ก่อนหน้านี้ก่อนการประลองรอบแรกเริ่มต้นก็มีฝนวิญญาณเทพโปรยปรายลงมา ไม่เช่นนั้นหากกรำศึกผลาญพลังต่อไป แม้เป็นเหล่าผู้กล้าชั้นยอดก็คงทนไม่ไหว
หลินสวินสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ฟื้นฟูขึ้นมาก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ พลังกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะนี้ช่างอัศจรรย์เหลือเกิน เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์
หลินสวินสูดหายใจลึก เริ่มใคร่ครวญการประลองลำดับต่อไป
หลังผ่านการประลองรอบแรก พวกเขาผู้กล้าขอบเขตมกุฎทั้งสิบแปดได้ดันตนขึ้นสู่สิบแปดอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การประลองลำดับถัดไป ที่จะแย่งชิงก็คือตำแหน่งในสิบแปดอันดับแรก
การแข่งขันเช่นนี้ต้องอันตรายและยากลำบากกว่าโดยไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรการดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เดิมก็ไม่ง่ายดายอยู่แล้ว และพวกที่สามารถแสดงความโดดเด่นจากการประลองรอบแรกได้ ต้องเป็นบุคคลชั้นยอดหาใดเปรียบ!
แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่นฉู่เป่ยไห่โชคร้ายยิ่งที่เจอกับมารกระบี่เยี่ยเฉิน หรืออย่างชิงเหวินเจวี้ยนที่มาเจอหลินสวินอย่างน่าเศร้า
จากพลังต่อสู้ที่แท้จริงของสองคนนี้ หากไม่ใช่ว่าโชคไม่เข้าข้างอยู่บ้าง การดันตนขึ้นสู่สิบแปดอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์คงไม่ใช่ปัญหา
ทว่านี่ก็คือการต่อสู้แย่งชิง โชคถือเป็นศักยภาพอย่างหนึ่ง!
ถ้าไม่อย่างนั้นเหล่าผู้กล้าทรงพลังคงไม่มารวมตัวบนภูเขาเทพไร้มรณะนี่ เพื่อแย่งชิงโชควาสนามหามรรคอย่างเอาเป็นเอาตาย
ยิ่งไปกว่านั้น หากไร้โชควาสนาไหนเลยจะสามารถกลายเป็นราชัน
‘การประลองรอบสอง ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ทุกคนล้วนมีโอกาสต่อสู้สามครั้ง’
‘ผู้ชนะทั้งสามการประลอง แน่นอนว่าจัดอยู่ในอันดับต้นๆ สามารถทำการต่อสู้รอบสุดท้าย’
‘ผู้ที่ชนะสองพ่ายหนึ่ง แม้สามารถผ่านการประลองรอบที่สอง แต่อันดับคงไม่อาจสูงนัก’
‘ผู้ชนะหนึ่งแพ้สอง ความเสี่ยงที่จะถูกคัดออกนั้นมีมาก’
‘ผู้พ่ายแพ้ทั้งสามการประลอง แน่นอนว่าต้องถูกคัดออก’
หลินสวินครุ่นคิด วิเคราะห์กฎของการประลองรอบที่สอง
ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นบอก พลังกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะได้ประทับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประลองบนศิลามังกรขดไว้แล้ว สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจได้
‘หากยึดตามกฎการประลองนี้ ไม่ว่าใครคงได้แค่หาคู่แข่งที่สามารถเอาชนะมาประลองด้วย’
‘ทว่าโอกาสการประลองของแต่ละคนมีแค่สามครั้ง อีกทั้งมีโอกาสเลือกคู่ต่อสู้เพียงครั้งเดียว ที่เหลืออีกสองครั้งได้แค่รับการท้าทายของคนอื่นเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวแปรก็มากขึ้น…’
หลินสวินใคร่ครวญในใจ
ตัวแปรเยอะมากจริงๆ ก็เหมือนหากหลินสวินลงสนาม แน่นอนว่าสามารถเลือกคู่แข่งมาประลอง
แต่เช่นเดียวกัน เมื่อคนอื่นลงสนามก็สามารถเลือกหลินสวินมาต่อสู้!
