สรุปตอน ตอนที่ 1122 ฉีกแขนทั้งเป็น – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1122 ฉีกแขนทั้งเป็น ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“เฉือน!”
ใต้เวิ้งฟ้าหลินสวินพุ่งขวางเข้าหา ดาบหักราวแสงอสนีเจิดจ้า ไม่เพียงแค่เร็วยังแผ่พลังสังหารที่ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้
เขายิ่งสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง!
สีหน้าจินเซี่ยวหมิงจริงจังหาใดเปรียบ แม้ทวนยักษ์สีเลือดถูกเขาโคจรถึงขีดจำกัด แข็งแกร่งถึงขั้นพลังแต่ละทวนล้วนสามารถสังหารผู้กล้าในปัจจุบันคนหนึ่งอย่างง่ายดาย
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีของดาบหักกลับทำให้เขาตั้งรับอย่างยากลำบาก!
‘ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้’
ในใจจินเซี่ยวหมิงตระหนกขุ่นเคือง เลือดลมทั่วร่างม้วนทะยาน เขายังไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง แค่ยอดมกุฎรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งคนหนึ่งเท่านั้น กลับมีพลังต่อสู้ที่เพียงพอจะประชันกับยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎได้
“เฉือน!”
แต่หลินสวินกลับจิตต่อสู้ปะทุพล่าน ทั่วร่างถูกแสงมรรคประกายศักดิ์สิทธิ์เขียวอร่ามปกคลุม อานุภาพดั่งเทพมารเคลื่อนกวาดเวิ้งฟ้า
แต่ละกระบวนเฉือนต่างเผยพลานุภาพยิ่งใหญ่ชวนประหวั่นไร้ขอบเขต
บ้างเป็นลักษณ์หมื่นดาราร่วงหล่น
บ้างเป็นภาพจันทร์เต็มดวงกลางราตรี ตะวันจรัสแสงส่องฟ้าดิน
บ้างเป็นพลังแห่งความสงัดว่างเปล่า ฟ้าดินหวนคืนความสงบ
และบ้างก็เป็นความอัศจรรย์แห่งการเกิดดับชั่วพริบตา!
หกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าถูกแก่นมรรคธาตุน้ำสำแดงออกมาถึงขีดสุด กระตุ้นอานุภาพด้วยโทสะหยาจื้อและวิชาอริยะยุทธ์ ทำเอากลางฟ้าดินทุกแห่งหนล้วนเป็นคมดาบกระจ่างดุจหิมะ
ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ จินเซี่ยวหมิงถูกกำราบอยู่รางๆ อย่าว่าแต่โต้กลับ แม้แต่ต้านทานยังเห็นได้ชัดว่าลำบากอยู่บ้าง ต้านทานไม่ไหว
เคร้ง!
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผ่านการปะทะราวสะท้านฟ้าสะเทือนดินหนึ่งครั้ง เงาร่างจินเซี่ยวหมิงสั่นเล็กน้อยราวถูกฟ้าผ่า จากนั้นกระอักเลือดออกจากปาก สีหน้าพลันซีดขาวลงสามส่วน
ทุกคนตรงนั้นตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้ยามหลินสวินกำราบร่างแยกจินเซี่ยวหมิงก็ทำให้พวกเขาใจสะท้านแล้ว แต่ตอนนี้เขาเหมือนยังมีพลังกำราบร่างต้นจินเซี่ยวหมิงด้วย!
‘ยอดเยี่ยมมาก!’
แววตาหมีเหิงเจินเป็นประกาย การสังเกตการต่อสู้ของหลินสวินทำให้ในใจเขากระเหี้ยนกระหือรืออยู่บ้าง ความปรารถนาการต่อสู้ถูกจุดชนวน
ครืน!
