Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1094

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่แสงรัศมีศักดิ์สิทธิ์สายแล้วสายเล่าโปรยลงจากเวิ้งนภา พร่างพรมในห้วงอากาศ ส่องสว่างทั่วฟ้าดิน!

พริบตานี้ทุกคนบนชายฝั่งทะเลล้วนหน้าเปลี่ยนสี รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก

อริยะทั้งหกอย่างฟางหลิงซู่ เต้าคุน เมี่ยวหวา เซวี่ยถู อวี่หมิง และฝูหยาล้วนเปลือกตากระตุกอย่างแรง นัยน์ตาหรี่ลงน้อยๆ

ในฐานะบุคคลระดับอริยะ พวกเขาย่อมตระหนักได้ในทันทีว่ามีเหตุผิดประหลาดเกิดขึ้น!

ในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดก็ไม่ขาดแคลนอริยบุคคล เวลานี้ล้วนจิตใจไหวสั่น นัยน์ตาประจุสายฟ้า พากันมองไปทางทะเลหมากดารา

ฟ้าดินคล้ายเงียบงันในชั่วขณะนี้

“เป็นผู้ใดกำลังเล่นอุตริอยู่ที่นี่” ฟางหลิงซู่ตะโกนลั่น ไอสังหารแผ่พุ่งออกจากหว่างคิ้ว

“ฮ่าๆ สหายคนใดคิดยื่นมือเข้าแทรกเรื่องนี้ เห็นพวกเราหกคนไม่มีตัวตนหรือ หรือว่าจะทำเพื่อศุภโชคในมือเจ้าเด็กนั่น จนคิดจะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกข้าทั้งหมด”

พวกเต้าคุน เมี่ยวหวาล้วนสีหน้าเย็นชาขึ้นมา ยังเข้าใจว่ามีอริยะจากสำนักโบราณอื่นๆ เข้ามาก่อกวนเรื่องนี้ นี่พาให้พวกเขาล้วนหัวเสีย

กลางห้วงนภา รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์สายแล้วสายเล่าประหนึ่งโซ่ตรวนวิเศษร้อยรัดเป็นลำดับ ใสกระจ่างสว่างไสว เจิดจรัสและงดงาม รวมตัวกันกลางห้วงอากาศไม่ขาดสาย

บรรยากาศกลางฟ้าดินแถบนี้ก็ยิ่งบีบคั้นมากขึ้นทุกที พาให้ผู้คนหายใจไม่ทั่วท้อง

“เฮอะ! ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร วันนี้ผู้ใดกล้าขวางข้า ข้าจะฆ่ามันผู้นั้นเสีย!”

เซวี่ยถูส่งเสียงอึมครึม ในฐานะบุคคลระดับอริยะ ต่างย่างเท้าสู่ปลายยอดของโลก เย้ยหยันฟ้าดิน ทำทุกสิ่งตามต้องการ เมื่อบังเกิดไอสังหารในใจ แทบไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้

ยามเอ่ยวาจาเขายื่นมือออกไปเป็นกรงเล็บ พายุสีเลือดน่าสะพรึงสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ปลดปล่อยกระแสเสียงเทพร้องครวญผีโหยไห้ออกมา พุ่งแผ่ครอบไปทางหลินสวินประหนึ่งประตูบานใหญ่ที่ทะลุสู่อเวจี

ฉัวะ!

เวลานี้เอง รุ้งวิเศษใสกระจ่างที่ร้อยเรียงเป็นลำดับปานโซ่ตรวนสายหนึ่งพุ่งปราดออกมา

เร็วเกินไปแล้ว!

ชั่วพริบตาก็ตัดผ่านพายุสีเลือดนั้นไป จากนั้นพลันแหวกทะลวงห้วงอากาศมาถึงเบื้องหน้าอริยะเซวี่ยถู!

เซวี่ยถูคำรามสนั่น ยามอ้าปากเกลียวคลื่นสีเลือดรวมตัวกัน เปี่ยมด้วยพลังอริยมรรค สำแดงวิชาลับคลื่นเสียงอย่างหนึ่งที่สามารถบดห้วงอากาศเป็นผุยผง ทำลายฟ้าดินเป็นชิ้นๆ

แต่ว่านี่แทบไม่มีประโยชน์สักนิด รุ้งวิเศษนั้นโฉบเข้ามา ทะลวงผ่านเกลียวคลื่นสีเลือด จากนั้นก็โถมใส่ร่างอริยะเซวี่ยถู

ปึง!

ท่ามกลางเสียงกึกก้องน่าสะพรึง อริยะเซวี่ยถูกระเด็นลอยออกไป กระแทกใส่ภูเขาที่อยู่ห่างออกไปอย่างจัง หินผาหิมะน้ำแข็งทรุดครืนไม่รู้เท่าไร

ทุกคนล้วนนิ่งอึ้ง ตามองยังบริเวณไกลโพ้น ที่ตรงนั้นฝุ่นควันตลบทะยานฟ้า พร้อมๆ กับมีเสียงร้องโหยหวนของอริยะเซวี่ยถู

ภาพนี้สะท้านใจทุกผู้คน!