นี่ยากจะวิเคราะห์ว่าตนจะเจอคู่แข่งคนไหนกันแน่
แน่นอนว่าสามารถปฏิเสธการท้าทายของคนอื่น
แต่การปฏิเสธต้องจ่ายค่าตอบแทน ทุกครั้งที่ปฏิเสธ โชควาสนามหามรรคบนศิลามังกรขดของตนจะถูกอีกฝ่ายเอาไปส่วนหนึ่ง!
หากไม่จำเป็น ไม่ว่าใครคงไม่เลือกปฏิเสธแน่ ถึงอย่างไรโชควาสนามหามรรคก็ได้มาไม่ง่าย ใครจะยอมปล่อยไป
ขณะที่หลินสวินใคร่ครวญ ยอดมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นก็วิเคราะห์ในใจ
การประลองรอบที่สองความไม่แน่นอนมากนัก ตัวแปรก็เยอะมาก ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้าประมาทละเลย
‘หลินสวิน!’
‘หลินสวิน!’
‘หลินสวิน!’
…
แต่สำหรับพวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง โก่วเหยียนเจิน หลังจากเข้าใจกฎ คู่แข่งคนแรกที่อยากท้าทายซึ่งนึกได้ในหัวก็คือหลินสวิน!
พวกเขาต่างเห็นหลินสวินเป็นศัตรูด้วยสาเหตุต่างกันไป แทบอยากสังหารเขานานแล้ว
แต่หลังจากสงบสติอารมณ์ พวกเขากลับลังเลอยู่บ้าง
เห็นฝีมือที่หลินสวิน ‘ครองภูผา’ กับตา ทั้งเป็นพยานการต่อสู้ที่เขากำราบชิงเหวินเจวี้ยน ทำให้ในใจพวกเขาล้วนสงสัยและกริ่งเกรงในพลังต่อสู้ของหลินสวินไม่หยุด
และในการประลองรอบที่สอง โอกาสท้าสู้ด้วยตัวเองมีแค่ครั้งเดียว การประลองอีกสองครั้งกลับเต็มไปด้วยตัวแปร
เพื่อป้องกันการเกิดผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด วิธีการอันชาญฉลาดคือเลือกเป้าหมายที่สามารถเอาชนะได้มาโจมตีก่อน
‘ทำอย่างไรดี’
‘กฎการประลองรอบที่สองนี้ช่างน่าชิงชังจริงๆ’
‘ไม่สนแล้ว ถึงเวลาค่อยปรับตัวตามสถานการณ์แล้วกัน’
‘หากมีโอกาสท้าทายเทพมารหลินจริง เช่นนั้นก็… สู้!’
พวกจินมู่อวิ๋นความคิดต่างกันไป ทำการตัดสินใจไม่เหมือนกัน นี่ก็คือการประเมินสถานการณ์ ผู้ที่สามารถมามาถึงขั้นนี้ไม่มีสักคนที่โง่เขลา
แต่สุดท้ายใครก็ไม่อาจทำการวางแผนได้รอบคอบ
รวมถึงหลินสวิน
เพราะกฎการประลองรอบที่สองนี้ตัวแปรมากเกินไป ไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดจะลงสนามเป็นคนแรก และไม่รู้ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายท้าทายใคร
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่างมากคงได้แค่พลิกแพลงตามสถานการณ์!
ก็เหมือนพวกจินมู่อวิ๋น ต่างคิดฉวยโอกาสนี้กำราบหลินสวิน แต่โอกาสการประลองรอบที่สองมีแค่สามครั้ง อีกทั้งครั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นหลินสวินที่ตัดสินใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาสี่คนไม่ว่าเป็นฝ่ายท้าทายหรือถูกท้าทาย อย่างน้อยต้องมีคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสประลองกับหลินสวิน
หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจถึงขั้นไม่มีใครได้ประลองกับหลินสวินเลย
ณ เชิงเขา ผู้ชมการประลองมากมายกำลังวิเคราะห์ แต่สุดท้ายก็ต่างปวดหัวไม่หยุด
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากตัวแปรเยอะเกินไป!
…
หืม?
ตูม!