บนเวิ้งฟ้าจินเซี่ยวหมิงสีหน้าคล้ำเขียวไม่พูดสักคำ สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เกี้ยวสมบัติกระพรวนทองที่เดิมถูกพันธนาการบนเขาวิญญาณพันกระแสพลันทะยานฟ้า พ่นแสงศักดิ์สิทธิ์สีรุ้ง แสงเทพตลบอบอวล
เงาร่างจินเซี่ยวหมิงพลันไหววูบเหยียบเกี้ยวสมบัติกระพรวนทอง แค่พริบตาทั่วร่างเขาก็ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งปกคลุม พลานุภาพพลันพุ่งทะยาน
เห็นชัดว่าเขาไม่ได้หลบหนี แต่ใช้เกี้ยวสมบัติแทนรถศึกหมายจู่โจมสังหารเต็มกำลัง!
ปึง!
ดาบหักบุกโจมตี กระจ่างดุจหิมะราวกลางวันมาเยือน ทว่าในที่นั้นกลับปรากฏลวดลายมรรค แผนภาพร้อยปีศาจบรรพกาลปรากฏออกมาและสลายกระบวนเฉือนนี้อย่างง่ายดาย
จินเซี่ยวหมิงหยัดยืนบนเกี้ยวสมบัติ สีหน้าเย็นชากล่าว “เกี้ยวนี้คือสมบัติอริยะ นามเกี้ยวเมฆาร้อยปีศาจ ใช้จิตวิญญาณแห่งร้อยปีศาจบรรพกาลหลอมออกมา ประทับรอยสลักกฎเกณฑ์อริยมรรค สามารถบีบข้าให้ใช้มันได้ เจ้าก็ตายตาหลับได้แล้ว”
ทุกคนใจสะท้าน สูดหายใจเย็นไม่หยุด
อานุภาพแห่งสมบัติอริยะต่างกันไป แต่ล้วนเรียกได้ว่าพลิกฟ้า พลังปราณระดับกระบวนแปรจุติบางทีคงยากสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของสมบัติอริยะออกมาได้ แต่แค่ยืมพลังส่วนหนึ่งได้ก็เพียงพอผงาดเหนือโลกแล้ว!
ครืน!
เกี้ยวเมฆาร้อยปีศาจห้อตะบึง กดอัดห้วงอากาศครั่นครืนพุ่งเข้าใส่หลินสวิน โดยรอบปรากฏแผนภาพร้อยปีศาจบรรพกาลขยับเคลื่อนมีชีวิตชีวา พลังอริยมรรคทะลวงเมฆ ขับเน้นจนจินเซี่ยวหมิงดุจเทพสังหารกลางสมรภูมิองค์หนึ่ง!
นี่ทำให้ผู้คนหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกหายใจลำบาก
หากหลินสวินไม่มีสมบัติอริยะ เผชิญหน้าการสังหารเช่นนี้คงรู้สึกตึงมือหาใดเปรียบ ถึงขั้นยากต้านทาน
แต่เห็นชัดว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่คณามือเขา!
วู้ม
เจดีย์สมบัติไร้อักษรทะยานนภา ตัวเจดีย์แปดเหลี่ยมส่องแสงสว่างไสวโชติช่วงดั่งดวงตะวัน นั่งบัญชากลางอากาศ สะท้อนอานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาล
พลานุภาพของเกี้ยวเมฆาร้อยปีศาจที่พุ่งเข้ามาถูกขวางทันใด เจอการสกัดจากเจดีย์สมบัติไร้อักษร
สมบัติอริยะที่ต่างกันสองชิ้นปลดปล่อยอานุภาพอัศจรรย์เหนือห้วงอากาศ ต่างฝ่ายต่างช่วงชิงชัย ทำให้ห้วงอากาศในที่นั้นล้วนทรุดตัวลง ปรากฏรอยแยกหลากสายที่ยาวประมาณพันจั้ง
ณ ที่นั้นสว่างเจิดจ้า เปี่ยมกลิ่นอายทำลายล้างชวนประหวั่น ทำให้ผู้คนแค่มองจากไกลๆ ก็รู้สึกหนังศีรษะชาวาบหนาวเยือกไปทั้งตัว
ชิ้ง!
