การต่อสู้ปะทุขึ้นบนสนามประลอง
ไม่ว่าจะเป็นมารกระบี่เยี่ยเฉินหรือดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียน ต่างรู้ถึงความน่ากลัวของคู่ต่อสู้เป็นอย่างดี จึงไม่หยั่งเชิงหรือออมมือ ล้วนโจมตีเต็มกำลัง
ชิ้ง!
กระบี่โบราณสีม่วงเล่มหนึ่งส่งเสียงกังวานทะลุเมฆา เยี่ยเฉินเหยียบย่างเข้าไปในห้วงอากาศ ควบคุมกระบี่เคลื่อนไหว อานุภาพทั้งร่างดุจภูเขาไฟที่กำลังปะทุ คล้ายจะแผดเผาใต้หล้าให้วอดวาย
กระบี่นามว่า ‘ไม่พันผูก’ เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ ไอมงคลพวยพุ่ง เป็นยอดศาสตรามรรคราชัน
ไม่พันผูก มีนัยว่าไม่ผูกติดกับกฎระเบียบใดๆ ทำได้ดังใจนึก ฟาดฟันเครื่องกีดขวางให้แตกหัก
กระบี่นี้เหมือนดั่งวิถีกระบี่ที่เยี่ยเฉินแสวงหา… ดังใจนึก
เมื่อกระบี่อยู่ในมือ เยี่ยเฉินราวราชันวิถีกระบี่องค์หนึ่งมาเยือน ปราณกระบี่สีม่วงแผ่พุ่งออกมา เบื้องบนฟันนภาคราม เบื้องล่างฟันเก้าขุมนรก มีอานุภาพไร้เทียบเทียม
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นทุกคนก็หน้าเปลี่ยนสี ดวงตาและจิตวิญญาณต่างมีความรู้สึกเสียดแทงเหมือนถูกเชือดเฉือน เจตกระบี่สีม่วงนั่นไพศาลโชติช่วงเกินไปแล้ว!
ทว่าเซี่ยวชางเทียนก็ไม่น้อยหน้า
กลิ่นอายของเขาประหนึ่งดวงอาทิตย์หนึ่งเดียวสาดแสงเหนือเวิ้งฟ้า เผยคมดาบจนหมดสิ้น รังสีแผ่ไปหมื่นจั้ง ท่วงท่าสง่าภาคภูมิ สำแดงท่าทีผงาดผยองออกมาจนหมดสิ้น
ดาบของเขาก็เหมือนตัวเขา แหลมคม เจิดจ้า ประหนึ่งม่านน้ำตกธารดาราสีขาวปลอดสุดสายตาสายหนึ่ง โจมตีห้วงอากาศ ม้วนตลบจักรวาล อหังการหาใดเทียบ
นามดาบ ‘ดุจหวนคืน’ นำความหมายมาจากมองความตายดั่งหวนคืน เพียงแค่ชื่อก็ชวนสะท้านจิตวิญญาณ ไม่แน่อาจเหมือนวิถีดาบนี้ อหังการถึงที่สุด ไม่มีความคิดหลบหนี!
เคร้งๆๆๆ!
เสียงปะทะน่าหวาดหวั่นดังขึ้น เหนือสนามประลองทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ราวกับราชันแห่งกระบี่กับนายเหนือหัวแห่งดาบพบกัน ชั่วครู่เดียวปราณดาบก็พาดขวาง ปราณกระบี่พุ่งทะลวงเมฆา สภาพการณ์สะท้านโลก
นี่ย่อมเป็นการประลองที่ตระการตาและมีสีสันที่สุดครั้งหนึ่งในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ดาบคำรามกระบี่กู่ก้อง คล้ายมังกรคำรามเหนือสี่สมุทร ปักษาเพลิงกู่ร้องทั่วแปดทิศ!
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ในที่นั้นผู้ชมนับไม่ถ้วนสูดหายใจเย็น ดวงตาเบิกกว้าง จดจ้องสนามประลองนิ่ง จิตวิญญาณล้วนถูกดึงดูด ลืมสิ้นทุกสิ่งพร้อมกับที่การต่อสู้ดำเนินไป
แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสยังตื่นตาเป็นที่ยิ่ง เพียงครู่เดียวก็ทอดถอนใจ ครุ่นคิดถึงสมัยพวกเขายังเยาว์ ต่างเทียบทั้งสองคนตรงหน้านี้ไม่ติด!
