Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1085

“เหตุใดจึงไม่ใช้สมบัติอริยะตั้งแต่แรก”

ข่งหลิงขมวดคิ้วถาม

“เพราะหลินสวินยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ!”

หม่าหยวนชิงพูดเรียบๆ “ทุกคนต่างรู้ว่าในมือของเขามีสมบัติอริยะ และเคยใช้สิ่งนี้สังหารผู้แข็งแกร่งระดับราชัน แต่นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อมีการป้องกัน ถึงจะให้สมบัติอริยะสิบชิ้นกับเขาก็ไม่สามารถฆ่าราชันได้แม้แต่คนเดียว!”

“สมบัติอริยะแม้จะดี แต่ก็ต้องมีพลังที่คู่ควรจึงจะใช้พลังทั้งหมดของมันออกมาได้ พลังเล็กน้อยของเจ้าหมอนี่ เกรงว่าแม้แต่อานุภาพเพียงหนึ่งในพันของสมบัติอริยะก็ไม่สามารถใช้ได้

หยุดไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดต่อว่า “ใช้สมบัติอริยะครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อฆ่าเด็กนี่ จุดประสงค์ง่ายมาก นั่นคือเพื่อสกัดพลังของขุมอำนาจอื่นๆ ก็เท่านั้น ”

ข่งหลิงเพิ่งจะเข้าใจ

……

น้ำทะเลสีเงินระลอกคลื่นเงียบสงบ เกาะสันโดษเสมือนตัวหมากประดับอยู่ภายใน

หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าสงบ

เขาสังเกตเห็นแล้ว ว่าศัตรูกลุ่มที่สองกำลังมุ่งหน้ามาจากไกลๆ

สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!

ครั้งนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมาหกคน แต่ละคนอานุภาพคับฟ้าทะลวงอากาศเข้ามา ราวกับนายเหนือหัวมากมาย มายืนอยู่รอบเกาะสันโดษ

ตอนแรกที่พบว่าหลินสวินอยู่ที่นี่โดยไม่หลบไม่หนีก็ทำให้พวกเขาอึ้งไม่น้อยเช่นกัน จากนั้นต่างขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

ทีแรกพวกเขาล้วนคิดว่าราชันกลุ่มแรกที่เคลื่อนไหวยังตามหาหลินสวินไม่พบ หรือไม่ก็เจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดบางอย่าง จึงมาเสริมกำลัง

ใครจะคิดว่า ทันทีที่เข้าสู่ส่วนลึกของทะเลหมากดาราก็เจอหลินสวินทันที

นี่ก็แปลกประหลาดแล้ว

“พี่ชายตัวน้อยเห็น… คนอื่นบ้างหรือไม่”

โม่เจินที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะพูดขึ้น ยิ้มอย่างน่าดึงดูด ท่าทางหยาดเยิ้ม รูปลักษณ์ของนางเหมือนสาวน้อย ชุดคลุมเขียวราวกับสายน้ำ สีหน้าเย้ายวน

“เห็น” หลินสวินกล่าวอย่างสบายๆ

ราชันที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนัยน์ตาหดรัด

โม่เจินแววตาวูบไหวกล่าว ”แล้วพวกเขาล่ะ”

หลินสวินยื่นมือชี้ไปที่น้ำทะเลสีเงินตรงหน้าพร้อมพูด “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อไว้อาลัยผู้ตายหรือ ข้าได้ฝังศพพวกเขาไว้ที่นี่แล้ว”

สีหน้าของเหล่าราชันมืดทะมึน ในดวงตาวาบประกายเย็นเยียบ ยิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ

ระดับกระบวนแปรจุติรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎ แต่ในเวลานี้เขาดูนิ่งเกินไป ไม่เหมือนกำลังรอความตาย แต่เหมือนรอคอยพวกเขาอยู่ตลอดมากกว่า!

สิ่งนี้ทำให้เหล่าราชันต่างเกิดความสงสัย มองหน้ากันไปมา ล้มเลิกความคิดชั่ววูบที่จะลงมือในทันที ตัดสินใจทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก่อน

ในส่วนลึกของหัวใจ ความจริงพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของหลินสวินเลยสักนิด คิดว่าเขาคุยโวโอ้อวดและพูดจาเหลวไหล

“พี่ชายตัวน้อยอย่าล้อเล่น พี่สาวอย่างข้าหัวใจไม่แข็งแกร่ง คุยกับพี่สาวดีๆ ได้หรือไม่”

น้ำเสียงของโม่เจินนุ่มนวล เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนชวนใจสั่น

นางงดงามมากจริงๆ ทุกท่าทาง ทุกอิริยาบถ แฝงกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ ทำให้ราชันคนอื่นๆ เหลียวหลังอย่างควบคุมไม่อยู่ ลอบด่าในใจว่าผู้หญิงแดนพิสุทธิ์อมตะช่างพราวไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน

หลินสวินขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ยายแก่ เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว ยังเรียกตัวเองว่าพี่สาว เจ้าคุยกับข้าดีๆ ได้ไหม รู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าแก่แล้วยังไม่เจียมตัว”

ใบหน้าของโม่เจินเปลี่ยนไปทันที ยายแก่หรือ เจ้าเดรัจฉานสมควรตาย ปากดันร้ายขนาดนี้!