ขณะเดียวกันหลินสวินบุกโจมตีอีกครั้ง ดาบหักดุจห้อทะยานเฉือนกวาดเก้าชั้นฟ้า
ไม่ทันไรจินเซี่ยวหมิงก็ต้านไม่อยู่ ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส กระอักเลือดไม่หยุด
เดิมเขายังหวังใช้เกี้ยวเมฆาร้อยปีศาจมาพิฆาตหลินสวิน แต่ไหนเลยจะคิดว่าสมบัตินี้จะถูกเจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือหลินสวินตรึงไว้อย่างแน่นหนา ยากจะสำแดงอานุภาพออกมาได้
ฉัวะ!
ไม่นานนักดาบหักแผ่ไอสังหารน่าหวาดกลัว เฉือนตัดทวนยักษ์สีเลือดของจินเซี่ยวหมิงออกเป็นท่อน ทั้งยังกระเทือนจนจินเซี่ยวหมิงซวนเซเกือบร่วงลงมาจากเกี้ยวเมฆาร้อยปีศาจ
ปึง!
จากนั้นหลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งทะยานไปเบื้องหน้าโดยพลัน เจดีย์สมบัติไร้อักษรเหนือศีรษะมีแสงกระจ่างไหวเวียน กำราบตรึงเกี้ยวเมฆาร้อยปีศาจไว้แน่นหนา
ส่วนเขาก็ยื่นมือคว้าแขนข้างหนึ่งของจินเซี่ยวหมิงทันที คล้ายจะจับตัวฝ่ายหลังเป็นๆ!
การเคลื่อนไหวทั้งมวลเกิดขึ้นในชั่วขณะ เร็วอย่างที่สุด
“ไสหัวไป…!” จินเซี่ยวหมิงถูกทำให้ตระหนกจนขวัญแทบบิน กระตุ้นพลังทั้งหมดหมายซัดหลินสวินกระเด็นออกไปทันที
ใครจะคิดว่านิ้วมือหลินสวินราวห่วงเหล็ก โคจรพลังดับดารากลืนกินทันที เสียงกระดูกแตก เลือดเนื้อทลายพลันดังขึ้น
สีหน้าจินเซี่ยวหมิงแปรเปลี่ยนยกใหญ่ รับรู้ได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิตเป็นครั้งแรก พลังของฝ่ายตรงข้ามยิ่งใหญ่ราวหุบเหวสุดหยั่ง คล้ายจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว!
พรูด!
พริบตานั้นแขนขวาทั้งแขนถูกกระชากขาด ฝนโลหิตสาดพรม
ตูม!
ขณะเดียวกันจินเซี่ยวหมิงคำรามเดือดดาลอย่างเจ็บปวด เกี้ยวเมฆาร้อยปีศาจพุ่งขึ้น พาเขาเคลื่อนย้ายไปนอกระยะพันจั้งในชั่วพริบตา
เขาหยุดไปชั่วขณะแล้วกล่าวต่อ “ถึงอย่างไรสัตว์ประหลาดยุคโบราณแต่ละคนล้วนแบกความหวังของสำนักหนึ่งหรือเผ่าพันธุ์หนึ่ง เจ้าพวกนี้ไม่มีทางถูกสังหารง่ายดายเช่นนี้แน่”
แม้ในใจหลินสวินจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็รู้ดีว่าที่หมีเหิงเจินกล่าวมาทั้งหมดคือเรื่องจริง
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รู้มาจากเจ้าคางคก ว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ถูกซ่อนในหิมะ เดิมพันด้วยกายใจของขุมอำนาจหนึ่ง
บุคคลเช่นนี้ล้วนเป็นอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น หากถูกสังหารก็จะทำให้ความทุ่มเทและความพยายามทั้งหมดของขุมอำนาจหนึ่งสูญเปล่า ความหวังดับสลาย!
ด้วยเหตุนี้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน บนตัวสัตว์ประหลาดยุคโบราณเหล่านี้จึงซ่อนไพ่ตายรักษาชีวิตที่ไม่มีใครรู้เอาไว้!
