อาภรณ์สีเลือด ผมสีทอง นัยน์ตามรกต!
กอปรกับผิวสีขาวซีดอย่างประหลาดนั้น ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้แผ่กลิ่นอายพิสดารและน่าหวาดผวา
เขาแข็งแกร่งนัก!
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้บรรยากาศฟ้าดินบริเวณนี้ถูกกดอัด เมฆลมปั่นป่วน ประหนึ่งมังกรใหญ่ออกมาจากหุบเหว สะท้านสะเทือนโลก
ผู้ฝึกปราณในงานชุมนุมไม่น้อยต่างรู้สึกหายใจลำบาก ในใจตกตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ สีหน้าที่มองไปยังชายหนุ่มชุดสีเลือดผู้นั้นต่างเปลี่ยนไปแล้ว
‘นี่ก็คือจินเซี่ยวหมิง สัตว์ประหลาดยุคโบราณจากเผ่างูราชันทองคำ ตั้งแต่ปรากฏตัวอย่างโดดเด่น ได้กำราบบุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันไปแล้วสิบกว่าคน ไม่มีสถิติแพ้เลย’
ฉีชงโต้วสีหน้าคร่ำเคร่ง รีบสื่อจิตบอกให้หลินสวินรู้ถึงตื้นลึกหนาบางของคนผู้นี้
หลินสวินพยักหน้า สีหน้าสงบนิ่ง เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าอานุภาพของจินเซี่ยวหมิงไม่ธรรมดายิ่งนัก มีลักษณะของยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎอันเป็นเอกลักษณ์
……
การปรากฏตัวของจินเซี่ยวหมิงทำให้บรรยากาศในที่นั้นกดดันและตึงเครียด เงียบสงัดไปหมด
ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างหวั่นกลัวหาใดเทียบ
ควรรู้ว่าพลรบชุดแดงแปดคนนั้น แต่ละคนต่างแกร่งกล้าอย่างที่สุด สามารถกำราบบุคคลขอบเขตมกุฎที่อยู่ในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้ ทรงพลังกว่าผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในงานนี้
แต่ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับถูกจินเซี่ยวหมิงฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ มองพวกเขาเป็นพวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!
วิธีการที่นองเลือดและอำมหิตนี้ สั่นสะท้านจิตใจคนเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ในที่สุดก็มีคู่ต่อสู้น่าสนใจโผล่มาสักคนเสียที”
อาหลู่ดวงตาเปล่งประกาย จิตต่อสู้อันโชติช่วงพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
“เจ้าหมอนี่เป็นของข้า เจ้าอย่ามาแย่งข้า!”
เจ้าคางคกร้องเสียงดัง สีหน้าฮึกเหิม
“หึ! ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ”
เห็นเช่นนี้จินเซี่ยวหมิงก็ส่งเสียงหึหยัน สีหน้าเฉยชาเหี้ยมเกรียม “พวกเจ้าสองคนไม่ต้องโวยวาย ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตายทีละคน”
จากนั้นเขาก็ทอดสายตาไปมองหลินสวินแล้วพูดว่า “เจ้าก็คือเทพมารหลินหรือ”
วาจากังวานเจือไอสังหาร
ทุกคนล้วนใจสั่น เพียงได้ยินเสียงก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความกดดันและไอสังหารไร้สิ่งใดเทียบเทียมได้!
“ใช่แล้ว” หลินสวินพยักหน้า
จินเซี่ยวหมิงชี้ไปที่เจ้าคางคกกับอาหลู่แล้วถามอีกว่า “พวกนี้เป็นพลรบของเจ้าหรือ”
ทันใดนั้นเจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ไม่พอใจแล้ว ร้องว่า “เจ้าพูดบ้าอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องกัน!”
จินเซี่ยวหมิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ไม่ต่างอะไร อย่างไรก็ต้องตาย เพียงแต่พวกเจ้าสองคนยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะประลองกับข้า”
พูดถึงตรงนี้นัยน์ตามรกตของเขาก็มองไปที่หลินสวินอีกครั้ง เอ่ยว่า “ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ยอมรับข้าเป็นนาย ขอเพียงซื่อสัตย์จงรักภักดี ข้าอาจจะพิจารณาพาเจ้าไปชิงศุภโชคใหญ่ที่แดนมกุฎด้วยกัน”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา บรรยากาศทั้งงานก็ยิ่งกดดันและเงียบเชียบ
ทุกคนสูดหายใจเย็นเยียบ แม้จินเซี่ยวหมิงมาคนเดียว แต่กลับเมินเหล่าผู้กล้า ขนาดเจ้าคางคกกับอาหลู่ยังไม่อยู่ในสายตา
หนำซ้ำ เขายังพูดตรงๆ ว่าต้องการรับเทพมารหลินเป็นข้ารับใช้!
