พร้อมๆ กับที่เขาเคลื่อนเข้าต่อสู้ กลางอากาศปรากฏเงามายาราวอสูร ยักษา มารร้ายหลากหลายตนแผดคำรามก้องฟ้าดิน ซึมจิตชิงวิญญาณ
ท่ามกลางความพร่าเลือน ในลานประลองประหนึ่งกลายเป็นนรกขุมทมิฬ และโก่วเหยียนเจินก็คือจอมราชัน ทำให้ผู้ชมการประลองไม่น้อยต่างมองด้วยใจสั่นสะท้านไม่หยุด
หลินสวินกลับเงาร่างดุจห้วงมายา ดาบหักดั่งอาวุธดุดันพลิกฟ้า ประกายดาวร้อยล้านดวงแผ่พุ่ง ดุจน้ำตกธารดาราหลากสายม้วนแผ่ลงจากสวรรค์ ดุดันเผด็จการ ไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้
ทั้งคู่ต่อสู้อยู่บนสนามประลองตรงกลาง ทำให้ทุกคนสับสนตาลาย อกสั่นขวัญแขวน
“พวกเจ้าว่าห้ำหั่นกันเช่นนี้ต่อไป ใครจะแพ้ใครจะชนะ”
“โก่วเหยียนเจินใช้พลังมหามรรค ‘อสูรมายาทมิฬ’ ที่สำแดงคือความเร้นลับแห่ง ‘วิชาแปรโลหิตเซินหลัว’ พลังทำลายล้างน่าอัศจรรย์ โอกาสชนะของเขาต้องมากกว่าอยู่บ้างโดยไม่ต้องสงสัย”
“ดาบหักในมือเทพมารหลินนั่นคือศาสตราจิต พลานุภาพมหัศจรรย์เกินคาดเดา ทั้งเขายังบรรลุมหามรรคธาตุน้ำถึงขั้นแก่นมรรค ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพเกรียงไกรมหาศาล ไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ จากมุมมองของข้า เขาน่าจะได้หัวเราะทีหลัง”
“อันที่จริงหากบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่จะดีที่สุด! โก่วเหยียนเจินชวนให้รู้สึกรังเกียจ เทพมารหลินนั่นมีหรือไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกต่อต้าน”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นโดยรอบ ผู้ชมการประลองคิดเห็นต่างกันไป
ตูม!
ในสนามประลองโก่วเหยียนเจินนัยน์ตาแดงก่ำ หลังปะทะกับหลินสวินครู่หนึ่งเขาอดยิ้มเย็นไม่ได้ “หลินสวิน ป่านนี้แล้วเจ้ายังคิดเก็บงำไพ่ตายอีกรึ มีฝีมืออะไรก็ปล่อยออกมาให้หมด อย่าทำให้ข้าดูถูกเจ้า!”
ขณะกล่าวมือซ้ายที่ว่างเปล่าของเขาพลันปรากฏแส้ยาวโลหิตเส้นหนึ่ง แบ่งเป็นเจ็ดสิบสองปล้องราวกระดูกสันหลัง เพียงสะบัดแผ่วเบาเงาแส้พลันเต็มฟ้า ห้วงอากาศไหวเคลื่อน ก่อนวิวัฒน์เป็นเงามายาอสูรยักษามากมาย พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน
แส้อสูร!
พริบตานั้นพลังต่อสู้ของโก่วเหยียนเจินพุ่งทะยานอีกครั้ง หนึ่งดาบหนึ่งแส้ อานุภาพการโจมตีดั่งมรสุมคลั่ง มืดฟ้ามัวดิน ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสีอยู่บ้าง
ขณะเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
เทียบกับชิงเหวินเจวี้ยนแล้ว เห็นชัดว่าโก่วเหยียนเจินทรงพลังกว่าไม่น้อย
ไม่ใช่เพราะพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าชิงเหวินเจวี้ยน แต่เป็นพลังมหามรรคอสูรมายาทมิฬที่เขาครอบครอง จัดเป็นมหามรรคพิเศษซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าสิบเก้ามหามรรคบนกระดานมรรคเทียมฟ้า พลานุภาพระดับนั้นแข็งแกร่งเกินไป
ปึงๆๆ
ดาบหักดั่งแสงไหลเคลื่อน หลังสลายการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม หลินสวินก็ถูกกระเทือนจนถอยร่นนอกระยะสิบกว่าจั้ง
นี่ทำให้ผู้ชมการประลองไม่มีใครไม่สูดหายใจหนาวเยือก ต่างคิดไม่ถึงว่าโก่วเหยียนเจินจะดุดันถึงขั้นนี้ แม้แต่คนอย่างเทพมารหลินยังถูกกำราบ
แต่สีหน้าหลินสวินกลับไม่ตระหนก นัยน์ตาดำวาบแววเยียบเย็นไม่อาจอธิบาย กล่าวว่า “จัดการลูกหมาอย่างเจ้า ดาบหักเล่มเดียวก็เพียงพอ!”
ตูม!