ไม่นานหลินสวินและหมีเหิงเจินก็กลับมาพร้อมกัน เยื้องกรายลงบนเขาวิญญาณพันกระแส
เวลานี้ทั้งบนล่างภูเขาเดือนพล่านไปทั่ว เสียงอื้ออึงและอัศจรรย์ใจนับไม่ถ้วนดังต่อเนื่องเป็นระลอกราวกระแสน้ำ
จินเซี่ยวหมิง!
สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่แท้จริงคนหนึ่ง ไม่เพียงร่างแยกถูกกำราบ แม้แต่ร่างต้นก็ถูกทำร้ายสาหัส สุดท้ายต้องลุกลี้ลุกลนหลบหนี!
ก่อนหน้านี้ใครก็คิดไม่ถึงว่าบทสรุปจะเป็นเช่นนี้
และหลินสวินที่เอาชนะจินเซี่ยวหมิงได้ ก็กลายเป็นเป้าหมายที่ใครๆ ต่างจับจ้องทันที
“สมเป็นเทพมารหลินที่ไร้พ่ายทุกสมรภูมิ!”
ประโยคทอดถอนใจนี้ก่อให้เกิดการตอบรับเป็นเอกฉันท์
นึกถึงผลงานการต่อสู้ของเทพมารหลินในอดีตที่ผ่านและเทียบกับชัยชนะในวันนี้ ทุกคนต่างพบว่าจนถึงตอนนี้ ในการต่อสู้กับคนรุ่นเดียวกันเทพมารหลินยังไม่เคยมีประวัติพ่ายแพ้อย่างแท้จริง!
นี่ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อ
“นับแต่วันนี้ไป ตำนานที่ว่าสัตว์ประหลาดยุคโบราณไม่อาจถูกเอาชนะได้ถูกทำลายลงแล้ว! และทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณเทพมารหลิน!”
คนมากมายต่างมีรู้สึกเหมือนหายใจได้คล่องขึ้น
แท้จริงแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ผู้ฝึกปราณในยุคปัจจุบันทั่วหล้าถูกสัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนั้นกดข่มจนแทบเงยหน้าไม่ขึ้น ในใจต่างอัดอั้น
บัดนี้ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยแล้ว
บนเขาวิญญาณพันกระแสขณะนี้ก็คึกคักไม่หยุด
หมีเหิงเจินกลับมา ทำให้พวกฉีชงโต้วเหมือนได้แกนนำหลักหวนคืน
และการต่อสู้ที่หลินสวินซัดจินเซี่ยวหมิงจนพ่ายยับ ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณที่เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ต่างฮึกเหิมและตื่นเต้น รู้สึกเป็นเกียรติ!
ทว่าไม่ทันไรทุกคนก็ถูกกลิ่นเนื้อเย้ายวนดึงดูดจิตใจฉับพลัน ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างอดลอบกลืนน้ำลายไม่ได้ สายตามองไปยังหม้อยักษ์ใบหนึ่งโดยพร้อมเพรียง
บรรยากาศคึกคักในที่นั้นถูกเบี่ยงเบนไปทันที…
อาหลู่กำลังตุ๋นน้ำแกงงู ในหม้อยักษ์มีเนื้องูขาวกระจ่างแวววาวหลายชิ้นกำลังเดือดพล่านฟองปุดๆ กลิ่นเนื้อหอมกระจายไปทั่ว กลิ่นนั้นราวกับสามารถแทรกซึมจิตวิญญาณ ทำให้คนอดใจไม่อยู่!
แม้แต่หลินสวินยังเช็ดน้ำลายอย่างไม่ทิ้งไร้ร่องรอย กล่าวอย่างประหลาดใจ “กลิ่นนี้เหมือนจะเหนือกว่าเนื้อหมาทมิฬอยู่บ้าง”
ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา สีหน้าทุกคนล้วนเปลี่ยนเป็นผิดแปลก เพิ่งนึกขึ้นได้เอาตอนนี้ว่าเทพมารหลินตรงหน้าคนนี้ คือคนเหี้ยมหาญที่เคยกินเนื้อสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนหนึ่ง!
………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์