายใต้สายตาที่จับจ้อง ต่อหน้าผู้กล้ารุ่นเดียวกันนับไม่ถ้วน กลับถูกคนใช้เท้าเหยียบติดพื้น ถอนขนปีกบนร่างจนโล่งโจ้งทั้งตัว นี่ทำให้เขาเลือกจะฆ่าตัวตาย
ใช่ ฆ่าตัวตาย!
ถึงอย่างไรบนภูเขาเทพไร้มรณะก็ไม่มีทางตายจริง หากต้องถูกคนหยามเหยียดและทรมาน สู้ใช้ ‘ความตาย’ ลงจากลานประลองก่อนยังดีกว่า
สำหรับการชิงโชควาสนา การจัดอันดับอะไรนั่น ชิงเหวินเจวี้ยนไม่มีอารมณ์ใส่ใจแล้ว
ความอัปยศตอนนี้หากดำเนินต่อไป แม้ภายหลังรอดชีวิตก็ต้องกลายเป็นรอยด่างในชีวิต เป็นที่เย้ยหยันของคนอื่น ไม่อาจเงยหน้าขึ้นอีก
ทว่าชิงเหวินเจวี้ยนเพิ่งเตรียมดำเนินการ ก็พลันพบว่าทั่วทั้งตัวถูกพลังเร้นลับพันธนาการ อย่าว่าแต่ฆ่าตัวตาย แม้แต่นิ้วมือหนึ่งยังยกไม่ขึ้น
นี่คือพลังของผนึกป้าเซี่ย!
ก่อนหน้านี้เซียวชิงเหอแพ้ทั้งที่ถูกหยามเหยียดทรมานทั้งเป็น คราวนี้มีหรือหลินสวินจะให้ชิงเหวินเจวี้ยนหนีเอาตัวรอดไปก่อน
ต่อให้จะฆ่าตัวตาย ก็ไม่ได้!
“เทพมารหลิน เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้าจริงหรือ เจ้าน่าจะรู้ดี บนภูเขาเทพไร้มรณะไม่มีความตาย หากเจ้าทำเกินงาม วันหน้าไม่ห่วงว่าข้าจะเอาคืนสิบเท่ารึ”
ใบหน้างามดึงดูดของชิงเหวินเจวี้ยนบิดเบี้ยวและเหี้ยมเกรียม ส่งเสียงข่มขู่
ปึง!
ท้ายทอยเขาพลันถูกฟาดเข้าทีหนึ่ง ถูกซัดจนเบื้องหน้าสับสนมึนงง หัวสมองปวดจนวิงเวียน
จากนั้นก็ได้ยินเสียงราบเรียบของหลินสวิน…
“ข้ายังไม่เคยกินปีกหงส์เขียวย่างมาก่อน วันนี้ต้องลองชิมให้ได้”
ชิงเหวินเจวี้ยนแข็งทื่อไปทั้งตัว โกรธจนแทบกระอักเลือด แม้เขาวิปริตก็แค่ทรมานคู่ต่อสู้ แต่เทพมารหลินนี่…
ถึงกับเห็นเขาเป็นอาหาร!
หลินสวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกจะทำก็ทำ ถือดาบหักตัดปีกหงส์เขียวที่ใหญ่โตสิบกว่าจั้งทั้งสองข้าง
ปีกคู่นี้เหี้ยนเตียน ขาวกระจ่างดุจหิมะ เนื้อแน่นเต็มสัมผัส
หลินสวินใช้พลังมหามรรคธาตุน้ำควบรวมเป็นกระแสวารีล้างคราบเลือดบนปีกรอบหนึ่งก่อน จากนั้นจึงหยิบทวนสำริดเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของแล้วเสียบลงบนปีก
ในกระบวนการนี้ชิงเหวินเจวี้ยนเจ็บจนแทบเป็นลมตาย แต่เทียบกันแล้วความอัปยศและความคั่งแค้นในใจเขากลับมากยิ่งกว่า!
ทุกคนนอกสนามประลองมึนงง นี่เทพมารหลินกำลังทำอะไร คงไม่คิดย่างปีกหงส์เขียวกินจริงๆ กระมัง
ในหัวพวกเขาเบลอไปหมด รู้สึกราวไม่เป็นความจริง
ตูม!
ภายใต้สายตาตื่นตะลึงที่จับจ้อง กลางฝ่ามือหลินสวินปล่อยเปลวเพลิงปกคลุมปีกหงส์เขียวที่เสียบไว้ ย่างไฟอย่างช่ำชอง ยังหมุนทวนสำริดเล็กน้อยตลอดเวลาเลี่ยงไม่ให้สุกเกินไป…
“สวรรค์! บุตรเทพเผ่าหงส์เขียวของข้าถูกเห็นเป็นอาหารไปแล้วรึ ช่างน่าอัปยศ!”