ในสนามประลองทั้งสองห้ำหั่นกันอุตลุดอีกครั้ง พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยหมอกโลหิตแผ่ไพศาล เงามายานานัปการเผยปรากฏ
ต่อสู้มาถึงขั้นนี้ สิ่งที่ประลองกันคือรากฐานบนมกุฎมรรคา!
รากฐานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปราณเท่าไร แต่บ่งชี้ถึงพลังมหามรรค วิชาลับวิถียุทธ์ที่ครอบครอง รวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ของแต่ละคน
หากเทียบกันบนรากฐานมหามรรค ความสามารถของโก่วเหยียนเจินในลานเจิดจรัสกว่าโดยไม่ต้องสงสัย เขาวาดดาบฟาดแส้ดั่งอสูรโลกันตร์กรำศึกเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เปี่ยมพลังทำลายล้างยากจินตนาการ
เมื่อหันมองดูหลินสวิน ตั้งแต่ต้นจนจบอาศัยดาบหักต่อกรศัตรู แม้ดุดันและเผด็จการยิ่ง แต่วิธีต่อสู้กลับดูซ้ำซากเกินไป
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่แสดงออกมาภายนอก ไม่มีใครโง่คิดว่าหลินสวินจะมีความสามารถแค่นี้
เคร้ง!
การปะทะอุบัติขึ้นอีกครั้ง ทั่วร่างโก่วเหยียนเจินปรากฏสัญลักษณ์โลหิตเก่าแก่ แฝงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่น หลอมรวมกับดาบแหลมสีเลือดในมือ
พริบตานั้นในดาบโลหิตพลันมีอสูรวิญญาณศึกหลายสิบตนพุ่งออกมา เตรียมพร้อมลงสมรภูมิ ไอชั่วร้ายทะลวงฟ้าดิน
นี่คือยอดวิชาสังหารอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นพลังลึกลับต้องห้ามในวิชาแปรโลหิตเซินหลัว เล่าลือกันว่า หากใช้โดยอสูรที่แท้จริงจะสามารถทำให้เทพผีสิ้นหวัง!
“หลินสวิน ข้าอยากดูนักว่าเจ้าจะต้านการโจมตีนี้อย่างไร!” โก่วเหยียนเจินหัวเราะลั่น ผมโลหิตแผ่สยาย ท่าทางดั่งพญาอสูรห้อทะยานแดนนรก
“เจ้าอยากรู้ไพ่ตายของข้าไม่ใช่รึ ดั่งเจ้าปรารถนา!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววเยียบเย็น ดาบหักทะลวงเมฆเสียงดังวู้ม สัญลักษณ์ลายมรรคคลุมเครือพลันเปล่งแสงวาบบนปลายดาบ
พริบตานั้นทุกคนรู้สึกเพียงเบื้องหน้าแสบแปลบ ประหนึ่งสายฟ้าสายหนึ่งฉีกกระชากความขุ่นมัว สะท้อนปรากฏบนโลก ส่องประกายและเจิดจ้ายิ่ง ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองโดยตรง
ฉัวะ!
ท้องฟ้าเหนือสนามประลองแหวกออกเป็นรอยแยกยาวเหยียด จากนั้นทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกเสียงและการเคลื่อนไหวราวหายไปจนหมด
มีเพียงแสงดาบเจิดจ้าราวสายฟ้าแลบที่พุ่งออกมาจากความเงียบ
กระบวนเฉือนนภาสงัด!
ต่อสู้มาถึงตอนนี้ ในที่สุดหลินสวินก็ใช้กระบวนเฉือนที่สี่ของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าแล้ว!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เงามายาดั่งอสูรเทพสงครามสิบกว่าตนที่พุ่งเข้ามาถูกกำจัดในชั่วพริบตา ร่างกายระเบิดสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นละอองแสงโปรยปราย
“กระบวนท่าแข็งแกร่งนัก!” คนไม่น้อยต่างใจสะท้าน ถูกอานุภาพการโจมตีนี้ทำเอาตกตะลึง
หืม?
ดวงตาแดงก่ำของโก่วเหยียนเจินพลันหดรัด ไม่ช้าก็หัวเราะลั่น “นี่น่ะหรือคือฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่!”
เขาก้าวย่างดั่งมังกรพยัคฆ์ พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ไม่มีถอยร่น แสงโลหิตทั่วร่างส่องประกาย แผดคำรามเปิดฉากบุกจู่โจมอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาหวาดกลัวหลินสวินอยู่บ้าง เป็นเพราะไม่อาจหยั่งรู้ไพ่ตายของหลินสวิน
แต่ตอนนี้เขาได้รู้ไพ่ตายของหลินสวินโดยคร่าวๆ แล้ว ความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่งในใจจึงหายไป โคจรผสานพลังมรรคอสูรมายาทมิฬร่วมกับนัยเร้นลับวิชาแปรโลหิตเซินหลัวถึงขีดสุด
ทั้งตัวทรงพลังยิ่งกว่าเดิม!
ต่อสู้ถึงตอนนี้ ปะทะกันมาห้าร้อยกว่ากระบวนท่า ถึงเวลาตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว!
ในดวงตาแดงก่ำของโก่วเหยียนเจินไอสังหารไร้ขีดจำกัด เขารอเวลานี้มานานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์