ยอดเขาถูกกระแทกหักพัง อริยะคนหนึ่งเชียวนะ ถึงกับถูกหนึ่งการโจมตีซัดจนกระเด็นออกไปกระแทกยอดเขา ทำให้พื้นดินแหวกออก ห้วงอากาศพังทลาย

นี่มันน่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

“นี่…”

เสียงสูดหายใจเฮือกดังก้องกลางลาน

“เมื่อครู่ข้าเห็นอะไรไปหรือ อริยะผู้สูงส่ง เพียงพอจะเย้ยหยันโลกหล้าคนหนึ่งถูกซัดปลิวหรือ”

บางคนยังคงไม่เชื่อ สมองมึนงงน้อยๆ

ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดปากคอแห้งผาก รู้สึกน่าเหลือเชื่อ ภาพเช่นนี้สั่นสะเทือนจิตใจผู้คนเสียจริงๆ

ส่วนลึกของทะเลหมากดารา หลินสวินยืนร่างโชกเลือด ผมยาวสีดำ นัยน์ตาดำเย็นเยียบ แต่กลับไม่รู้สึกว่าเหนือคาด เยือกเย็นยิ่งนัก

ตูม!

บนร่างพวกฟางหลิงซู่ต่างปรากฏพลังอริยมรรคน่าสะพรึงขึ้นมา สะท้านสะเทือนฟ้าดิน

ภาพก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาใจสะท้านเช่นกัน ตระหนักได้ว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่คู่ต่อสู้กร้าวแกร่งถึงขีดสุดคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้พวกเขาไม่กล้าโอ้เอ้อีกต่อไป

“ขอบังอาจถามว่าสหายยุทธ์จากที่ไหนให้เกียรติมาเยือน”

ฟางหลิงซู่เปล่งวาจา ดังกระหึ่มก้องฟ้าดิน เจตกระบี่ไร้เทียบเทียมสายหนึ่งพุ่งออกจากตัวเขา เขย่าขวัญผู้คน สั่นคลอนนภสินธุ์

เมื่อครู่ตอนที่จัดการหลินสวิน พวกเขาไม่เคยใช้พลังแท้จริงสักครั้ง กังวลว่าจะพลั้งมือฆ่าหลินสวินตายจนสูญเสียวาสนาไป

แต่ยามนี้ ตอนที่ตระหนักได้ว่าศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่งโผล่มา พวกเขาต่างหนาวสะท้าน เริ่มเปิดเผยพลานุภาพระดับอริยะอย่างแท้จริงออกมา

“สนไปไยว่าเขาเป็นใคร ข้าจะให้เขาตาย!”

โครมครืน! กลางยอดเขาไกลออกไป เงาร่างมหึมาสายหนึ่งลุกขึ้นยืน แหวกยอดเขาที่กดทับบนตัวออกยืนตระหง่าน นัยน์ตาดุจดั่งจันทราสีเลือดแดงฉานสองดวง น่าสะพรึงไร้ใดเปรียบ

เป็นอริยะเซวี่ยถูที่ถูกซัดกระเด็นก่อนหน้านี้!

เพียงแต่เวลานี้เขาต่างไปจากเดิมลิบลับ เจือไอสังหารระฟ้า สาวเท้าก้าวออกมา สะเทือนจนฟ้าดินแถบนี้สั่นคลอนรุนแรง ห้วงอากาศพังทลายทรุดครืนทีละชุ่น

ผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดต่างใจสะท้าน พากันถอยกรูด ภายใต้แรงกดดันของพลานุภาพอริยะอันน่าสะพรึงระดับนี้ พวกที่ความแข็งแกร่งไม่เข้าขั้นส่วนหนึ่งล้วนสั่นเทิ้มทั้งร่าง แทบจะคุกเข่าลงกับพื้น

นี่คือความกริ่งเกรงอย่างหนึ่ง ไม่อาจควบคุม เกิดจากสัญชาตญาณทั้งสิ้น!

พลานุภาพแห่งอริยะสั่นคลอนสุริยันจันทราภูผาธารา ยามผู้ฝึกปราณที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะพบเจอ แทบจะไร้หนทางต้านทานได้ ล้วนถูกอานุภาพเขย่าขวัญกดดันข่มจิตใจโดยสิ้นเชิง

เพียงแต่อริยะที่สูงส่งทรงสง่าเช่นนี้ เมื่อครู่กลับถูกคนซัดปลิวด้วยการโจมตีเดียว เมื่อลองคิดดูก็พาให้ผู้คนยากจะเชื่อ

“ถ้ากล้าก็โผล่หน้ามาสู้กันสักตั้ง!”

อริยะเซวี่ยถูเดือดดาล น้ำเสียงของเขาสะท้านทั่วทิศ บนฟ้าประหนึ่งมีอสนีเดือดพล่านสนั่นหวั่นไหว บดชั้นเมฆแตกกระจุย

“อ๊าก!” คนส่วนหนึ่งร้องลั่น อุดหูครูดกายลงกับพื้น ยิ่งมีบางส่วนถูกซัดสะเทือนจนเลือดออกเจ็ดทวาร เบื้องหน้าสายตาปรากฏดาวสีทอง

พลานุภาพอริยะระดับนี้น่าหวาดกลัวจริงๆ

“กาลเวลาไร้สิ้นสุดผ่านไป โลกใบนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แค่อริยะเทียมกลุ่มหนึ่งเท่านั้น กลับกล้าไร้ขื่อไร้แปเช่นนี้ พาให้ข้ารู้สึกเหนือคาดเสียจริง”

กลางฟ้าดิน เสียงกระจ่างเย็นเยียบแผ่วเบาสายหนึ่งดังขึ้น

ก็เห็นรัศมีแสงร่วงจากฟ้า เงาร่างงดงามและพร่ามัวสายหนึ่งค่อยๆ ควบรวมกันที่กลางจุดตัดของรุ้งวิเศษ จวนจะปรากฏชัดเจนขึ้นมา

อริยะเทียม!

คนไม่น้อยในลานหนาวสั่นทั่วร่าง เป็นใครกันถึงกล้าเอ่ยคำพูดว่าพวกอริยะฟางหลิงซู่เป็นอริยะเทียมออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์