“เจ้าหมอนี่ ในเมื่อพูดด้วยดีๆ ด้วยไม่ยอมเชื่อฟัง ก็คงต้องใช้กำลังแล้ว! คิดว่าในมือมีสมบัติอริยะก็จะไม่เห็นพวกข้าในสายตาได้หรือ”

ใบหน้าของโม่เจินเยียบเย็นราวน้ำค้างแข็ง คำพูดเปลี่ยนไปกะทันหัน เสน่ห์หายไป ถูกไอสังหารที่กระทบใจผู้คนเข้าแทนที่

ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้นางมีเสน่ห์เย้ายวน นางในตอนนี้ก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอสูรหญิง!

ความรวดเร็วของการเปลี่ยนแปลงทำให้ราชันคนอื่นๆ ใจสั่น ตระหนักได้ว่าผู้หญิงคนนี้สามารถเป็นราชันได้ อย่าดูถูกเด็ดขาด

กลับเห็นหลินสวินราวกับไม่รู้สึกรู้สา ดวงตาดำเย็นเยียบกวาดมองราชันทั้งหกในที่นั้นแล้วเอ่ย “หากพวกเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อไว้อาลัยคนตาย เช่นนั้นพวกเจ้าก็มารนหาที่ตาย”

เขายื่นมือชี้นิ้วไปที่ทะเลอันไกลโพ้นอีกครั้งพร้อมพูดว่า “ที่แห่งนี้เป็นเหมือนสุสาน ทะเลแห่งนี้ราวกับโลงศพ มากเกินพอจะฝังเดรัจฉานอย่างพวกเจ้าร้อยคนพันคน ตอนนี้ข้าจะส่งพวกเจ้าลงนรกกับมือ!”

ตอนที่สิ้นเสียงเขาก็พุ่งขึ้นอากาศแล้ว

ตูม!

บนท้องฟ้าดวงดาวนับหมื่นปรากฏ ปลดปล่อยประกายดาราหมื่นล้านอาบเงาร่างหลินสวินจนเจิดจ้าสว่างไสว ไอสังหารอันน่ากลัวไร้ขอบเขตแพร่กระจายออกไป

พวกโม่เจินยิ้มเยาะในใจ ดูนิ่งมาก ไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด

พวกเขาเดาออกตั้งนานแล้วว่า หลินสวินกล้ารออยู่ที่นี่อย่างไม่เกรงกลัว ล้วนเพราะมีที่พึ่งพิง ส่วนที่พึ่งของเขาก็หนีไม่พ้นสมบัติอริยะและกระบวนผนึกมรรคราชัน

ภาพตรงหน้าไม่ได้ทำให้พวกเขาตกใจ

ทว่าเพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็ชะงัก นัยน์ตาหดรัดโดยพลัน สังเกตเห็นว่าคลื่นต้องห้ามที่เคลื่อนอยู่ในฟ้าดินผืนนี้ แตกต่างจากกระบวนผนึกมรรคราชันอย่างสิ้นเชิง

“นี่คือพลังต้องห้ามไร้เทียมทานที่ปกคลุมอยู่ในทะเลหมากดารา เจ้าเดรัจฉานนี่คิดจะยืมดาบฆ่าคน!”

จงเหวินหย่วนแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าส่งเสียงตะโกน เปิดกล่องกระบี่ออกมา กระบี่สีเขียวยาวสามฉื่อเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงฟ้าขึ้นมา

ชั่วขณะนั้นราวกับมีเทพกระบี่องค์หนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ ปลดปล่อยประกายคมอริยะมรรค!

กระบี่เทียมฟ้า!

กระบี่นี้โค้งงอบาดตา ไม่สามารถจ้องมองได้ มีอานุภาพอันน่ากลัวไม่อาจประเมิน เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญพิทักษ์สำนักชั้นยอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ทันใดนั้นจงเหวินหย่วนเปลี่ยนเป็นหยิ่งยโสและมั่นใจอย่างที่สุด ไม่กระวนกระวายสักนิด

ในเวลาเดียวกัน…

ครืนโครม!

โม่เจินสะบัดมือคราหนึ่ง ตำหนักอมตะก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ราวกับหลอมจากสำริดโบราณ รอบๆ ตำหนักสลักลายมรรคคลุมเครือ เผยภาพอันยิ่งใหญ่อย่างสุริยันจันทราและหมู่ดาว ภูผาธาราไพศาลเป็นต้น

วู้ม!

ร่มคันหนึ่งกางออก พื้นผิวปรากฏรัศมีเทพสีม่วงเขียวสองสาย สำแดงเป็นภาพหยินหยาง ราวกับสามารถบดบังและแยกท้องฟ้า

ร่มรุ้งสมบัติม่วง!