ทันทีที่ก้าวสู่สนามประลอง โก่วเหยียนเจินก็ออกโจมตี เห็นชัดว่าควบคุมจิตสังหารไม่อยู่ เพียงก้าวออกมาห้วงอากาศล้วนปั่นป่วน
เขาประดุจอสูรตนหนึ่ง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าผมยาวทั้งศีรษะของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในชั่วพริบตา นัยน์ตาทั้งคู่แดงก่ำดุจเพลิงผลาญ อานุภาพทั่วร่างเปี่ยมความอำมหิตถึงขีดสุด
“เฉือน!”
ในมือเขาไม่รู้ว่ามีดาบแหลมแคบยาวสีเลือดเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร โฉบทะลวงอากาศ ม้วนตลบมาเยือนดั่งธารโลหิตอเวจี
ครืนๆ
ณ ที่นั้นแสงโลหิตเจิดจ้า เสียงกัมปนาทดังต่อเนื่อง ไอสังหารมืดมนเผด็จการตวัดฟาดดั่งลมพายุทั่วทิศ
“แข็งแกร่งนัก!”
“นี่ก็คือพลังที่ถูกมองว่าเป็นมหามรรคอสูรมายาทมิฬหรือ น่าหวาดกลัวไร้ขีดจำกัดดังคาด!”
ทุกคนนอกสนามกลั้นหายใจจดจ่อ แววตาเจือความตระหนก ทันทีที่โก่วเหยียนเจินออกเคลื่อนไหวก็ใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุด เห็นชัดว่าเขาเข้าใจพลังต่อสู้หลินสวิน การหยั่งเชิงและเก็บงำไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
‘ควรสำแดงวิธีอื่นบางส่วนแล้ว’
อันที่จริงหลินสวินตั้งใจว่า จะสังหารโก่วเหยียนเจินภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ใช้ดาบหัก
เพียงแต่หากเป็นเช่นนั้นคงต้องโคจรนัยเร้นลับโทสะหยาจื้อและเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ถึงขีดสุด อย่างนั้นคงสะเทือนใต้หล้าเกินไป
ไพ่ตายแต่ละอย่างต่างควรมีเหลือ จึงจะไม่ถูกคนมองตื้นลึกหนาบางออก!
ชิ้ง!
ดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะพลันปรากฏ พื้นผิวคมดาบมีลายมรรคเร้นลับไหลหลั่ง พริบตานั้นลำนำดาบดุจกระแสธาร สะท้อนก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
กระบวนท่าคว้าดารา!
เงาร่างหลินสวินพุ่งทะยาน ดาบหักถูกควบคุมอยู่ภายใต้จิตรับรู้อันยิ่งใหญ่หาใดเปรียบของเขา ฟาดฟันลงกลางอากาศ
ตูม!
เสียงปะทะดังสนั่นรุนแรง ห้วงอากาศกลางสนามประลองปั่นป่วนโดยสมบูรณ์ เหมือนดั่งสุริยันจันทรามาปะทะ ประกายศักดิ์สิทธิ์ถาโถมแผ่กระจาย ทำให้ฟ้าดินส่งเสียงกัมปนาท
“ฆ่า!”
ภายใต้การโจมตีเดียวทั้งสองไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ ต่างบุกจู่โจมอีกครั้งโดยไม่ลังเล สำแดงพลังต่อสู้ในวิถียุทธ์ของตน
ก็เห็นบนสนามประลองนั่นราวอสูรโลหิตและเทพมารกำลังช่วงชิงความเป็นใหญ่ พุ่งเข้าสังหารฟาดฟันจนมืดฟ้ามัวดิน ผีร่ำไห้เทพโหยหวน ดั่งมาเยือนนรกภูมิแดนเซินหลัว
“น่ากลัวนัก! หากเปลี่ยนเป็นราชันกึ่งระดับมาเข้าใกล้คงถูกกำจัดทิ้งในชั่วพริบตา! นี่หรือคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งมกุฎ”
ผู้ชมการประลองใจสั่นสะท้าน คนมากมายล้วนไม่อาจจินตนาการว่าการปะทะของพลังแห่งขอบเขตมกุฎจะแข็งแกร่งและพลิกฟ้าเช่นนี้ ทำลายความเข้าใจที่พวกเขาเชื่อมั่นอย่างสิ้นเชิง
เปรียบเทียบกันแล้ว การประลองก่อนหน้าของหลินสวินกับชิงเหวินเจวี้ยน เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าถึงสามส่วน!
…………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์