เหล่าผู้กล้าสีหน้ามึนงง จิตใจยังคงพลิกตลบไม่สามารถสงบได้
ก่อนหน้านี้กระบี่เก้าเล่มของเยี่ยเฉินโจมตีออกมาพร้อมกัน บรรจุนัยเร้นลับแห่งเก้ามหามรรค แปรเป็นค่ายกล มีอานุภาพสังหารทลายใต้หล้าภูผาธารา
แต่กลับถูกเทพมารหลินพลิกสถานการณ์ในช่วงสุดท้าย ผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทำให้ยากจะเชื่อ
การโจมตีที่ตะลึงโลกเช่นนี้ พ่ายแพ้ได้อย่างไร
พลังที่เทพมารหลินใช้ในช่วงสุดท้ายคืออะไร เหตุใดจึงมีอานุภาพเหลือเชื่อเพียงนี้
เสียดายที่ทุกอย่างจบไวเกินไป
ตอนที่ค่ายกลถูกสลาย เทพมารหลินเองก็เก็บมือตาม พลังที่เขาสำแดงออกมาราวกับถานฮวาชั่วข้ามคืน[1] หายวับไปไร้ร่องรอย
ทำให้ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่มีวาสนาได้เห็น
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสและยอดมกุฎรุ่นเยาว์บางคนยังเห็นเพียงคร่าวๆ
ไม่มีเหตุผลอื่นใด การปะทะนั่นรุนแรงเกินไป ราวกับสุริยันระเบิด ที่เจ็บแสบไม่เพียงแค่ตา ยังมีจิตวิญญาณอีกด้วย!
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า… เหมือนนัยเร้นลับของมหามรรคกลืนกินที่ศิษย์พี่อวิ๋นชิ่งไป๋ครอบครองอย่างที่สุด”
ตรงตีนเขา ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่งสงสัย
เมื่อพูดคำนี้ดังออกมา สีหน้าของคนอื่นๆ โดยรอบพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยมีความรู้สึกเช่นนี้จริงๆ
ยามนี้สัมผัสดูคร่าวๆ พลันพบว่า พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาตอนท้าย มีจุดที่เหมือนกับนัยเร้นลับแห่งมหามรรคกลืนกินที่อวิ๋นชิ่งไป๋ครอบครองจนน่าตกใจ
แทบจะในเวลาเดียวกัน ในสนามประลอง เยี่ยเฉินใช้สายตาอันซับซ้อนราวกับมองสัตว์ประหลาดจับจ้องหลินสวิน แล้วเอ่ยว่า “เจ้าเป็นอะไรกับอวิ๋นชิ่งไป๋”
ทั่วทั้งลานยิ่งเงียบสงัด ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่รู้จักอวิ๋นชิ่งไป๋สายตาต่างวูบไหว ตระหนักได้ถึงความนัยในคำพูดของเยี่ยเฉิน
เพราะพวกเขาเองก็สังเกตเห็นว่า พลังมหามรรคที่หลินสวินสำแดงออกมาตอนท้าย เหมือนมีแหล่งที่มาเดียวกันกับอวิ๋นชิ่งไป๋
“ศัตรู”
หลินสวินพูดง่ายๆ
คำสั้นๆ เพียงสองคำกลับทำให้ทุกคนตะลึง เดิมทีคิดว่าหลินสวินจะมีที่มาเดียวกับอวิ๋นชิ่งไป๋ ไม่เคยคิดว่าเขากลับเห็นอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นศัตรู!
สีหน้าของหลินสวินสงบนิ่งมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดความลับนี้ออกมาต่อหน้าสาธารณชน
ก่อนหน้านี้ด้วยความที่ต้องรักษาความปลอดภัยของตน ทำให้จำเป็นต้องอดทน สกัดกั้นความแค้นที่มีต่ออวิ๋นชิ่งไป๋ไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
แต่ตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดแล้ว!
แน่นอนว่าเขาไม่ได้อธิบายเหตุผล เชื่อว่าคำพูดสั้นๆ สองคำนี้ก็เพียงพอจะแสดงท่าทีของเขาได้แล้ว!