“แดนดาราอุดรถึงกับมีอัจฉริยะสองคนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น คล้ายดาวฤกษ์คู่ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ในสงครามมหายุคหลังจากนี้ก็ต้องมีตำแหน่งแห่งที่ของพวกเขาทั้งสอง”
มีคนทอดถอนใจ ก่อให้เกิดเสียงตอบรับมากมาย
‘กระบี่ของเยี่ยเฉินดุจราชันมาเยือน มีอานุภาพผงาดกร้าวเหนือภูผาธารา เป็นราชันปกครองใต้หล้า แต่ไม่ถูกกระบวนท่ากระบี่พันธนาการ เคลื่อนไหวได้ดังใจนึก วิถีกระบี่เช่นนี้ช่างยอดเยี่ยม’
หลินสวินใคร่ครวญในใจ จิตใจของเขาก็ถูกดึงดูดเช่นกัน
การต่อสู้นี้เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์แรงกล้าสองดวงช่วงชิงความเป็นหนึ่ง ทำให้เขาก็รู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน พลังขับเคลื่อนแผ่ขยาย มุ่งหมายจะเข้าไปต่อสู้
‘ดาบของเซี่ยวชางเทียนมีอานุภาพอหังการยิ่งยง โอหังราวอัคคี ดุจดั่งเจ้าเหนือหัวกวาดล้างโลกา หากไม่มีพลังสภาวะจิตแกร่งกล้า ยังไม่ทันต่อสู้ก็คงถูกพลานุภาพของเขาทำให้หวาดหวั่น’
ดวงตาดำของหลินสวินมีประกายครุ่นคิดผุดขึ้นมา แม้ใจจะจดจ่อต่อรายละเอียดของการต่อสู้อยู่ ในสมองกลับสันนิษฐานอย่างว่องไวว่าหากเปลี่ยนเป็นตัวเองประลองกับทั้งสอง ควรจะทำอย่างไรดี
คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวดแน่นขึ้น
ไม่อาจะเทียบได้!
เพราะพลังยุทธ์ของสองคนนี้ เพียงอาศัยการวิเคราะห์ยากจะตัดสินตื้นลึกหนาบาง ถึงขั้นบริสุทธิ์สมบูรณ์แบบ เก็บปล่อยได้ดังใจ
คิดจะเอาชนะพวกเขา มีเพียงไปสู้ด้วยตัวเองสักยกเท่านั้น!
เพียงอาศัยการสันนิษฐานและเปรียบเทียบย่อมไม่มีทางได้คำตอบที่ถูกต้อง
คิดถึงตรงนี้หลินสวินก็สูดหายใจลึก สลัดความคิดฟุ้งซ่านในสมองทิ้งไป พร้อมกันนั้นจิตวิญญาณก็แปรเปลี่ยนเป็นผ่องแผ้วว่างเปล่า จิตใจราบเรียบดั่งบ่อน้ำโบราณ ประหนึ่งจันทร์เพ็ญสมุทรคราม โปร่งใสไร้ฝุ่นควัน
ยามดูการประลองบนสนามประลองอีกครั้ง สภาวะจิตของหลินสวินก็สงบนิ่งเหนือธรรมดา ราบเรียบไม่ไหวติง
แม้เซี่ยวชางเทียนและเยี่ยเฉินจะแข็งแกร่งจนสามารถทำให้ทั้งโลกจับตามอง แต่… ยังไม่อาจส่งผลต่อจิตใจเขาได้!
สามร้อยกระบวนท่า
หกร้อยกระบวนท่า
เก้าร้อยกระบวนท่า
……
บนสนามประลอง สถานการณ์การต่อสู้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ประหัตประหารจนมืดฟ้ามัวดิน แยกแยะได้ยาก มีแต่เสียงกระทบกันของดาบกระบี่ฟาดฟันไปทั่ว
ดุจอสนีบาตฟาดลงกลางฟ้าคราม เหมือนเสียงกลองเทพสะเทือนลั่นสิบทิศ
เสียงมรรค รัศมีเทพ ปรากฏการณ์ประหลาด… ภาพน่าตื่นตาทั้งมวลปรากฏขึ้น ขับเน้นจนทั้งสองเหมือนเทพเทวากำลังห้ำหั่นกัน สำแดงการต่อสู้ไร้เทียมทาน
นี่เป็นการประลองที่สมน้ำสมเนื้อครั้งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าใครหมายจะกำชัยก็ดูยากลำบากเป็นพิเศษ!
ในที่นั้นเงียบเชียบไร้เสียงอยู่ก่อนแล้ว ทุกสายตาต่างถูกดึงดูด
พวกที่พลังอ่อนแอหน่อยบางคน เพราะจิตใจผันผวนปรวนแปรมากเกินไป ได้รับการรบกวนจากการประลองครั้งนี้ ถึงกับอดไม่ได้กระอักเลือดออกมา พลังขับเคลื่อนแทบถูกสะท้อนกลับ
ทั้งยังมีผู้ฝึกปราณที่หยั่งรู้โดยพลัน ตักตวงเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย หยั่งถึงมรรคได้ ยินดีปรีดาเหมือนเสียสติระหว่างที่ดูการต่อสู้
การประลองครั้งหนึ่งกลับทำให้เรื่องมากมายเช่นนี้เกิดขึ้นนอกสนาม นี่ย่อมดูน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
ยิ่งเห็นได้ว่าการประลองยกนี้สะท้านโลกและเหนือธรรมดาปานไหน!
หากอยู่ในโลกภายนอก ต้องก่อให้เกิดความสะเทือนเลือนลั่นครั้งใหญ่ในสี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณแน่
จนกระทั่งการต่อสู้ดำเนินไปถึงหนึ่งพันกว่ากระบวนท่า เซี่ยวชางเทียนกับเยี่ยเฉินก็หายใจหอบบ้างแล้ว อีกทั้งร่างกายต่างได้รับบาดเจ็บ
แต่จิตต่อสู้ของทั้งสองน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อประจัญบานกันขึ้นมาไม่มีเค้าลางอ่อนแรง กลับยิ่งดุดันและแกร่งกล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์