Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1113

เพียงแต่เมื่อหลินสวินเอาอาหารนานาชนิดออกมาเรียบร้อยแล้ว ซย่าจื้อกลับไม่ทำเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้กินอาหารทันที

นางยังคงจ้องมองหลินสวิน เหมือนในดวงตาและจิตใจเหลือเพียงหลินสวิน

ฟ้าดินจักรวาลนี้รวมถึงอาหารตรงหน้าล้วนเหมือนไม่มีอยู่

หลินสวินอึ้งไป “ทำไมหรือ”

เขาหยุดทำสิ่งที่ทำอยู่ มองมายังซย่าจื้อ ในใจกลับมีความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกอยู่รางๆ คล้ายว่าจะเกิดเรื่องที่อาจเกินความคาดหมายของเขาไป

ซย่าจื้อส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร หลุบตาลงแล้วนำเนื้อย่างชิ้นหนึ่งมากิน

หลินสวินพบว่าความเร็วตอนซย่าจื้อกินอาหารเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กริยาดูเยือกเย็นสุขุม แต่ใจกลับไม่อยู่ตรงนั้น กินเพียงเพื่อกินเท่านั้น

หลินสวินมองดูอย่างเงียบๆ ในใจลอบครุ่นคิดว่า หรือตอนฝึกปราณจุติกำเนิดใหม่ครั้งก่อนเกิดเรื่องไม่คาดฝันบางอย่างขึ้น ถึงได้ทำให้ซย่าจื้อดู… แปลกออกไปอยู่บ้าง

ตอนนี้ซย่าจื้อกวาดอาหารทั้งหมดจนเกลี้ยงแล้ว จากนั้นนางก็เงยหน้างดงามราวภาพเขียนขึ้น ดวงตาสุกสกาวดุจดวงดาราบนท้องฟ้าทั้งคู่จ้องมองหลินสวินอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ข้าจะจากไปสักพักหนึ่ง”

น้ำเสียงมีชีวิตชีวา ใสกังวานและนุ่มนวล

เมื่อมาถึงหูหลินสวิน กลับเหมือนสายฟ้าฟาดกะทันหัน ในใจพลันสั่นสะท้าน หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย “จากไปหรือ”

ซย่าจื้อพยักหน้า ดวงตาราวจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า เอ่ยว่า “การฝึกปราณจุติกำเนิดใหม่ครั้งที่ห้าไม่เหมือนที่ผ่านมา จะต้องนิพพานระหว่างต่อสู้ แปรสภาพในความมืดมิด”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วถาม “ไปที่ไหน”

ซย่าจื้อลุกขึ้น เงยหน้าพริ้มเพรามองไปยังเวิ้งฟ้า

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่บนท้องฟ้านั้นมีม่านดำราวราตรีนิรันดร์ชั้นหนึ่งผุดขึ้น สีเข้มราวน้ำหมึก บดบังแสงนภา ส่งกลิ่นอายที่ทำให้ผู้อื่นกดดันออกมา

เจ้าคางคกกับอาหลู่ที่อยู่ห่างออกไปล้วนตกตะลึง พากันเบียดเข้ามา

ราตรีนิรันดร์นั้นประหนึ่งม่านเหล็กที่ปิดผนึกท้องนภา ดุจความมืดมิดแห่งวันสิ้นโลกมาเยือน มีพลังเงียบงันถึงขั้นทำให้คนหายใจลำบากอย่างหนึ่ง

“ไปที่นั่น”

เสียงซย่าจื้อต่ำลึก บนใบหน้างามเลิศที่สามารถทำให้ฟ้าดินหม่นหมองได้นั้น แม้สุขุมเยือกเย็นดังเดิม แต่กลับเจือความแน่วแน่ด้วย

หลินสวินจับจ้องม่านรัตติกาลบนเวิ้งฟ้านั้น สีหน้าหนักอึ้งอยู่บ้าง “ที่นั่นคือที่ไหน ข้าไปกับเจ้าได้ไหม”

ซย่าจื้อส่ายหน้า “ที่นั่นเป็นสนามประลองของข้าเพียงผู้เดียว นอกจากข้า ใครก็เข้าไปไม่ได้”

ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบเชียบกดดันหาใดเทียบ ประตูลึกลับบานหนึ่งปรากฏขึ้นช้าๆ เหนือม่านรัตติกาลบนเวิ้งฟ้า รางเลือนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด มองเห็นได้ไม่ชัด

“เวลาไม่มากแล้ว”

ทวนยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือซย่าจื้ออย่างเงียบเชียบ ทวนขาวบริสุทธิ์ทั้งเล่ม ประกายใสที่ราวนิมิตมายาสายแล้วสายเล่าอุบัติขึ้น

ในขณะเดียวกันไอสังหารไพศาลหาใดเทียบก็แผ่กระจายออกมาจากตัวซย่าจื้อ ทำให้อาภรณ์นางปลิวไสว เงาร่างอรชรเหนือโลกีย์และมีชีวิตชีวา เหมือนจะขี่ลมขึ้นไปจู่โจมเก้าชั้นฟ้า!

หลินสวินสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่ว่างเว้น

ความปรีดาแต่เดิมมลายไปสิ้น ในใจว่างเปล่า ความทุกข์ระทมสุมทรวง

ตั้งแต่อยู่หมู่บ้านเฟยอวิ๋นในโลกเบื้องล่างจนกระทั่งตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ซย่าจื้อเป็นฝ่ายบอกว่าจะจากไป!

ก่อนหน้านี้แม้ซย่าจื้อเคยถูกราชินีรัตติกาลพาตัวไป แต่หลินสวินรู้ว่ามีราชินีรัตติกาลดูแล ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายกับซย่าจื้อ

ทว่าตอนนี้…

ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!

ซย่าจื้อไปออกศึก ทั้งยังไปคนเดียว…

ชั่วขณะหนึ่งจิตใจหลินสวินสับสนยุ่งเหยิง คิดจะขัดขวาง แต่กลับทนไม่ได้อีก เพราะซย่าจื้อพูดไว้แล้วว่าการฝึกปราณจุติกำเนิดใหม่ครั้งที่ห้าของนางต้องนิพพานระหว่างต่อสู้

นี่เป็นมรรคาของนาง หลินสวินจะขัดขวางได้อย่างไร

ฉับพลันนั้นหลินสวินเพียงรู้สึกว่าร่างของเขาถูกกอดไว้ ร่างงามที่ทั้งร้อนทั้งเย็นร่างหนึ่งโผเข้ามาในอ้อมกอด เมื่อก้มหน้าลงมองดูกลับเป็นซย่าจื้อ

เขาแข็งทื่อไปทั้งตัว เสียงของซย่าจื้อดังขึ้นข้างหู “รอข้ากลับมานะ”

เสียงใสกังวาน เผยให้เห็นความรู้สึกที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธ

หลินสวินพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

ซย่าจื้อถอยออกไปสองสามก้าวแล้วมองหลินสวินอย่างลึกซึ้งอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ถึงหันกายแล้วเหยียบย่างขึ้นไปบนห้วงอากาศ

อาภรณ์ของนางพลิ้วไหว ในมือถือทวนยาวกระโดดออกไปก้าวหนึ่ง เส้นทางที่ประหนึ่งควบรวมขึ้นจากความมืดสายหนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงอากาศ พุ่งตรงไปยังเวิ้งฟ้า

ไม่หันหลังกลับมาอีก แต่ไม่ใช่การจากลาชั่วนิรันดร์

ไม่มีลังเลอีก แต่ไม่ใช่การไปแล้วไปลับ

ซย่าจื้อไปแล้ว ก้าวย่างมั่นคง เหยียบย่างไปบนห้วงอากาศ เงาร่างอรชรยิ่งห่างไกลยิ่งคลุมเครือขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ถูกราตรีนิรันดร์มืดมิดปกคลุม

หลินสวินยืนอยู่บนเกาะสันโดษ จ้องร่างงามนั้นค่อยๆ หายไป ในใจเหมือนถูกทำให้ว่างเปล่า มีความรู้สึกอยากจะตามไปด้วยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ตูม!

พลังขับเคลื่อนรอบกายเขาส่งเสียงโครมคราม พลังค่ายกลวัฏจักรดาราในฟ้าดินแถบนี้ถูกโคจร ประกายดาวพร่างพราวพุ่งขึ้น แปรสภาพเป็นละอองแสงเต็มฟ้าพุ่งขึ้นไปในเมฆา

เพียงแต่เวิ้งฟ้าอยู่สูงเกินไป ความมืดมิดราวราตรีนิรันดร์ไม่อาจสั่นคลอนได้เลย

ก็ในตอนนี้เอง ซย่าจื้อมาถึงหน้าประตูดำสนิทที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของเวิ้งฟ้าบานนั้นแล้ว นางหยุดฝีเท้า

“เจ้าต้องรักษาตัวนะ! ข้าจะรอเจ้าเสมอ…”

เสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังขึ้น สั่นสะเทือนไปในชั้นเมฆา

ริมฝีปากซย่าจื้อคลี่ยิ้มอย่างเข้าใจ ใบหน้างามล้ำผุดผาดเผยความแจ่มใสอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชั่วพริบตานั้นเหมือนว่าแม้แต่ราตรีนิรันดร์ยังหม่นหมองลงเพราะนาง

จากนั้นนางก็ก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในประตูแล้วหายไปเช่นนี้

ที่หายไปด้วยกันกับนาง ยังมีราตรีนิรันดร์กับความมืดมิดที่เหมือนม่านเหล็กปกคลุมเวิ้งฟ้านั้น ฟ้ากลับมากระจ่างใส ดาราดวงแล้วดวงเล่าเปล่งประกายไหววูบอีกครั้ง

บนเกาะสันโดษ หลินอึ้งไป เสื้อผ้ากระพือไปตามลม

“โธ่ คำว่ารักคำเดียวช่างทำร้ายคนได้จริงๆ”

เสียงทอดถอนใจเสียดหูของเจ้าคางคกดังขึ้น

“เจ้าก็เคยถูกทำร้ายด้วยหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์