บริเวณเชิงเขา ดวงตาของคนในเผ่าหงส์เขียวส่วนหนึ่งแดงไปหมด แทบอยากจะพุ่งขึ้นไปสู้ตายกับหลินสวิน ชิงเหวินเจวี้ยนถูกสบประมาทเช่นนี้ ทำให้พวกเขาต่างโกรธจนควันออกหู
คนอื่นๆ กลับขนพองสยองเกล้า ดวงตาแทบถลน เผ่าหงส์เขียวเก่าแก่น่ากลัวเพียงใด โดยเฉพาะชิงเหวินเจวี้ยนบุตรเทพรุ่นเยาว์ของเผ่าที่ฐานะสูงส่ง กลับกลายเป็นอาหารอย่างคาดไม่ถึง
หลินสวินเคลื่อนไหวเร็วมาก ซ้ำเขายังใช้ยอดวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิงมาย่าง ผลลัพธ์นั้นเรียกได้ว่าน่าตกตะลึง
เพียงชั่วขณะปีกหงส์เขียวทั้งคู่ก็ถูกย่างจนทองอร่ามมันวาว กลิ่นหอมอบอวล ไขมันหยดลงบนเปลวไฟส่งเสียงดังซู่ๆ
ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือบนปีกยังมีหมอกมงคลเปล่งประกายจรัส กลิ่นเนื้อหอมยั่วยวนแผ่กระจายทั่วสนามประลองโชควาสนา
“คุณภาพเนื้อนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
หลินสวินสูดหายใจลึก เกินคาดอยู่บ้าง กลิ่นหอมของปีกหงส์เขียวย่างถึงขั้นวิเศษเหนือการคาดเดา
สำหรับปุถุชนทั่วไป กินหนึ่งคำล้วนสามารถยืดเวลาต่ออายุ นับเป็นสิ่งบำรุงล้ำค่าอย่างดี
แต่สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว หากสามารถกินเนื้อหงส์เขียวเลือดบริสุทธิ์ได้คำหนึ่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับการกลืนลูกกลอนวิญญาณอัศจรรย์
ในสมัยแรกเริ่มยามผู้ฝึกปราณบำเพ็ญเพียร มักจะนำเลือดเนื้อของปักษาเทพ สัตว์ปีศาจหลากชนิดมาหล่อหลอมพลังกายและรากฐาน!
กลิ่นหอมขจรขจาย บนปีกหงส์เขียวยังมีประกายแสงเจิดจรัสเอ่อล้นแผ่อวล ทำให้ผู้ฝึกปราณอื่นต่างอดกลืนน้ำลายไม่ได้
‘วัตถุดิบ’ เช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นสิ่งบำรุงอย่างดีระดับสมบัติจากธรรมชาติ!
เวลานี้ชิงเหวินเจวี้ยนโกรธจนกระอักเลือด คลุ้มคลั่งโดยสิ้นเชิงแล้ว จิตมรรคแทบจะพังทลาย เขาหวีดร้องคำรามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่หลินสวินกลับไม่ใส่ใจสักนิด ก้มหน้าก้มตาย่างเนื้อต่อ
ปีกหงส์เขียวเพิ่งย่างเสร็จ เขาก็ลงมือรวดเร็วสับกรงเล็บหงส์เขียวคู่หนึ่งออกอย่างชำนาญ ล้างจนสะอาดแล้วเริ่มย่างต่อ
“เทพมารหลิน เจ้าต้องไม่ตายดี!”
ณ เชิงเขา ผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียวล้วนโกรธจนตะโกนลั่นแทบเป็นบ้า
ผู้ชมการประลองคนอื่นที่มาจากต่างขุมอำนาจล้วนหมดคำพูดทันที การประลองแห่งยุคฉากหนึ่ง ถึงตอนท้ายกลับกลายเป็นงานเลี้ยงปิ้งย่าง
ทั้งยังเกิดขึ้นบนสนามประลองโชควาสนานั่น ไม่ว่าใครเห็นต่างต้องตกตะลึงตาค้าง
‘ช่างเป็นเทพมารที่ไม่เลือกวิธีการ!’
ผู้ฝึกปราณที่เห็นหลินสวินเป็นศัตรูพลันหวาดผวา ขนพองสยองเกล้า นำผู้กล้าที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎคนหนึ่งมาเป็นอาหาร ไม่กลัวทำตัวเองตายหรืออย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์