ชายชราเคร่งขรึมของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณถือร่มขวางกั้นท้องฟ้า เงาร่างสูงใหญ่

ตูม!

แสงโลหิตบาดตาทั่วฟ้าปะทุขึ้น วิวัฒน์เป็นเงามายาเทพมารมากมาย พิทักษ์อยู่รอบๆ ประทับสีเลือด กู่ร้องกลางฟ้าดิน

“ฆ่า เข้าไปพร้อมกัน สังหารสุนัขตัวนี้ซะ!’

ระดับราชันคนอื่นๆ สบตากัน แล้วพุ่งออกไปพร้อมกัน

เพราะสิ่งที่โม่เจินประสบ ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าพลังของทะเลหมากดารานั่นน่ากลัวเพียงใด ในใจต่างสะท้านไหว

อีกอย่างพวกเขาไม่อาจไปสนใจได้ว่า เหตุใดคนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติอย่างหลินสวิน จึงสามารถใช้พลังของทะเลหมากดาราได้

เฉือน!

กระบี่เทียมฟ้าในมือจงเหวินหย่วนส่งเสียงครวญใส คมกระบี่ราวกับสายฟ้า ปลดปล่อยแสงอริยะมรรคเฉือนออกไปทันที

ตูม!

ประทับนรกโลหิตทะยานอากาศ เงามายาเทพมารทับซ้อนกัน กดข่มห้วงอากาศลงมาอย่างแรก

ฉึบ

ร่มรุ้งสมบัติม่วงหมุนอยู่กลางอากาศ ห้วงอากาศพลันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ไอม่วงเขียวสองสายแปรเปลี่ยนเป็นหนึ่งมังกรหนึ่งเสือ กึกก้องจักรวาล

ในเวลาเดียวกันบรรทัดสยบฟ้าโฉบขึ้น ตำราหยกสีทองพุ่งขึ้นฟ้า…

ชั่วขณะนั้นกลางฟ้าดินมีสมบัติอริยะมากมายสำแดงฤทธิ์ เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีที่สิ้นสุด ย้อมทะเลผืนนี้ให้เป็นสีสันงดงาม

กลิ่นอายทำลายล้างอันน่ากลัวไร้สิ้นสุด ราวกับพิบัติเคราะห์วันสิ้นโลกมาเยือน ถ้าเป็นราชันคนอื่นๆ คงถูกฆ่าในชั่วพริบตาแล้ว!

เพราะนี่ตะลึกโลกและน่ากลัวเกินไป แม้ราชันเหล่านี้ไม่สามารถใช้อานุภาพของสมบัติอริยะได้อย่างเต็มที่ แต่พลังระดับนั้นยังคงน่ากลัวอย่างเหนือจินตนาการ!

และตอนนี้ หลินสวินเองก็กำลังลงมือ

เขาก้าวย่างไปตามตำแหน่งดวงดาว ประกายดาราบนร่างกายยิ่งจรัสแสง ราวกับเป็นนายแห่งหมื่นดารา เพิ่มพูนคลื่นพลังต้องห้ามให้เขาอย่างไม่ขาดสาย

เขาอาบแสงดารา ทุกอณูรูขุมขนขยายออก เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินผืนนี้ ผสมผสานเข้าด้วยกัน เงาร่างยิ่งดูสว่างไสว

ตูม!

เงาร่างของหลินสวินขยับเบาๆ คราหนึ่ง พลังต้องห้ามแผ่ออกไปสิบทิศ ราวกับค่ายกลวัฏจักรดาราอันหนาแน่นคลุมเครือโคจรพลุ่งพล่าน

อานุภาพสมบัติอริยะที่พุ่งสังหารเข้ามา ถูกทะลวง ระเบิดและสลายไปในชั่วพริบตา!

เป็นไปได้อย่างไร

ราชันเหล่านั้นตกใจ ลูกตาแทบหลุดออกมา

ส่วนหลินสวินได้ก้าวออกไปตั้งนานแล้ว ราวกับเคลื่อนไหวในชั่วพริบตา ปรากฏตัวตรงหน้าโม่เจิน กำปั้นห่อหุ้มพลังต้องห้ามกระแทกออกไปอย่างแรก

ตูม!

ราวกับแสงดารากระแทกพื้น เจิดจ้ารุนแรง

โม่เจินใช้ตำหนักอมตะขวางกั้น กลับคิดไม่ถึงว่าสมบัติอริยะพิทักษ์สำนักของแดนพิสุทธิ์อมตะชิ้นนี้ ทันทีที่เข้าปะทะก็ถูกกระแทกจนปลิวไปทั้งอย่างนั้น เกิดเสียงคำรามราวกับจะฉีกแก้วหู

พรวด!

ในเวลาเดียวกันโม่เจินกระอักเลือดอีกครั้ง จิตวิญญาณสะเทือนอย่างรุนแรง เลือดลมตีกลับ ทรมานจนเกือบจะร่วงจากกลางอากาศ

และนี่ เป็นเพียงแค่อานุภาพหมัดเดียวของหลินสวินเท่านั้น!

……………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์