“มิน่าเจ้าถึงไปนครหยกขาว ทำลายสถิติที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว ที่แท้ก็มีเหตุผลนี้…”
เยี่ยเฉินเหมือนคิดอะไรอยู่ “แต่พลังเมื่อครู่นี้ของเจ้า…”
หลินสวินส่ายหน้าพูด “ไม่เกี่ยวกับเขา”
สุดท้ายเขาอดทนต่อความคิดที่จะพูดออกมา ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของตนไป ด้วยรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น
สักวันเขาจะแก้แค้น พูดให้คนอื่นฟังก็ไม่ต่างอะไรกับการนินทา
จ้องหลินสวินอยู่นาน เยี่ยเฉินพลันถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าแพ้แล้ว”
“ไม่ต้องเสียใจ อย่างน้อยเจ้าก็บีบจนข้างัดไพ่ตายออกมา ต่อไปหากเจ้าอยากดื่ม เรียกเมื่อไหร่ข้าจะไปหาเมื่อนั้น” หลินสวินยิ้มพูด
เยี่ยเฉินพูดอย่างไม่อภิรมย์ “ข้ายังไม่ถึงขั้นให้เจ้ามาปลอบใจ แพ้ก็คือแพ้ ไม่ได้แพ้ในสงครามมหายุคสักหน่อย”
“เช่นนั้นก็ดี”
เสื้อผ้าของทั้งสองต่างเปื้อนเลือด ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ก่อนหน้านี้ต่อสู้กันอย่างรุนแรงเป็นที่สุด แต่ตอนนี้กลับท่าทางคุยกันถูกคอ
“ในเมื่อชนะข้าแล้ว อีกเดี๋ยวตอนสู้กับเซี่ยวชางเทียนเจ้าจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!” จู่ๆ เยี่ยเฉินก็พูดขึ้น น้ำเสียงไม่เปิดโอกาสให้สงสัย
“เฮอะ!” เซี่ยวชางเทียนที่อยู่ในระยะไกลกอดอกแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ
“ข้าจะพยายาม” หลินสวินไหวไหล่
ทั้งสองแยกย้ายกลับแท่นมรรคบนยอดเขา
ข้ารับใช้วิญญาณสะบัดแขนเสื้อ ฝนวิญญาณเทพโปรยปรายอาบร่างทั้งสอง
และตอนนี้เอง บรรยากาศในลานตื่นเต้นอย่างยิ่ง เสียงฮือฮาต่างๆ ดังก้องราวกับระเบิด ทำลายความเงียบภายในลาน
“เยี่ยเฉินกลับแพ้เทพมารหลิน! เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
หลายคนยังคงยากจะรับได้
“ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ หลินสวินนี่ก็ฆ่ามาตลอดทางโดยไม่เคยพ่ายแพ้ ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
และมีคนตะลึง ถอนหายใจไม่หยุด
“เจ้าเดรัจฉานนี่ช่างทะเยอทะยานโฉดชั่ว ดันเห็นอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นศัตรู!”
เหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าต่างกรุ่นโกรธเป็นที่ยิ่ง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่า เหตุใดช่วงก่อนหน้านี้หลินสวินจึงไปทำลายสถิติที่สิบสองหอแห่งนครหยกขาว
“หากไม่กำจัดเด็กนี่ พวกเราก็ยากจะกินอิ่มนอนหลับจริงๆ…”
เหล่าผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจต่างๆ ที่มองหลินสวินเป็นศัตรู อย่างแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แดนพิสุทธิ์อมตะ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ สีหน้าล้วนอึมครึมอย่างที่สุด
พลังต่อสู้ของหลินสวินทำให้พวกเขาตกใจ ถึงขั้นที่รู้สึกสยอง!
ไร้ที่พึ่งพิงแต่กลับสามารถสร้างสถิติไม่เคยพ่ายแพ้ ถึงขั้นไม่เคยถูกทำลาย แม้แต่มารกระบี่เยี่ยเฉินยังด้อยกว่าระดับหนึ่ง ศักยภาพนี้น่ากลัวเกินไปโดยไม่ต้องสงสัย หากเติบใหญ่ขึ้นมาย่อมเป็นมหันตภัยอย่างแน่นอน
“อย่างที่เขาบอก ไม่ถูกผู้อื่นริษยาเป็นคนความสามารถพื้นๆ คนผู้นี้สามารถสร้างความสำเร็จในวันนี้ ก็ถือเป็นผู้กล้าที่มีโชควาสนาติดตัวคนหนึ่งแล้ว!”
ส่วนเหล่าผู้แข็งแกร่งที่วางตัวเป็นกลาง ต่างไม่เกี่ยงที่จะกล่าวชม ชื่นชมและนับถือหลินสวินอย่างมาก
บนยอดเขา สีหน้าของเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์อย่างฉู่เป่ยไห่ อวี่หลิงคง หลี่ชิงผิงดูแย่ยิ่งกว่ากินแมลงวันตายเข้าไป ในใจยิ่งมีความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ครั้งนี้พวกเขามาพร้อมอานุภาพอันดุเดือด การแข่งขันยังไม่ทันเริ่มต้นก็ต่างประกาศกร้าวว่าจะมอบบทเรียนอันแสนเจ็บปวดให้กับหลินสวิน
แต่จนถึงตอนนี้ โดยเฉพาะตอนที่เห็นภาพที่หลินสวินเอาชนะเยี่ยเฉิน ความเย่อหยิ่งในใจพวกเขาล้วนถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงความไม่จำยอมและขมขื่น
แม้ไม่ยินยอม พวกเขาก็จำต้องยอมรับว่า หลินสวินแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทุกคน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์