ระห่ำเกินไปแล้ว!
เช่นเดียวกัน นี่เป็นการเหยียดหยามเทพมารหลินอย่างไม่ปิดบังโดยไร้ข้อกังขา
ควรรู้ว่าเทพมารหลินเป็นผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ยุคปัจจุบัน เป็นผู้มีอิทธิพลในขอบเขตมกุฎซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั้งใต้หล้า ถ้าเขากลายเป็นข้ารับใช้ เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปผู้คนในใต้หล้าจะมองอย่างไร
แต่จินเซี่ยวหมิงพูดอย่างสมเหตุสมผลนัก นี่ไม่ใช่แค่จองหองธรรมดาๆ แล้ว!
เจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ตาเบิกกว้าง เหมือนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เคยเห็นคนบ้าระห่ำมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าระห่ำได้ขนาดนี้!
ใครมอบความกล้าให้เจ้านี่กัน
คิดจริงหรือว่าเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดแล้ว
“ให้ตายสิ ข้าเพิ่งเคยเห็นคนบ้าระห่ำกว่าข้าเป็นครั้งแรก!” เจ้าคางคกสีหน้าเหยเก คิดว่าเจ้าหมอนี่ข่มความโดดเด่นของตน นี่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ถึงที่สุด
“ไม่ใช่โอหัง แต่ไม่มีใครสั่งสอน” อาหลู่พูดเสียงอู้อี้ “พี่ใหญ่ ข้าจะช่วยให้ไอ้ตาเขียวผมทองนี่สำนึกผิดกับท่านเอง!”
“ทำเช่นนี้ได้ที่ไหน”
ยามหลินสวินพูดก็ทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขวางหน้าอาหลู่แล้ว เขาพูดว่า “ให้ข้าไปสู้เถอะ”
ท่าทีกำเริบเสิบสานของจินเซี่ยวหมิงทำให้หลินสวินทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เขาอยากลองดูว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณนี้มีดีอะไรกันแน่ เหตุใดถึงอวดดีได้ขนาดนี้!
“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าแย่งกันเลย ให้ข้าไปเถอะ ต่อกรกับคนพรรค์นี้ ข้าถนัดที่สุด” เจ้าคางคกพูดพลางจะกระโจนออกไป
สุดท้ายกลับถูกหลินสวินจับไว้แล้วต่อว่า “เจ้าอยู่นิ่งๆ ทำตัวดีๆ ให้ข้า”
“เจ้าก็ให้ข้าลงมือสิ!” อาหลู่ร้องเสียงดัง สีหน้าฮึกเหิม
หลินสวินยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของอาหลู่ไว้แล้วพูดว่า “เจ้าก็หลบไป กว่าจะจับสัตว์ประหลาดยุคโบราณได้สักคน ต้องให้ข้าศึกษาก่อนเสียหน่อย”
พวกเขาสามคนโต้เถียงกันจนผู้ฝึกปราณผู้อื่นล้วนอึ้งงัน ในสมองงุนงง นะนี่… นี่มองจินเซี่ยวหมิงเป็น ‘คนเนื้อหอม’ ที่ต้องแย่งชิงกันแล้วหรือ
จินเซี่ยวหมิงสีหน้าเรียบเฉย เพียงแต่ใครก็ดูออกว่าไอสังหารที่หว่างคิ้วของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นแล้ว ดวงตาประหนึ่งเปลวเพลิงสีเขียวแผดเผาอยู่
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายถึงกับกล้าปฏิบัติกับตนเช่นนี้ ถึงขั้นไม่สนใจเขาเลย!
ตั้งแต่ปรากฏตัวมา เขาแผลงฤทธิ์ทั่วโลกหล้า ใครเล่าจะกล้าดูเบาเขา
แม้แต่บุคคลขอบเขตมกุฎยุคปัจจุบันที่เขากำราบไปก็ไม่มีสักคนที่รับได้เกินสิบกระบวนท่า!
“ไม่ต้องแย่งกันแล้ว วันนี้พวกเจ้าต้องตายทุกคน!”
จินเซี่ยวหมิงแผดเสียงดังราวสายฟ้า ยื่นแขนคว้าออกไป รอยแยกในห้วงอากาศน่าครั่นคร้ามรอยหนึ่งปรากฏขึ้น แผ่ขยายไปหาหลินสวินอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
เขาหมายจะสังหารหลินสวิน มอบบทเรียนนองเลือดครั้งหนึ่งแก่ทุกคน!
ตึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์