ทั้งบนและล่างของภูเขาเทพไร้มรณะ ผู้ฝึกปราณกำลังทยอยจากไป
ไม่มีใครสังเกตว่าบนยอดเขามีเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่งโรจน์ และหญิงสาวในช่วงวัยแรกแย้มกำลังใช้วิธีสื่อจิตอันเป็นเอกลักษณ์ สื่อสารกันอย่างคลุมเครือและงดงาม
บรรยากาศละเอียดอ่อนอย่างมาก
แม้ห่างกันสองภูเขา กลับเหมือนสามารถสัมผัสกันได้
จ้าวจิ่งเซวียนคิดไม่ถึงเลยว่า เดิมทีเพียงเป็นห่วงหลินสวิน แต่ใครจะรู้ว่าการพูดคุยได้พัฒนามาถึงขั้นที่ละเอียดอ่อนและคลุมเครือเช่นนี้
นางทำอะไรไม่ถูก ดวงหน้างามแดงระเรื่อ พวงแก้มเป็นประกาย ท่าทางเคอะเขินและสับสน แต่ในสายตาของหลินสวินกลับเป็นความงามเฉพาะตัวอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินสวินกระแอมทีหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า ‘เอ่อ…’
เขากลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ หัวใจกระเพื่อมไหวเล็กน้อย ราวกับเมฆเหนือท้องฟ้า ล่องลอยจนพาให้ใจสั่น
‘คนโง่!’
จ้าวจิ่งเซวียนหัวเราะออกมา พลันรู้สึกว่าหลินสวินในตอนนี้แฝงความเงอะงะโง่เขลาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘เจ้าต่างหากที่โง่’ หลินสวินมุ่นคิ้ว ไม่ชอบใจอย่างมากที่ถูกเรียกเช่นนี้
‘หนอย เจ้ายังจะไม่ยอมอีก ไม่เคยเห็นคนโง่ที่ทั้งทึ่มทั้งโง่อย่างเจ้ามาก่อนเลย!’ จ้าวจิ่งเซวียนเลิกคิ้ว เสมองหลินสวินแวบหนึ่ง
เอวของนางเรียวยาว รูปร่างสง่างาม สวมชุดประโปรงสีม่วง ผิวขาวเป็นประกายราวกับมันแพะ ดวงหน้างดงามทุกอริยบท ชัดเจนบริสุทธิ์ไร้ที่ติ ยามนี้แม้เหลือบตาก็ยังแฝงความขี้เล่น
บรรยากาศที่ละเอียดอ่อนแต่คลุมเครือหายไปกะทันหัน หลินสวินลอบถอนหายใจ ผ่อนคลายไปทั้งตัว ในใจกลับว่างเปล่าราวกับเมื่อครู่นี้พลาดอะไรไป
‘เอาเถอะ ข้าต้องไปแล้ว’
จ้าวจิ่งเซวียนโบกมืองามแล้วเดินลงเขาไป
‘ไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ’
หลินสวินอึ้ง
‘เจ้าจะพูดอะไรอีก’
จ้าวจิ่งเซวียนหมุนตัวหันกลับมา ลมภูเขาพัดผ่าน นางยื่นมือไปทัดผมข้างหู การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจนี้ กลับเต็มไปด้วยความงดงามที่บอกไม่ถูก
‘ไม่มีอะไร’
หลินสวินชะงัก พูดอย่างลังเล ‘เช่นนั้นเจ้า… รักษาตัวด้วย!’
‘เจ้าไม่เพียงแค่โง่ ทั้งยังเป็นคนโง่ที่สุดในปฐพี!’
จ้าวจิ่งเซวียนถลึงตาใส่หลินสวินอย่างไม่อภิรมย์แวบหนึ่ง จากนั้นนางเองก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอารมณ์วันนี้แปลกๆ
‘ไปล่ะ’
นางโบกมืออีกครั้ง เสียงใสไพเราะเสนาะหูราวกับเป็นเสียงจากสวรรค์
‘เจ้าเปลี่ยนไวเกินไปหรือเปล่า คิดจะไปก็ไป หลายวันก่อนเพื่อพบเจ้า ข้าล่วงเกินทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเลยนะ’
หลินสวินอดพูดไม่ได้
จ้าวจิ่งเซวียนเดินอยู่บนทางภูเขาโดยไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ
มือขาวผ่องราวกับหยกของนางไพล่หลัง ฝีเท้าเบาแผ่วร่าเริง พูดอย่างไม่ใส่ใจสักนิด “ข้าวางใจมาก คนโง่อย่างเจ้า มีชีวิตอยู่อาจจะประสบเคราะห์ไม่น้อย แต่ถ้าอยากตายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ แม้แต่พญายมก็ใช่ว่าจะกล้าเก็บเจ้าไป”
‘นี่เจ้าชมข้าหรือว่าข้ากันแน่’
‘เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ เจ้าโง่!’
‘ข้าขอเตือนเจ้านะ แม้ความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่เลว แต่เจ้าจะเรียกข้าว่าเจ้าโง่ทุกคำเช่นนั้นไม่ได้ แพร่ออกไปจะน่าอายแค่ไหน’
‘แฮะๆ เจ้าโง่!’
‘เจ้า…’
หลินสวินโกรธจนกัดฟันกรอด อยากไล่ตามไปจับผู้หญิงไม่เชื่อฟังคนนี้มากดลงพื้นแล้วตีก้นสักยกเสียเดี๋ยวนี้
แต่ตอนนี้จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์แล้ว ริมฝีปากแวววาวยกขึ้นเผยความได้ใจมาก
‘เจ้าโง่นี่ ไม่รู้จักความหวานซึ้งเสียบ้างเลย! แต่ก็… น่ารักดี’
ทันใดนั้นในใจนางพลันพึมพำคำหนึ่ง
หากหลินสวินได้ยินเสียงในใจนาง ได้ยินคำว่า ‘น่ารัก’ กลัวว่าคงทรุดแน่
เขาเป็นถึงเทพมารหลิน จะเกี่ยวข้องกับคำว่าน่ารักได้อย่างไร
แต่ในสายตาของคนบางประเภท บางทีขอเพียงแค่ถูกชะตา ไม่ว่าจะทื่อทึ่มแค่ไหนก็จะรื่นหูรื่นตาและน่ารักมากขึ้น
……
จ้าวจิ่งเซวียนเดินห่างออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็รวมกลุ่มกับคนของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
หลินสวินเก็บสายตา นึกถึงแต่ละฉากเมื่อครู่นี้ สีหน้าสับสน ครู่ใหญ่จึงพึมพำอย่างโมโห ‘นี่ข้าเป็นอะไรไป’
เขาเมื่อก่อนนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เย่อหยิ่งอย่างจี้ซิงเหยายังกล้าเกี้ยวพา ไม่ประหม่าเลยสักนิด
และสามารถพูดคุยอย่างสนุกสนานกับผู้หญิงที่จิตใจบริสุทธิ์อย่างเยวี่ยไฉ่เวยได้อย่างสบาย
แต่มีเพียงตอนที่คุยกับจ้าวจิ่งเซวียนวันนี้ มักมีความรู้สึกอึดอัดผิดปกติ ทำอะไรไม่ถูก ดูเงอะงะมากจริงๆ โง่เขลาไม่น้อย…
นี่ทำให้หลินสวินยิ่งเดือดดาล ลอบคิดว่าเจอกันคราวหน้า จะต้องกู้หน้ากลับมาให้ได้ ให้จ้าวจิ่งเซวียนได้เห็นว่า อะไรที่เรียกว่าชายชาตรี!
ทว่าตอนเห็นเงาร่างของจ้าวจิ่งเซวียนค่อยๆ หายไป ในใจหลินสวินกลับรู้สึกโหวงๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ
เขาอดถอนหายใจไม่ได้
เขารู้ว่านี่เป็นเพราะอะไร
เพียงแต่…
ฝั่งซย่าจื้อจะทำอย่างไรดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์